จำกันไว้ง่ายๆนะ………..
ปี ๒๕๖๒ นี้
วันที่ ๑๗ กรกฏาคม ตรงกับวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน เป็นวัน “เข้าพรรษา”
และวัน/เดือน/ปี เดียวกันนี้ “ครม.ประยุทธ์” จากเลือกตั้งเมื่อ ๒๓ มีค.๖๒ เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นวันแรก ด้วยสถานะ “รัฐบาลประยุทธ์ ๒/๑” หลังจากเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญานต่อ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” อันเป็นแผ่นดิน รัชกาล ที่ ๑๐
เวทีนี้ ไม่มี “คสช.เป็นพี่เลี้ยง” อีกต่อไป มีแต่ลำแข้ง วิสัยทัศน์นำ สัตย์ซื่อ อึด และ ถึก ต่อสังคมบริหารและปกครองยุคในเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นอำนาจครองโลก
ไม่ทราบว่า ประชุมครม. “นัดแรก-วันแรก” ในทันทีหลังเข้าเฝ้าฯ
นายกฯ ใช้ฤกษ์เข้าพรรษา นำบรรดารัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย พร้อมตั้งสัจจาธิษฐาน เป็นการปวารณาตนหรือเปล่า ว่า
จะบริหารเพื่อ ชาติสามัคคี-มั่นคง เพื่อประชาชน ยืนยง-สมบูรณ์สุข และเพื่อ สถาบันพระมหากษัตริย์วัฒนา-สถาพรนิรันดร์
แต่กับผู้นำบริหารประเทศชื่อประยุทธ์ ในบทบาทที่ผ่านการันตี ว่าเรื่องเหล่านี้ “มั่นใจ” ได้!
ห่วงแต่ “ฝ่ายค้านทั้ง ๗” อันมีเพื่อไทยที่จำใจรับบท “กัปตันใหญ่” แบบตายซากนั่นแหละ…….
เคยแต่เป็นรัฐบาลให้คนอื่นเขาค้านมาตลอด ครั้งนี้ ด้วยเวรกรรมจำหนุนให้ต้องเล่นบทค้าน
บอกตรงๆ ทั้งกลุ้ม-ทั้งหนักใจแทน!
เพราะเท่าที่เห็นรำโชว์นอกเวทีก่อนเวลา ต้องบอกว่า “ไม่เป็นประสา” จริงๆ
เรียกว่า”๗ ฝ่ายแค้น”น่าจะตรงสภาพที่สุด!
เพราะถ้าเป็นฝ่ายค้านแบบมีวุฒิภาวะทางการเมืองระบบสภา เขาไม่สะเปะ-สะปะแบบนี้หรอก
เพราะเขารู้ การเมืองระบบสภาก็เหมือนลิเก ต้องรู้จักคิวออกฉาก ให้เป็นเรื่อง-เป็นราวไปลำดับ-ตามขั้นตอน
นี่อะไรกัน สถายังไม่ทันเปิดฉากด้วยซ้ำ ………
ตัวโกง ทะรูด-ทะราด ฉีกฉากลากปืน ลากดาบ ออกมาแยกเขี้ยวเคี้ยวกรามก่อนตัวเจ้าซะแล้ว
“มันอยู่ไหน..มันอยู่ไหน..กูจะฆ่ามันให้บรรลัย….”
แบบนี้ เดี๋ยวก็เจอกระโถนน้ำหมากแม่ยกหน้าฉากจนได้หรอก!
การที่ฝ่ายค้าน “จองหัว-จองกฐิน” ฝ่ายรัฐบาลเป็นรายตัวจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรียังไม่คลอดให้เห็นเป็นตัว-เป็นตน?
มันจะอะไรกันนักหนา
แค้นมากกว่าค้าน จริงมั้ย?
