เปลว สีเงิน
วันนี้ มีเรื่องน่ายินดีกับประเทศมาบอกกันครับ!
“ซาอุดิอารเบีย” กับ “ประเทศไทย”
“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ที่จางคลายกันไป ถึงขั้นซาอุฯ ห้ามประชาชนของเขาเดินทางมาไทย นานกว่า ๓๐ ปี
จากกรณีเพชรซาอุฯ และกรณีนักธุรกิจของเขาที่มาถูกสังหารในไทย นั้น
บัดนี้……..
จากการประสาน “มิตรภาพ-สัมพันธ์” ของรัฐบาล โดยคณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้ง ๒ ประเทศ ต่อเนื่อง
กลางเดือนที่ผ่านมา(มกรา.๖๕)
“นายดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปเยือนซาอุฯ ตามคำเชิญ
นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า ๓๐ ปี ที่เป็นการเยือนในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ
และหลังจากที่ คณะทำงานทั้ง ๒ ประเทศทำงานฟื้นฟูสัมพันธ์ร่วมกันเรื่อยมา จนถึงขั้น มีความประสงค์ต้องกัน จะปรับระดับความสัมพันธ์ทางการทูตให้กลับสถานะเดิม
อังคารที่ ๒๕ มกรา.นี้ ก็มีข่าวดีถึงมิตร-สัมพันธ์ที่คืนกลับ “ระดับประเทศ” ว่า
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนซาอุฯ ตามคำเชิญรัฐบาลซาอุฯ
และหนึ่งรัฐมนตรีที่ร่วมไปในคณะด้วยคือ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน
ก่อนซาอุฯ “ลดสัมพันธ์” กับไทย ซาอุฯ เป็นตลาดแรงงานใหญ่ของไทย ส่งแรงงานไปปีละไม่ต่ำกว่า ๑๕๐,๐๐๐ คน
หลังกรณีเพชรซาอุฯ ทั้งตลาดการค้า ตลาดแรงงาน ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน!
ในไทยเราเอง อดีตนักท่องเที่ยวรายใหญ่ กระเป๋าหนัก คือนักท่องเที่ยวซาอุฯ ย่านสุขุมวิท-นานา ย่านสะพานควาย คือสวรรค์บนดินของเขา
เมื่อลดสัมพันธ์ แต่ด้วยเสน่ห์มิตรภาพไทย นักเที่ยวซาอุฯ ก็ยังเข้ามาแบบเงียบๆ “ร่วมแสนคน” ต่อปี!
ต่อไปนี้ เมื่อ ซาอุฯ-ไทย คืนสัมพันธ์ดังเดิม ตลาดส่งออก ตลาดแรงงาน ตลาดท่องเที่ยวไทย แหล่งชอปปิ้ง จะกลับคึกคักเพิ่มอีกครั้ง
ไร่ “มะขามหวาน” แถวเพชรบูรณ์ ปรับแผน “ปลูกมะขามเปรี้ยว” กันด่วน นอกจากมะขามเปรี้ยว ไทยก็คงถึงวาระพูดกันว่า “ข้าวไม่เหลือ-เกลือไม่พอขาย” อีกครั้ง
นักการเมืองนั่นน่ะ “กัดกันเพื่ออำนาจ” พอหอมปาก-หอมคอเถอะ ตอนนี้ หันมา “จูบปากกันเพื่อชาติ” บ้างก็ได้
เตรียมทำประเทศเป็น “คลังอาหารโลก” กันไว้
โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ใน ๕-๑๐ ปีข้างหน้า ด้วยสถานการณ์โลกขณะนี้ มันเป็น “โอกาสทองเกษตรไทย”
โอกาสมาแล้ว…….
พี่น้องเกษตร “ชาวไร่-ชาวนา-ชาวสวน” จะรวยเลิศหรือจะบรรลัย ก็ขึ้นอยู่กับ “นักการเมือง” ระบบสภานี่แหละ
กระทรวง “เกษตร-พาณิชย์-แรงงาน-ท่องเที่ยว” ปรับวิสัยทัศน์แผนงาน-แผนตลาดด่วน!
อ้าว…พอดี………
“เพจไทยคู่ฟ้า” เผยแพร่กำหนดการ การเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของนายกฯ ประยุทธ์ “เป็นทางการ” พอดี เอ้า…อ่าน
ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ม.ค.ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีช อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย
โดยการเยือนครั้งนี้ เป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศ เป็นครั้งแรก ในรอบกว่า ๓๐ ปี โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเฝ้าฯและพบหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน
ก็เป็นข่าวดีของประเทศรับปี ๒๕๖๕!
