งูเห่าหรือจะสู้ผึ้งแตกรัง

จะยุบสภา
ลาออก
หรืออยู่ต่อ
มีให้ลุ้นกันรายวันจริงๆ
การเมืองยุคนี้ จะบอกว่าอ่อนหัดก็ไม่ได้ เก๋าก็ไม่เชิง ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน มันมีความเทาๆ แทรกอยู่ในทุกแง่ทุกมุม
รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ฝ่ายค้านปริ่มขาดใจ ไม่มีฝั่งไหนได้เปรียบอีกฝ่ายชนิดนอนมา
แต่มันมีเรื่องน่าประหลาดใจกว่าตรงที่ คุมกันไม่ได้
ฝ่ายรัฐบาลก็อย่างที่เห็น นายหนังเทพไท ตอดรัฐบาลทุกครั้งที่มีโอกาส
นั่นเพราะในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความเป็นเอกภาพ
มี ส.ส.จำนวนหนึ่งอยู่ใต้เงาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ยังสั่งสมบารมีได้ไม่มากพอ
มุมหนึ่งเหมือนเล่นการเมืองสองหน้า เผื่อพลาด!
แต่อีกมุมมันคือ “วิกฤติผู้นำ” ของพรรคประชาธิปัตย์
ตกผลึกช้าก็สาหัส
หลอมรวมได้เร็ว ยังถือว่าเท่าทุน
กว่าจะกลับมาอีกครั้ง ไม่น่าจะใช่การเลือกตั้งครั้งหน้าแน่
วิกฤติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามกันไปง่ายๆ เพราะถือเป็นวิกฤติของพรรคการเมืองไทยเลยทีเดียว
๗๓ ปีพรรคประชาธิปัตย์ ที่พัฒนารูปแบบ โครงสร้าง องค์กร กฎ ระเบียบ ข้อบังคับพรรค ถูกยกให้เป็นสถาบันการเมืองที่สูงกว่าพรรคการเมืองอื่น เพราะจุดเริ่มต้นไม่เหมือนใคร
นายควง อภัยวงศ์ และกลุ่มผู้สนับสนุนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ๔๕ คน ทำให้องค์ประกอบการก่อกำเนิดมีความหลากหลาย
ผิดกับพรรคการเมืองอื่น ก่อกำเนิดภายใต้นายทุน
ไม่เว้นกระทั่งพรรคอนาคตใหม่ ที่อยู่ในเงาของทุนไทยซัมมิท
ถ้าไม่มีไทยซัมมิท ก็ไม่มีอนาคตใหม่
แต่วันนี้พรรคที่โครงสร้างแข็งแกร่งที่สุด กลับกลายเป็นพรรคที่มีความอ่อนแอเป็นลำดับต้นๆ
ล่าสุดของล่าสุด….”พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”  ยอมตกจากเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
ตาม “คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ไปหรือเปล่า….ไม่รู้
หรือจะไปพลังประชารัฐ
ที่แน่ๆ เลือดยังไหล
และคงไม่หยุดเท่านี้!
นี่เป็นสัญญาณให้เห็นว่า พรรคที่อยู่ภายใต้อุ้งตีนทุน จะสาหัสกว่าหากเจอวิกฤติเดียวกันนี้
ในสถานการณ์ที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลฟ้องร้องกันนัวเนีย แม้จะมองว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่นานเข้าพวกกองเชียร์กองแช่งผสมโรง แล้วจะคุมกันไม่อยู่
แต่…อย่างไรเสีย หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ กำขี้ดีกว่ากำตด การได้ร่วมรัฐบาลดีกว่าถูกถีบไปเป็นฝ่ายค้าน หรือต้องไปเลือกตั้งกันใหม่

พรรคร่วมรัฐบาลก็จะกอดคอกระท่อนกระแท่นกันไปแบบนี้
ถ่ายเลือดกันเอง!
ยังไม่ถึงสถานการณ์สละเรือ

ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง ทุกพรรคอยู่ภายใต้กลุ่มทุนเหมือนกันหมด แม้จะมีการวางโครงสร้างพรรคชัดเจน แต่หาความชัดเจนในทางปฏิบัติไม่ได้เลย

ทุนใหญ่ยังชี้ขาดทุกอย่าง
พรรคเพื่อไทยเป็นตัวอย่าง

วันนี้ใครคือเบอร์ ๑ กันแน่!
สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
หรือ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

สุดท้ายต้องพึ่งนักโทษหนีคุกตัดสิน

ความสับสนเช่นนี้ คือแหล่งบ่มเพาะงูเห่าชั้นดี

อย่างที่เป็นอยู่!

วานนี้ (๙ ธันวาคม) ๗ พรรคร่วมฝ่ายค้านเขาประชุมกัน ประเด็นหลักที่หารือคือจะถามให้รู้ดำรู้แดงว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ จะยังเป็นฝ่ายค้านหรือไปร่วมรัฐบาล

เป็นเรื่องน่าอนาถพรรคเพื่อไทยพยายามดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ล่มหัวจมท้ายเป็นฝ่ายค้านกันต่อไป  ขณะเดียวกัน งูเห่าในเพื่อไทยเริ่มเลื้อยออกจากพรรคบ้างแล้ว

นั่นคือวิกฤติของพรรคนายทุน

เมื่อทุนไม่ชัดเจน ผลประโยชน์ไม่แน่ชัด
พร้อมที่จะเปิดตูด!
แล้วพรรคเศรษฐกิจใหม่จะย้ายขั้วหรือเปล่า?
โอกาสย้ายมีสูง แต่ต้องขึ้นกับการปรับคณะรัฐมนตรี……..ว่าจะมีขึ้นเมื่อไหร่ ไปฟรีไม่มีแน่

อย่างน้อยๆ ต้องได้ “เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย” ปลอบใจ

สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ตายแหล่มิตายแหล่
ยุบ-ไม่ยุบ
ไปดูเอกสารที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” บอกว่าเป็นเอกสารหลุดจาก กกต.

เป็นความเห็นของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในคดี “ธนาธร” ปล่อยกู้ พรรคอนาคตใหม่

“…..สำนวนนี้นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ร้องที่ ๑ นายสุวัชร สังขฤกษ์ ผู้ร้องที่ ๒ ได้ร้องคัดค้านว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ ๑ กระทำโดยไม่ชอบด้วยมาตรา ๖๖ ประกอบมาตรา ๑๒๔ และมาตรา  ๑๒๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ กล่าวคือการบริจาคเงินกว่า ๑๐ ล้านบาท ให้แก่พรรคอนาคตใหม่ ผู้ถูกร้องที่ ๒ เกินกว่า ๑๐ ล้านบาทต่อปี

พิจารณาจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามรายงานการไต่สวนแล้วเห็นว่า สัญญากู้เงินสัญญากู้ยืมเงินระหว่างผู้ถูกร้องที่ ๑ และที่ ๒ จำนวน ๑๖๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ฉบับลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒  (เอกสารหน้า ๑๒๕) นั้น นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิกพรรคอนาคตใหม่ ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้อ้างว่าผู้ถูกร้องที่ ๑ ให้ผู้ถูกร้องที่ ๒ กู้เงินโดยจ่ายเป็นสำเนาเช็คเงินกู้จำนวน ๑ ฉบับ โดยมีหลักฐานสำเนาเช็คหลักฐานการชำระหนี้คืนบางส่วน และรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ลงมติให้กู้เงินจากผู้ถูกร้องที่ ๑ ซึ่งจะส่งมาประกอบภายในวันที่  ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ แต่ก็ไม่ยอมส่งมาประกอบการพิจารณา จึงเป็นข้อพิรุธประกอบกับการกู้ยืมเงินมิได้เป็นรายได้ของพรรคการเมืองตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๖๒ (๑)-(๗) ซึ่งจะนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง

ดังนั้นจึงน่าเชื่อว่าเงินจำนวน ๑๖๑,๒๐๐,๐๐๐ บาทดังกล่าว เป็นเงินบริจาค ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๖๖ วรรคหนึ่งบัญญัติว่า ‘บุคคลใดจะบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า ๑๐ ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้…’

และวรรคสองบัญญัติว่า ‘พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้’

และมาตรา ๑๒๔ วรรค ๑ บัญญัติว่า ‘ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖๖ วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด ๕ ปี’

และมาตรา ๑๒๕ บัญญัติว่า พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดมูลค่าเกินที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๖ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคมีกำหนด ๕ ปี และให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ตามมาตรา ๖๖ ตกเป็นของกองทุน

จึงเห็นควรดังดำเนินการดังนี้

๑.ดำเนินคดีอาญาแก่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้องที่ ๑ ในความผิดตามมาตรา ๖๖ วรรคหนึ่งประกอบมาตรา ๑๒๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ. ศ.๒๕๖๐ และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมีกำหนด ๕ ปี

๒.ดำเนินคดีอาญาแก่พรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกร้องที่ ๒ ในความผิดตามมาตรา ๖๖ วรรคสองประกอบมาตรา ๑๒๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่มีกำหนด ๕ ปี และขอให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กำหนดไว้ในมาตรา มาตรา ๖๖ ตกเป็นของกองทุน

จึงขอเสนอความเห็นพร้อมสำเนามาเพื่อประกอบการพิจารณาอันหนึ่งเนื่องจากเป็นกรณีเรื่องเร่งด่วนให้เสนอสำนวนต่อที่ประชุมกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา…….”

ครับ…ถ้า กกต.เคาะคำร้องไปตามนี้ไม่ยุบแน่

แต่… “ธนาธร” อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมีกำหนด ๕ ปี พร้อมๆ กับกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่

ชนชั้นสูงในพรรคอนาคตใหม่ถูกกวาดเรียบ

ส.ส.ก็ไม่ต่างทหารแตกทัพ

ใครจะไปไหนอย่าโทษใคร เพราะนี่คือผลลัพธ์ของพรรคที่เกิดจากทุน.

Written By
More from pp
อนาจารกับงานศิลป?-สันต์ สะตอแมน
ผสมโรง สันต์ สะตอแมน             พลั้งปาก..             “คนลาวจะไม่มีปัญญาซื้อตั๋วรถไฟ เพราะคนลาวมีเงินเดือนน้อย แต่ราคาตั๋วรถไฟแพง จะทำให้รถไฟขาดทุนเพราะมีผู้โดยสารน้อย” จนกลายเป็นประเด็นให้สื่อรัฐบาลสปป.ลาว รวมถึงพี่น้องชาวลาวไม่พอใจ...
Read More
0 replies on “งูเห่าหรือจะสู้ผึ้งแตกรัง”