รัฐบาลประยุทธ ๒๐ พรรค เขาว่าเสียงปริ่มน้ำ แต่ถ้าฝ่ายค้าน เหมือนคนป่าออกมาจากหลังเขาแบบนี้
ปริ่มน้ำของรัฐบาล จะเป็นปริ่มแบบพระพาย “เรือบด” บิณฑบาต
เคยเห็นเรือบดกันมั้ย?
ทางแม่กลอง บางจะเกร็ง ดอนหอยหลอด พระจะพายเรือบดลำเล็กๆ ไปตามลำคลองรับบิณบาต
เรือบด นั่งลงไปได้แค่ก้น นั่งแล้วหัวเข่าทั้งสองข้างจะเกยล้นแคมเรือ และเรือ “ปริ่มน้ำ” ด้วยน้ำหนักตัวคน
จะจม-มิจมแหล่ ประมาณนั้น
แต่คนพายเรือเป็น การปริ่มน้ำ กลับเป็นช่วยให้เรือแล่นได้ฉิว แค่จ้วงพายนิดเดียว
คนที่ไม่เคย แค่นึกก็กลัว ยิ่งเจอคลื่นเรือยนต์ด้วยแล้ว ใครเห็นก็บอก จมแน่..จมแน่
คนพายไม่เป็น เจอคลื่น”จม”จริงๆ
แต่กับคนเป็น ส.บ.ม.สบายมาก แค่วาดพายส่งหัวเรือพุ่งตัดคลื่น เรื่อบดลำเล็กๆกลายเป็นปลาฉลามเล่นคลื่น ต่อให้ในทะเลก็ยังชิลๆ
นี่…
รัฐบาลประยุทธ์ปริ่มน้ำ กับฝ่ายแค้นทั้ง ๗ ตามลีลามันจะเป็นลักษณะนี้
ฝ่ายค้าน คือการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแทนประชาชน เรียกกว่าถ่วงดุลกันในระบบสภา
เมื่อฝ่ายค้านมีคุณภาพและเล่นเป็น ฝ่ายรัฐบาลจะต้องระมัด-ระวังในการทำงานมาก เหมือนพระฉันอาหารที่มีโยมรายล้อมจ้องดู
น่องไก่ย่างมันยั่วนัก นึกจะคว้าทั้งน่องขึ้นมาแทะกร้วมๆให้สมอยาก พอเห็นลูกตาญาติโยมจ้องแป๋ว ตักต้มจืดฟักแทนสุดแสนสำรวม
“ฝ่านค้าน-ฝ่ายรัฐบาล” ถ่วงดุลด้วยการตรวจสอบระแวด-ระวังจากการทำงานกันแบบนี้ ถึงจะเป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งระบบสภา
แต่นี่อะไรกัน เมื่อกูไม่ได้เป็นรัฐบาล พวกมึงก็อย่าได้เป็นกันเลย แล้วตั้งหน้า-ตั้งตา ปฏิบัติการ “จองผลาญ-จองล้าง” ให้มันเจ๊งกันไป
จะได้เลือกตั้งใหม่ พวกกูจะได้มีโอกาสแก้มือ!?
แบบนี้ รัฐบาลไม่เสื่อม เพราะยังไม่ได้ลงมือทำงาน
แต่ฝ่ายค้าน เสื่อมไปก่อนแล้ว กับ “บทแค้น” แบบอันธพาลสภา!
รอซักหน่อยได้มั้ย ท่านฝ่ายแค้นทั้ง ๗
รัฐบาลน่ะ ผลงาน “พึ่งได้-พึ่งไม่ได้” ชาวบ้านก็ยังไม่แน่ใจ
แต่ด้วยระบบ”ถ่วงดุล-ตรวจสอบ”………..
ชาวบ้านเขาหวังพึ่งฝ่ายค้าน ๑๐๐% ทั้งคอยตรวจสอบ คอยกระชุ่น-กระตุ้นเตือน และทั้ง “ลงมือเชือด” เมื่อถึงเวลา
ตอนนี้ยังหรอก…..