วันก่อน ผมทิ้งท้ายไว้ว่า เรื่อง “ยกคอก-ย้ายพรรค” เป็นเรื่องเล็ก ให้ตามดูเรื่องใหญ่ที่จะเป็นมรสุมกระหน่ำประเทศ
บางท่านอยากรู้ มันคืออะไร ฉะนั้น วันนี้ มาขยาย “ดับกระหาย” กันจั๊กหน่อย!
ประเด็นแรก…..
เรื่องคณะบริหารพรรคพลังประชารัฐ “ขับธรรมนัส” กับ ๒๑ สส.ออกจากพรรค
การขับแบบผิดธรรมชาติ ปรากฏว่า ๑ ใน ๒๑ สส.ไปยื่นหนังสือ “พลเอกประวิตร” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเขาไม่รู้เรื่อง ถูกอ้างชื่อร่วม
การที่เขาถูกขับจากพรรคจึงไม่เป็นธรรม ทั้งข้อหาที่ขับก็ “ไม่เป็นจริง” ทั้งไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงใดๆ ก่อนเลย
จึงขอให้หัวหน้าพรรค กก.บห.พรรค “ทบทวนมติ” นั้น!
นี่ประเด็นหนึ่งละ และในเรื่องเดียวกัน…….
“นายศรีสุวรรณ จรรยา” ไปยื่นกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ไต่สวนและวินิจฉัย กรณี พปชร.ขับ ๒๑ สส.ว่า
“ดำเนินการโดยชอบด้วยข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ๒๕๖๑ และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ๒๕๖๐ หรือไม่” ใน ๔ ประเด็น คือ
๑.การที่ สส.เรียกร้องให้ปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ จะถือเป็นเหตุที่ร้ายแรง จนต้องให้ออกจากสมาชิกพรรคนั้น ชอบหรือไม่?
๒.การที่มี ๑๗ กก.บห.พรรคและ ๖๑ สส.รวมทั้งสิ้น ๗๘ คน ประชุมแล้วมีมติให้สมาชิกพรรคออกจาก “สมาชิกภาพ” โดยมิได้มี “สส.ทั้งหมดของพรรค” ร่วมประชุมครบ ถือว่าชอบหรือไม่?
๓.ข้ออ้างในการมีมติเห็นชอบขับ อ้างข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อ ๕๔(๕)ว่าเป็นเหตุร้ายแรงอื่น โดยพรรคไม่มีการตั้งคณะกก.ขึ้นมาไต่สวน สอบสวน สมาชิกทั้ง ๒๑ คน เพื่อหาข้อสรุปก่อนเสนอให้ที่ประชุมร่วมของพรรคพิจารณาเสียก่อน ชอบหรือไม่? และ….ฯลฯ
เหล่านี้ ว่า “อาจขัดข้อบังคับพรรคและกฎหมาย” จึงแจ้งให้กกต.ตรวจสอบ
ประเด็นที่สอง….
การหาเสียงเลืกตั้งซ่อม เขต ๖ สงขลา จากปราศรัยหาเสียงของรอ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาฯพรรคพปชร.
“นายธิวัชร์ ดำแก้ว” พรรคก้าวไกล เข้ายื่นเอกสารคำร้อง พร้อมหลักฐานต่อ กกต.สงขลา ให้ตรวจสอบว่า
“การกระทำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปราศรัยเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่?”
ตรงนี้ นับเป็น “อุบัติเหตุจร” เหนือคิด คนส่วนใหญ่ที่ได้ดู-ได้ฟังคลิปเสียงปราศรัยธรรมนัส คืนนั้น
ร้อง…เฮ้อ ไปตามๆ กัน!
เข้าตำรา “ปลาตายน้ำตื้น” ทำให้นึกถึงคำพูดอดีตนายกฯ ชาติชายขึ้นมาติดหมัด
“ก่อนพูดเราเป็นนาย เมื่อพูดแล้ว คำพูดนั้น มันเป็นนายเรา”!
ก็ลองฟังคำปราศรัยธรรมนัสตามคลิปที่นายธิวัชร์นำมาเป็นหลักฐานยื่นประกอบคำร้องดูก็ได้
เนื้อหาใจความ มีประมาณว่า…..
