วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายตามลำดับว่า
ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ มีรายงานการติดเชื้อเข้ามาทุกวัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น คือยอดผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้นลดน้อยลง เช่นเดียวกับยอดสูญเสียก็ลดลงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการเปิดเมือง คลายล็อกแล้วก็ตาม ส่วนสำคัญมาจากการฉีดวัคซีนได้ตามเป้า วันนี้น่าจะฉีดได้ถึง 83 ล้านโดส
การฉีดในปัจจุบัน มีความครอบคลุมมากขึ้น เราให้บริการไปถึงเด็กอายุ 12 – 17 ปี และในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ก็ได้ฉีด มีสูตรวัคซีนหลายชนิด ให้เหมาะสมกับประชากร ต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ ตนลงพื้นที่ภาคใต้ ทราบมาว่า ผู้นำชุมชน ช่วยสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ให้เข้ารับวัคซีน ถือเป็นเรื่องงดงามที่ทุกคนช่วยกัน
ขณะที่ อสม.ก็รณรงค์กันทุกวัน ทิศทางไปในทางบวก แต่ยอมรับว่า ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ยิ่งเมื่อคลายล็อก ก็ต้องคิดเผื่อไว้ ได้สั่งการให้จัดหายา และวัคซีนเข้ามาสต็อก พร้อมการเร่งฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ส่วนยา ก็ได้ศึกษาความคืบหน้าจากทีมผู้ผลิตทั่วโลก ตัวไหนดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ต้องพิจารณานำเข้ามา เราต้องมีทางเลือกหลายๆ ทาง
“วัคซีนมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การควบคุมโรคระบาด เราบรรลุสัญญาจัดหาในปริมาณที่มาก แต่เมื่อวัคซีนโควิด 19 มีการพัฒนา ต่อสู้เชื้อกลายพันธุ์ ประเทศไทย ต้องไม่หยุดนิ่ง เราได้พูดคุยกับทีมวัคซีน เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน GEN2 กรณีมีการศึกษา และสามารถใช้งานจริงๆได้สำเร็จ ทางแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ของไทยตกลงใช้ได้ ก็พร้อมนำเข้ามา นี่คือการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอด”