ทหารเกณฑ์ “เกณฑ์ไปทำไม?”

ทำไม………

“พรรคอนาคตใหม่” จึงรณรงค์เรื่อง “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” ชนิดเอาเป็น-เอาตาย?

ไม่ใช่เพราะ พล.ท.พงศกร สอบไม่ผ่านเข้าโรงเรียนเสธฯ หรอกนะ
จึงประชดซะเลย!?

ฉะนั้น วันนี้ ผมในฐานะ “ทหารกองเกิน” เพราะอกจุ๋มจิ๋มจะลองไล่เลียงถึงความรู้สึกของวัยรุ่นต่อการถูกเกณฑ์ทหารดูซักวัน

ถึงต่างวัน-ต่างเวลากัน แต่เชื่อว่า ความรู้สึกระหว่างวัยคงไม่แตกต่างตอนนี้

“ชายวัยรุ่น” พอรับหมายเกณฑ์ สิวเต็มหน้าทันที

เครียด กลัวเป็นทหาร!
ร้อยละ ๙๐ ไม่ว่าลูกคนจน-คนรวย ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์ ยิ่งสมัย ๕๐-๖๐ ปีก่อนโน้น
ทหารเกณฑ์ เขาเรียกกันว่า “ไอ้เณร”

มีคนให้เกียรติหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าทหารเกณฑ์มีภาพ เป็นคนรับใช้นาย
มากกว่ารับใช้ชาติ!

ดังนั้น การวิ่งเต้นเพื่อไม่ต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ จึงเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ (ชาย) โดยเป็นที่รู้กันทั่ว

การวิ่งเต้นให้รอดถูกเกณฑ์ ศัพท์โบราณทางบ้านผมเขาเรียก “อุด”

“ลูกข้าไปอุดมาแล้ว”
“เท่าไหร่ล่ะ?”
“สองพัน”!

สมัยก่อน ๒ พัน มีค่าเท่ากับ ๔-๕ หมื่นสมัยนี้ แต่เห็นคนที่ไปอุด มีทั้งรอด-ไม่รอด

มาคิดๆ ดูตอนหลัง พวกที่อุด ถูกต้ม-ถูกหลอก ร้อยละ ๘๐-๙๐ เพราะคนบ้านนอก จะไปรู้จักใครในวงจรเกณฑ์ทหารได้ล่ะ

จึงเสร็จนักต้มประจำถิ่น!

พอจับใบดำได้ มันก็ตีขลุมว่าเงินทำงาน แต่ถ้าจับได้ใบแดง มันก็หายหัวจ้อย

ถ้าหลบหน้าไม่พ้น มันก็กะล่อนไปสารพัด ระดับชาวบ้านก็ได้แต่คอตก ตาปริบๆ เท่านั้น

ต่อๆ มา ระบบเกณฑ์ทหารเปลี่ยนตามยุคสมัย มีเรียนรด.มีผ่อนผันระหว่างศึกษา จาก ๒ ปีเต็ม เหลือปีกว่า หรือปีครึ่ง

และสังคมเข้มแข็งขึ้น……
การซาดิสม์กับทหารเกณฑ์ การเอาทหารเกณฑ์ไปรับใช้ตามบ้าน หรือใช้งานอื่นนอกกิจการทหาร จางหายไป

แต่ก็นั่นแหละ ในจำนวนทหารเกณฑ์เป็นแสนแต่ละปี มีนายทหารที่ฝืนกฎระเบียบเอาไปใช้อยู่บ้างระดับ ๐๐๑%

อย่างไรก็ตาม……….
การเกณฑ์ทหารยังเป็นเรื่องจำเป็น จะอ้าง ๐๐๑% เป็นเหตุให้ยกเลิกทหารเกณฑ์ไม่ได้

ไม่เพียงประเทศไทย เกือบทุกประเทศในโลก การเข้ารับการเกณฑ์เป็นทหาร ถือเป็นหน้าที่ เกิดมาแล้วต้องรับใช้ประเทศชาติ

จะบอกว่าให้เลิกระบบเกณฑ์ ใช้ระบบสมัครใจ

ไม่ได้เด็ดขาด!