“ในนามพรรคพลังประชารัฐและเขาตั้งใจในฐานะของคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและมีตังค์ พี่น้อง เราเลือก ส.ส. เราเลือกตัวแทนของพวกเรา เราต้องเลือกคนที่มีความพร้อม ถูกต้องไหมพี่น้อง
หนึ่ง ชาติตระกูลต้องดี นั่นคือ ศรีตรัง ใช่รึเปล่าก็ไม่รู้
สอง ต้องมีตังค์ ไม่มีตังค์เหรอ เวลาไปช่วยชาวบ้าน สวัสดีครับพี่น้องครับ โบ๊ตไม่มีตังค์ครับ (พร้อมกับทำท่ายกมือไหว้ แล้วล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง)
พี่น้องเอาไหม…เอาไหม (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า…ไม่เอา)
แต่ สวัสดีครับพี่น้อง (พร้อมกับทำท่ายกมือไหว้ แล้วล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง)
อ๋อ…พี่น้องเดือดร้อนเหรอครับ เดี๋ยวโบ๊ตเอานี้ไปใช้ก่อน (ใช้มือขวาที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำท่ายื่นของให้)
อย่างนี้ชอบไหม…เอาไหม (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า…เอา)
เอาไหม…ข้างหลังไม่ช่วยทำมาหากินเลยเนี่ย อย่างนี้เอาไหมพี่น้อง (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า…เอา) เอาไหม (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า…เอา)
จากตรงนี้ ผู้ร้อง “พรรคก้าวไกล” จึงขอให้กกต.
๑.ตรวจสอบว่า ฝ่าฝืนพรป.เลือกตั้งสส.พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๗๓(๑)
“ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร
หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการ จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือไม่?
และอีกหลายข้อหาตามพรป.พรรคการเมือง สรุปว่า ทั้ง รอ.ธรรมนัส เลขาฯ พรรค ทั้งในเวทีปราศรัยครั้งนั้น
มี กก.บห.พรรคและหัวหน้าพรรค “พลเอกประวิตร” ร่วมรับฟังอยู่ด้วยครบ
จึงให้กกต.ตรวจสอบว่าคณะกก.บห.พรรคพลังประชารัฐ มีการกระทำที่ฝ่าฝืนพรป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๒ หรือไม่?
นี่แหละพี่น้อง………
ที่เจ๊ฟอง “ฟองสนาน จามรจันทร์” อ่านรหัสดาวเปรี้ยงปร้างไว้แต่ปลายปีก่อน ว่า
“พลเอกประยุทธ์ ยังมีแนวโน้มตกจากตำแหน่งหรือถูกไล่-ทรยศ-หักหลังเป็นระยะๆ ตลอดปี เพียงแต่จะไล่ได้หรือไม่เท่านั้น”
ผมอ่านยังนึกขำ “เจ๊เอาอะไรมาทำนาย” แต่ตอนนี้หายขำแล้ว!
คำว่า “นายกฯ ตกจากตำแหน่ง” นั้น เหตุจากคำปราศรัยหาเสียง ๑ จากผลุบผลับ “ขับผมออกจากพรรค” เหมือนละครตบตาอีก ๑
โอกาสพลังประชารัฐจะถูก “ยุบพรรค” ชนิดตกม้าตายด้วยกฎหมายแบบตื้นๆ มีสูงมาก!
นายกฯ น่ะไม่ได้เอี่ยวด้วยหรอก……
แต่มันเกี่ยว ตรงเป็น “นายกฯ บัญชีพรรค” นี่แหละ เมื่อพรรคถูกยุบ นายกฯ ก็ต้อง “ตกเก้าอี้” ไปด้วยโดยปริยาย!
และอยากบอกว่า ธรรมนัสกับ ๒๑ สส.รวมทั้งสส.สมศักดิ์ที่ร้องให้ทบทวนมติ.นั้น
อย่าเพิ่งออกตัวแรง เที่ยวไปเขียนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคโน้น-นี้เชียว
รอให้นายทะเบียนพรรคพปชร.ส่งเรื่องมติพรรคขับ ๒๑ สส.ไปให้กกต.ตรวจสอบเพื่อรับรองความถูกต้องภายใน ๑๕ วันก่อน
ตราบใดที่กกต.ยังไม่รับรอง ก็ถือว่าธรรมนัสกับ ๒๑ สส.ยังเป็นสมาชิกพรรคพปชร.อยู่!
ขืนไปยื่นใบสมัครเข้าพรรคอื่นก่อนกกต.รับรอง ระวัง..เจอข้อหา “เป็นสมาชิกซ้ำซ้อน” จะซวยซับซ้อน “พ้นสภาพ” ไปทั้งสองพรรคเลย!
เห็นสส.กลุ่มธรรมนัสไปเปิดประชุมพรรคใหม่ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ตั้งตัวแทนประจำจังหวัดกันคึกคัก ก็อยากบอกไว้
ที่ว่าให้หาพรรคอื่นสังกัดภายใน ๓๐ วันหลังถูกขับนั่นน่ะ ก็หาไป แต่ตราบที่กกต.ยังไม่รับรองพิธีกรรมขับ อย่าผลีผลามไปเซ็นสมัครเข้าพรรคอื่นก่อนล่ะ
เพราะพิธีกรรม “ขับพวกผมออกเถอะ” เมื่อ ๑๙ มกรา.นั่นน่ะ ถ้ากกต.บอกว่าเป็น “ละครตบตา”
จะพากันเป็น “หมาเน่าลอยน้ำ” ทันที!