ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ไปไม่ถึงมงฯ
ภาษาคนข่าวว่าอย่างงั้น ก็..ไม่เห็นเป็นไร ไม่ต้องเสียอก-เสียใจ ไม่ได้สวมมงกุฎ “Miss Universe 2021” แต่ “แอนชิลี สก็อต-เคมมิส” ก็มีมงกุฎ “สาวงามสุด” ของประเทศไทยสวมอยู่มิใช่หรือ?
และ..เป็น “มงกุฎ” ที่ทำให้คนไทยโดยเฉพาะผู้หญิงได้รู้เข้าถึง-เข้าใจกับนิยาม-ความหมายของ Real Size Beauty..
ว่าด้วยความงามที่ไม่มีรูปร่างเป็นมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง เพราะผู้คนในโลกมีความหลากหลาย มีสรีระที่แตกต่างกัน และทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง!
ซึ่งไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง แต่เธอก็ได้ชื่อเป็นผู้จุดประกาย “สวยในแบบของตัวเอง” ให้ผู้หญิงได้ภูมิใจ-มั่นใจในสรีระเรือนร่างขึ้นอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ก็เห็นจะจริงอย่างที่แอนชิลีได้เคยให้สัมภาษณ์.. “ฉันไม่ได้มองว่าแพสชันนี้จะเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีทันใดแบบวงกว้าง
แต่ฉันมองว่ามันจะค่อยๆ เปลี่ยนด้วยการเริ่มจากกลุ่มคนเล็กๆ ที่ค่อยๆ ขยับมุมมอง เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความอคติให้เป็นความเข้าใจ..”
เพราะประกายที่เธอจุด มันไม่ได้สว่างวาบไปทั่วทั้งโลกในทันทีฉับพลัน และนั่นจึงเป็นเหตุผล ทำไม “แอนชิลี” ถึงไม่ผ่านสายตาคณะกรรมการตัดสินมิสยูนิเวิร์สให้ไปต่อในรอบ 16 คน
กับอีกเหตุผลจากสายตาผมเอง (ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการ )..แอนชิลีไม่ได้มีความเป็นไทยอยู่ในเรือนร่างหน้าตาให้ผมเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว!
นี่..ผมคิด-ผมเชื่อเอาตามประสาผม และด้วยคิดแบบนี้ ผมจึงเคยพูด-เคยคุยกันเล่นๆ กับหลายๆ คนในวงการหนังไทย กระทั่ง “จอมยุทธ์-ขาใหญ่” ของวงการอย่าง “เสี่ยเจียง”..
ผมก็เคยอภิปรายเรื่องการทำหนังไทยไปสู่ตลาดโลก และตอบโต้กันอย่างออกรส-ออกชาติด้วยมองกันต่างมุม!
มุมผม..เราไม่ควรเริ่มต้นด้วยคิดทำหนังไทยไปขายตลาดโลก แล้วมุ่งเน้นจะต้องทำหนังแนวสากลแปลกตาทันสมัยทั้งเนื้อหาและโปรดักชั่น ยิ่งเฉพาะการใช้ซีจีด้วยแล้ว จะเอาอะไรไปสู้เขา
อย่างเรา..ต้องทำหนังสไตล์ไทยๆ ยกตัวอย่างว่า “แผลเก่า” ทำไมชาวโลกถึงสนใจทั้งเชิญไปฉายโชว์ ซื้อไปฉายโรง
หรืออย่าง “องค์บาก” ทำไมชาวโลกถึงได้รู้จักชื่อ “จา พนม ยีรัมย์” ..นั่นไม่เพราะหนังได้แสดงความเป็นไทยที่ชาวโลกยังไม่เคยเห็นดอกรึ?
“ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน เล่นจริง เจ็บจริง” สโลแกนนี้ใช่ไหม ที่ทำให้ “โทนี่ จา” ได้ผงาดอยู่บนจอหนังทั่วโลกน่ะ?
แล้วดูสิ..กี่เรื่องต่อกี่เรื่องที่ทำ-ที่สร้างเพื่อให้ดูเป็นหนังสากล ทันสมัย ทั้งเนื้อหา-โปรดักชั่น-ซีจี มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่เจ๊ง..หือ?
จะขายชาวโลก เราก็ต้อง “ขายความเป็นไทย” สิครับ แต่เถียงให้ตาย “จอมยุทธ์หนังไทย” แกก็ไม่ยอมเชื่อผม
แล้วดูนู่น ที่คนไทยกันเองนินทา “เชย” บ้างล่ะ “ล้าหลัง” บ้างล่ะ แต่ข่าวทั้งจากสื่อไทย-สื่อนอก ทั้งจากคนที่ไปประสบพบกับตาต่างพูดตรงกันว่า..
“ศาลาไทย” ในงาน “เวิลด์เอ็กซ์โป” ดูไบ ติดท็อปไฟว์ ที่คนต่างชาติเข้าแถว-ต่อคิวเข้าชมแน่นขนัดทุกรอบ คาดว่ากว่าจะถึงวันปิดงาน (31 มี.ค.ปีหน้า) จะมียอดเข้าชมทะลุเกินล้านคนแน่นอน!
สรุป..ถ้าจะส่ง “สาวงามไทย” ไปสู่สายตาชาวโลก ก็ต้องเลือกเฟ้น “หน้าไทยขนานแท้” น่าจะได้ความสนใจ เพ่งพิศมองมากกว่า ดูอย่าง..
อาภัสรา-ภรณ์ทิพย์ นั่นไง!