ต้องรู้ก่อนเปิดประเทศ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยังเปิดประเทศไม่เต็มที่ ก็ขู่กันซะแล้ว!

เห็นแชร์กันในโลกออนไลน์ สร้างความวิตกกังวล อกสั่นขวัญแขวน ว่าโควิดกำลังจะกลับมา และรุนแรงกว่าเดิม

ด้วยสายพันธุ์ใหม่ “เดลตาพลัส”

ช่วงนี้สำนักข่าวในยุโรปนำเสนอข่าว “เดลตาพลัส” เยอะพอควร เพราะกำลังเป็นที่จับตามองของรัฐบาลหลายประเทศ

โดยเฉพาะอังกฤษ ตัวเลขล่าสุด ผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักร ๖% ป่วยด้วยสายพันธุ์ “เดลตาพลัส” ที่มีชื่อเป็นทางการว่า “AY.4.2”

ที่จริงสายพันธุ์นี้มีการพูดถึงมาหลายเดือนแล้ว

ที่เกาหลีใต้พบตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

เดือนกันยายนพบที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว

ถามว่า เชื้อกลายพันธุ์ตัวนี้เข้ามาในประเทศไทยหรือยัง ก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด

แต่เท่าที่เห็นคือ สายพันธุ์ 1.AY.4 หรือ B.1.617.2.4

ตรวจพบที่ ปทุมธานี ๔ ราย บุรีรัมย์ กำแพงเพชร เชียงใหม่ สมุทรปราการ และชลบุรี จังหวัดละราย ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม

“เดลตาพลัส” จะถล่มไทยจนเปิดประเทศไม่ได้หรือไม่?

ฉะนั้นถ้าเชื่อหมอในอังกฤษ ก็มีข้อมูลว่าสายพันธุ์นี้ยังไม่ถือว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล

นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองอยู่ว่าสายพันธุ์นี้จะเป็นอันตรายแค่ไหน แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่ามันไม่น่าจะแพร่ระบาดอย่างหนักและวัคซีนที่มีอยู่ก็น่าจะจัดการได้

ศาสตราจารย์ฟรองซัว บาลูซ์ จากสถาบันพันธุศาสตร์ ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (ยูซีแอล) บอกว่า มีความเป็นไปได้ว่าสายพันธุ์ AY.4.2 จะแพร่ระบาดได้ง่ายกว่า

แต่ก็ไม่มาก!

ง่ายที่ว่าคือ “แพร่ระบาดได้ง่ายกว่า ๑๐%”

ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับสายพันธุ์อย่างอัลฟาและเดลตาซึ่งแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าถึง ๕๐-๖๐% ไม่ทำให้สถานการณ์การระบาดในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ก็อย่าเพิ่งตกใจ

แต่ถ้าเชื่อโซเชียล ก็แล้วแต่ใจจะคิดเลยครับ

มีข้อมูลจาก เพจ Center for Medical Genomics มาฝากครับ เป็นเรื่องที่คนไทยควรรู้ เพราะเป็นวัคซีนป้องกันโรคเฟกนิวส์ได้

ถึงจะเป็นวิชาการหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก

เราได้ประโยชน์อะไรจากการศึกษาธรรมชาติการกลายพันธุ์ของไวรัส “SARS-CoV-2” ในประเทศไทย (Natural  History of SARS-CoV-2 Variants in Thailand)

โรคโควิด-๑๙ เป็น “โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (Emerging  infectious disease)” ที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของการเกิดโรค (Natural history of disease) อย่างถ่องแท้ การกำหนดนโยบายของภาครัฐระดับประเทศเพื่อการป้องกัน ติดตาม ดูแล และรักษา การล็อกดาวน์หรือการเปิดประเทศจำต้องอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากหลายภาคส่วน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม  (whole genome sequence) ของเชื้อ “SARS-CoV-2” ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-๑๙ ที่แยกได้ในประเทศไทยเป็น “แกนหรือเสาหลัก” เทียบเคียงกับรหัสพันธุกรรมจากเชื้อทั่วโลกในช่วง ๒ ปี (พ.ศ.๒๕๖๓-๒๕๖๔) ที่ผ่านมา

จากนั้นนำเข้าเชื่อมโยงหาความสัมพันธ์กับข้อมูลทางระบาดวิทยา ข้อมูลทางคลินิก ข้อมูลภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีน ข้อมูลการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ รวมทั้งข้อมูลความหลากหลายทางพันธุกรรมของผู้ติดเชื้อ (host genomic variation)  ฯลฯ

โดยทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดีได้รับการสนับสนุนการศึกษาวิจัย “ธรรมชาติการกลายพันธุ์ของไวรัส ‘SARS-CoV-2’ ในประเทศไทย (Natural History of SARS-CoV-2 Variants in Thaialnd)” จากหลายแหล่ง เช่น  ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS), มูลนิธิรามาธิบดี, สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), Wellcome Trust,  (AHF)-Global Public Health Institute: SARS-CoV-2  Genomic Sequencing เป็นต้น

