“ทิพานัน” เบรก “ธนาธร-ปิยบุตร” ล่าชื่อเลิกม.112 ฝ่าฝืนรธน.มาตรา6 ย้อนถาม “ปิยบุตร” ตัวเองวิจารณ์แบบไม่ผิด ม.112 ได้ แต่ทำ “เป็นทองไม่รู้ร้อน” ไม่สอนสิทธิเสรีภาพที่ถูกต้องกับม็อบหมิ่น แถมโหนกระแสคดี ม.112 หาเสียงช่วงเลือกตั้งท้องถิ่น อย่างหน้าไม่อาย
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ
กล่าวถึงกรณีที่ “คณะก้าวหน้า” ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการ ได้รณรงค์ให้ประชาชนลงชื่อในเว็บไซต์ เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ว่า
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย จึงน่าแปลกใจที่คณะก้าวหน้าที่มีนายปิยบุตร เป็นเลขาธิการซึ่งอ้างว่าเชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญจะขาดความรู้ในเรื่องนี้
นายปิยบุตรอย่าทำตัวให้สังคมสงสัยว่ารู้ทั้งรู้กฎหมายอยู่เต็มอก แต่ต้องการโหนกระแสเสียงผู้กระทำผิด ม. 112 หาเสียงให้พรรคพวกตนเองในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างนั้นหรือ
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ม.6 กำหนดว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”
ดังนั้น การยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม.112 จะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ความผิดตาม ม.112 เป็นบทบัญญัติความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
มาตรานี้จึงเป็นเรื่องของการปกป้องคุ้มครองความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรต่อการกระทำที่ละเมิดประมุขแห่งรัฐและหลักการความคุ้มกันประมุขแห่งรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งมีหลักการและความสำคัญในการปกป้องคุ้มครองแตกต่างจากความผิดฐานหมิ่นประมาท-ดูหมิ่นที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองสิทธิในชื่อเสียงและเกียรติของคนทั่วไปและเป็นความผิดต่อส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่สามารถยกเลิกมาตรานี้ได้
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา สำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ก็เคยได้ทำหนังสือบันทึกข้อความแจ้งยืนยันว่า การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เพื่อให้มีการยกเว้นความผิดและการยกเว้นโทษต่อความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น “เป็นการขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6” ด้วย
“การที่นายธนาธรและคณะก้าวหน้ากล่าวอ้างว่าต้องยกเลิก ม.112 อย่าปล่อยให้ผู้ได้รับผลกระทบจาก ม.112 และประชาชนต้องต่อสู้โดยลำพังนั้น
ต้องถามว่าประชาชนที่นายธนาธรกล่าวถึงคือใคร เขาหลงเชื่อใคร เขาสนับสนุนแนวคิดที่ยุงยงของใคร จนกลายเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก ม.112
แล้วผู้ยุงยงนั้นก็แสดงเป็นพิธี เป็นพักๆ ว่าจะไถ่โทษไถ่ความผิดให้ ทุกครั้งที่โผล่หน้าไปก็เป็นการกระทำที่โหนกระแสเสียงผู้กระทำผิด ม.112 เข้าตำราชงเองกินเองทั้งสิ้น ” น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า สิ่งที่สังคมสงสัยมากสุดคือ นายปิยบุตร รู้วิธีวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ผิด ม.112 แสดงให้เห็นว่ามีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยที่ไม่ต้องยกเลิก หรือแก้ไขในมาตรา 112 เลยได้
แต่สิ่งเหล่านี้นายปิยบุตร กลับไม่เคยให้ความรู้ผู้สนับสนุนกลุ่มการเมืองของตัวเองให้รู้จักขอบเขตในการใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยไม่ฝ่าฝืน ม.112 กลับทำทีเป็นทองไม่รู้ร้อน กับผู้สนับสนุนแนวคิดของตนหรืออาจเพราะว่าอยากให้มีคนผิด ม.112 มากๆ จะได้มีน้ำหนักพอที่กระพือการยกเลิก ม.112 ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นเป็นการกระทำที่หน้าไม่อายอย่างยิ่ง
“หากนายธนาธรต้องการคืนอนาคตให้สังคมไทยจริงๆ อย่างที่กล่าวอ้าง นายธนาธรและคณะก้าวหน้าควรยกระดับบรรทัดฐานของสังคมให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้สนับสนุนในการใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างมีขอบเขต ไม่ใช้สิทธิของตนเองเกินส่วนจนกระทบสิทธิของผู้อื่น
เรียนรู้ว่าคนเท่ากันโดยการเคารพและฟังความคิดเห็นต่างซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินนี้มากกว่าการสนับสนุนให้มีการยกเลิกกฎหมาย ม.112 ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ก็พอ” น.ส.ทิพานัน กล่าวทิ้งท้าย