สมัครใจน่ะ มี อย่างลูกพี่-ลูกน้องผม ยังสมัคร และถูกส่งไปช่วยเกาหลีรบ

แต่มีน้อย

ดังนั้น จึงต้องเกณฑ์

แต่การถูกเกณฑ์เป็นทหารนั้น มองกลับอีกด้าน นับเป็นคุณประโยชน์กับชายวัยรุ่นที่ถูกเกณฑ์อย่างมาก

ต้องยอมรับกันว่า คนบ้านเรา ส่วนหนึ่งมีโอกาส “เข้าสังคม” น้อย มีการศึกษาไม่สูงนัก ทักษะชีวิตและสังคมไม่มาก

การมาเป็นทหาร เรื่องแรก ได้ฝึกการอยู่ร่วมเป็นสังคมหมู่ ฝึกอาวุธ ฝึกและเรียนรู้ด้านอาวุธและการใช้ ฝึกระเบียบวินัย ฝึกปฏิบัติการทางทหาร

ทัศนะสังคมไทย อายุ ๒๐ บวช รู้ทางศาสนา ๒๑ ไปเป็นทหาร รู้ทางประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์

สรุป คือ ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน เรื่องเกณฑ์ทหาร ยังเป็นเรื่อง “สวนทางคิด” กันตลอด

คือ ฝ่ายประเทศชาติ ยังต้องเกณฑ์ทหาร

แต่ฝ่ายถูกเกณฑ์ ไม่ต้องการเป็นทหาร!

ตรงนี้เอง เป็นแนวขนานที่พรรคอนาคตใหม่วางนโยบาย “เป็นลิ่ม” สอดแทรกเข้าไป

เพื่อขยาย “ทัศคติแย้ง” ระหว่างกองทัพกับหมู่วัยรุ่นที่เรียก “คนรุ่นใหม่” ให้ถ่างกว้างยิ่งขึ้น

โดยอนาคตใหม่ วางตำแหน่งตัวเองเป็น “ตัวแทนคนรุ่นใหม่” ในภาคการเมือง เพื่อยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหาร!

ทำไมอนาคตใหม่จึงจับตลาดนักเรียนวัยรุ่น ถึงขั้นเดินสายล้างสมองตามโรงเรียน?

ตรงนี้ตอบไม่ยาก……….

ชื่อพรรคอนาคตใหม่ ก็บอกแล้ว เขามองยาวไปถึงอนาคต

การเมืองไปสู่อำนาจเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันจะสำเร็จได้

เขาไม่ได้วางกำลังหลักไว้ที่คนวัย ๓๐-๔๐ ไปถึง ๗๐-๘๐ ปี ที่นับวันเรียงแถวลงหลุม

แต่เขาพุ่งเป้าไปที่คนวัย ๑๕-๑๖ ปี เรื่อยขึ้นไป คือจากระดับมัธยมต่อเนื่องไปถึงระดับมหาวิทยาลัย

สมมุติถึงเลือกตั้งรอบใหม่ วัยรุ่น ๑๕-๑๖ ที่เขาเพาะกล้าความคิดไว้วันนี้ ก็ ๑๘-๑๙ ปี มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งแล้ว!

ดูฮ่องกงเป็นตัวอย่าง……….

ที่โจ ซัว หว่อง ปลุกปั่นออกมาชังชาติตัวเอง เป็นคนกลุ่มไหน?

ที่ถูกจับได้เป็นพันๆ คน
นักเรียนวัย ๑๕-๑๖ ขวบขึ้นไปทั้งนั้น!
ปฏิบัติการชังชาติ เขาแต่งหน่อ-ต่อตา-เพาะเชื้อ จากหน่ออ่อน จึงไม่แปลกที่เห็นอนาคตใหม่เดินสายแทรกซึมเข้าสู่หมู่นักเรียน

ด้วยชุดความคิด “ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร”!

เพราะมันมีผลกับตัววัยรุ่นโดยตรง จึงไม่ยากจะยอมเป็นแนวร่วมกับอนาคตใหม่

แต่เท่าที่ผมเคยได้ยิน ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน “พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์” พูด จับทิศทางได้ว่า “แนวคิด-แนวปฏิบัติ” ในภาคทหารเกณฑ์ของกองทัพเปลี่ยนไปแล้ว

เรื่องเอาทหารไปรับใช้นาย ตลอดถึงการฝึก ฝึกโหดตามหลักสูตรทหารได้ แต่ฝึกแบบเถื่อนนอกหลักสูตร ห้ามเด็ดขาด ฝ่าฝืน ถึงอาญา!

นั่น เป็นเรื่องพื้นฐาน ผมเห็นว่า การเสริมสร้างทัศนคติเป็นค่านิยมใหม่ต่อทหารเกณฑ์จากสังคม เป็นเรื่องที่กองทัพน่าจะพิจารณา

ต่อไปนี้………..
ทหารเกณฑ์ ไม่ใช่มาฝึกซ้ายหัน-ขวาหัน ปี-ปีครึ่ง แล้วปลดประจำการ ปล่อยแยกย้าย จากคนร่วมรุ่น ต่างห่ายหาย กลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปตลอดกาล

คนมาเป็นทหารเกณฑ์ปัจจุบัน……
โดยเฉลี่ยมีการศึกษา มีสังคม มีโอกาสทางสังคม มีโลกทัศน์ ดีกว่าสมัยก่อน

การฝึกวินัย ระเบียบ อาวุธ เป็นเรื่องพื้นฐานต้องทำ

แต่เรื่องสังคมปัจจุบันยาวถึงอนาคต ต้องการอะไรจากกำลังหลักของชาติส่วนนี้

นี่เป็นประเด็นที่กองทัพต้องมองและวางแนวในการฝึกอบรม แลกเปลี่ยนทัศนคติต่อกัน แทนที่จะให้ทหารเกณฑ์เป็นฝ่ายฟัง และ

ใช่..ขอรับ..ครับ..กระผม ฝ่ายเดียว
การฝึกหลักสูตรเข้าสังคม ฝึกอาชีพ เรียกว่าออกจากการเป็นทหาร กลับไปสังคมบ้านตัวเอง จะต้องมีภูมิ-มีวิชาเป็นที่พึ่งสังคมนั้่นได้

ทหารเกณฑ์ จะพัฒนาขึ้นเป็นผู้ผ่าน “หลักสูตรชายชาติทหารไทย” บ้างไม่ได้หรือ?

จบแล้ว มีประกาศนียบัตรมอบให้เป็นรุ่นๆ

คำว่า “ทหารเกณฑ์” น่าจะได้ทำแบบสอบถามหมู่วัยรุ่นทั่วไปว่า ต้องการให้ปรับเปลี่ยนหรือไม่ ต้องการเป็นแบบไหน และอยากเห็นอะไรในการเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์?
กับนายร้อย นายพัน นายพล มีรุ่นได้
แล้วทำไม “ทหารเกณฑ์” จะจัดทำเนียบแต่ละรุ่นให้เขาบ้างไม่ได้?

แต่ละค่ายที่ฝึก มีพื้นที่เป็นร้อย-เป็นพันไร่ สร้างสโมสรผู้จบหลักสูตรชายชาติทหารไทยไว้สำหรับทหารเกณฑ์ “แต่ละรุ่น” ได้ใช้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ จัดงานกัน ให้เกาะเกี่ยวกันไว้ น่าจะกว่า ปล่อยให้ห่างหายกันไป

ภารกิจเพื่อสังคมชาติต่อจากนี้……..
นับวันไม่เหมือนเดิม ฉะนั้น ความมุ่งหมายต่อการเกณฑ์ทหาร น่าจะไม่ได้อยู่ที่ “ยามศึกเรารบ-ยามสงบเราฝึก” อย่างเดียวเหมือนก่อน

การศึกสงครามปัจจุบัน ไม่ใช่ยกกำลังไปฆ่ากันโดดๆ เหมือนอดีต รูปแบบสงครามมันเปลี่ยนเป็นหลายหน้า
ศักยภาพคนเป็นทหารเกณฑ์วันนี้ ก็ประมาณนั้น

ถ้าจัดสรรและวางตำแหน่งคนในความเป็นทหารเกณฑ์แบบเห็นค่าในตัวเขา
ทั้งตัวเขาและทุกคน ก็จะเข้าใจ เป็นทหารเกณฑ์ สร้างประโยชน์ได้ ไม่สูญเปล่าและไร้ค่าอย่างที่คิดกัน!
เห็นถากถางกันจัง ยุคนี้จะเกณฑ์ทหารไปรบกะใคร?

เถอะ…
ซักมีนา.แล้วจะรู้!

Written By
More from plew
๑๗ ปี ‘นาทีทอง’ มาถึง #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ๑๑ พฤศจิกา.เรียกให้เท่แบบฝรั่งว่า 11.11 ลืมกันหรือเปล่าว่า “วันนี้เรามีนัดกัน?” ความจริงก็ไม่ใช่ “เรา” หากแต่เป็น “เขา” คือ...
Read More
0 replies on “ทหารเกณฑ์ “เกณฑ์ไปทำไม?””