การระบาดโรคโควิด-๑๙ สายพันธุ์ “เดลตา” อาจเป็นคลื่นลูกสุดท้ายของการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) ก่อนกลายสภาพไปเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) โดยขณะนี้ยังไม่พบสายพันธุ์อื่นใดจะมาแทนที่เดลตาได้

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเห็นตรงกันว่าการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก (Pandemic) ของสายพันธุ์ “เดลตา” กำลังปรับเปลี่ยนไปเป็นการระบาดแบบโรคประจำถิ่น (Endemic) ซึ่งลดความรุนแรงของการระบาด ลดจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

และลดอัตราการตายลง ภายใน ๖ เดือนหรือ ๑ ปีหลังจากนี้

ก็สรุปได้ว่าเราต้องอยู่กับโควิด-๑๙ อีกประมาณ ๑ ปี

แต่โชคดี เป็น ๑ ปีของโควิดขาลง

และการฉีดวัคซีนของไทยไม่ขี้เหร่

ตัวเลข ณ เวลา ๑๕.๑๓ น. วันที่ ๒๒ ตุลาคม คนไทยฉีดวัคซีนแล้ว ๖๙,๙๖๑,๑๐๒ โดส

ตัวเลขกลมๆ ก็ ๗๐ ล้านโดส

วันก่อน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า

“คนที่อยากฉีดเพื่อปูพื้นต้องรีบหน่อย เพราะเดือนถัดไปมีโอกาสที่ซิโนแวคจะหมด พลาดโอกาสไม่ได้ฉีดสูง อย่างไรก็ตามเรามีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดเข็ม ๑ เข็ม ๒ และเข็ม ๓ ตามเป้าหมาย ๑๐๐ ล้านโดส ที่จะฉีดให้ครบในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม”

แก๊งไอโอสามนิ้วเอาไปแปลงสาร ดูถูกดูแคลน ซิโนแวคเหมือนเดิม

หากมองในมุมการแพทย์ Sinovac เข็ม ๑ AstraZeneca เข็ม ๒ ใช้ระยะสร้างภูมิน้อยกว่า AstraZeneca เข็ม ๑  AstraZeneca เข็ม ๒ นานนับเดือน แต่สร้างภูมิได้ไม่แตกต่างกันมากนัก

ที่เหมือนกันคือ ป้องกันการป่วยหนักได้ ลดอัตราการตายลง

แต่หากมองในมุมการเมือง ก็วนอยู่กับวัคซีนเซินเจิ้น ไม่พ้นจากกะลา

ในขณะนี้ทั่วโลก ฉีดวัคซีนไปกว่า ๗ พันล้านโดส

เกือบครึ่งหนึ่งคือ ๓.๔ พันล้านโดส เป็นวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย วัคซีนที่มีการฉีดมากที่สุดในโลก ๘ ลำดับแรก มีดังนี้

๑.Sinovac ๑.๘ พันล้านโดส

๒.Pfizer ๑.๖ พันล้านโดส

๓.Sinopharm ๑.๖ พันล้านโดส

๔.AstraZeneca ๑.๕ พันล้านโดส

ส่วน Moderna Sputnik V, Johnson&Johnson, Bharat  อย่างละน้อยกว่า ๐.๔ พันล้านโดส

ก็จะเห็นว่า วัคซีน Sinovac, Sinopharm ที่คนไทยกลุ่มหนึ่งด้อยค่านั้น ฉีดมากเป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะในจีน อินโดนีเซีย บราซิล ปากีสถาน ตุรกี อิหร่าน เป็นต้น

และสถานการณ์โควิดในจีน ดีกว่า อเมริกา ยุโรป แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย มิใช่วัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่วัคซีนคือองค์ประกอบสำคัญในการต่อสู้กับโควิด

สถานการณ์โควิดในไทย ณ ปัจจุบันหากเทียบกับหลายๆ ประเทศที่มีพลเมืองพอๆ กัน เราไม่ถือว่าเลวร้ายครับ

อัตราการเสียชีวิตลดลงเรื่อยๆ

ครับ…นี่เป็นข้อมูลก่อนเปิดประเทศ


Written By
More from pp
วว. เปิดรับจองท่องเที่ยวเชิงนิเวศสถานีวิจัยฯ สะแกราช ในงาน อว. แฟร์ 2024
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดรับจองแพคเกจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช …แหล่งสงวนชีวมณฑลของโลก จังหวัดนครราชสีมา ในงาน...
Read More
0 replies on “ต้องรู้ก่อนเปิดประเทศ – ผักกาดหอม”