ทำหน้าที่ฝ่ายค้านผิดคิว ชาวบ้านเขาจะรำคาญนะ ให้รัฐบาลเขาแถลงนโยบายก่อน
แล้วคอยฟัง คอยจด-คอยจำไว้ ว่าเขาจะทำ-ไม่ทำอะไร แบบไหนบ้าง?
ดูเป็นรายหัว-รายกระทรวงไป ผิดจากสัญญา หรือทำตามตามสัญญาแต่ว่ามัน ๖๐/๔๐ หรือขนาด ๔๐/๖๐ อย่างตัวเองเคยคุ้นๆ
ก็ล่อมันเลย!
ผมก็จะร่วมด้วย-ช่วยกระทืบ ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ด้วยมาตรฐานเป็นระบบน่าเชื่อถือ
ครั้งหน้า ผมก็จะกัดฟันเลือก “เพื่อไทย” ซักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ชื่อ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์”
เพราะเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เคยไปช่วยกันหาเสียงกับคุณแสงสัย สุนทรวัฒน์ ตอนสมัครสส.ครั้งแรกที่ชลบุรี
แต่การเล่นบทแค้นแทนบทค้านเช่นนี้ ผมว่า แทนที่จะทำให้รัฐบาลปริ่มน้ำจมคว่ำ
กลับเป็นคลื่นหนุนท้องให้เรือประยุทธ์ลิ่วละล่องไปบนยอดคลื่นลื่นไหลซะด้วยซ้ำ!
อย่าลืม วาระนี้ เป็นวาระคอยตรวจสอบการทำงานคณะรัฐบาล
ไม่ใช่วาระตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีคนที่เกลียดขี้หน้า อย่างเช่น รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือใคร?
คือคนที่ผ่านการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติครบถ้วนจนได้เป็นผู้สมัคร สส ของพรรค.เพื่อไทย มาก่อนเป็นมือทำงานการเมืองให้ระบอบทักษิณของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ
แต่พอรอ.ธรรมนัสย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นแหละ ที่เพื่อไทยปรู๊ฟแล้วมีคุณสมบัติไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อไม่ใช่พวกกู………..ธรรมนัส “ขัดทันที”!?
อย่างนายกฯ ประยุทธ์ ในฐานะองค์รัฐาธิปัตย์ อยู่เหนือความเป็นข้าราชการการเมือง
ก็จี้-ก็ไช-ก็ยื่น จะให้เป็นกันอยู่นั่นแหละ ผ่านมาเป็นเดือน-เป็นปี จนได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรี
จู่ๆ นายอะไรล่ะ อดีต “อัยการสูงสุด” รับใช้ระบอบทักษิณ เคยนั่งสารพัดบอร์ดจนพุงปลิ้น
เมื่อวาน เห็นโผล่หน้า แสดงความดีอก-ดีใจ เจอแล้ว..เจอแล้ว นึกว่าเจอการทำความผิดเข้าข้อกฎหมายในอดีตของแม้ว ไม่ใช่….
บอกว่าไปค้นโคตรพงศาวดารกฎหมายยุคไหนก็ไม่ทราบ องค์รัฐาธิปัตย์ ถือเป็นข้าราชการการเมือง
ทีงี้ ทุ่มเท ขุดค้น
แต่ตอนมีอำนาจ ทุจริตโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ กลับตรวจสำนวน ขุดค้นไม่พบคนชื่อแม้วทุจริต!?
ก็อยากเตือนให้รู้หน้าที่กันไว้ เข้าสู่ระบบรัฐสภากันทั้งที ก็ควรทำหน้าที่และเล่นกันตามบท-ตามครรลอง จะได้สมกับที่เรียกร้องประชาธิปไตย
ชาวบ้านเขายังไม่วางใจกับรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลประยุทธ์ ก็หวังพึ่งพาฝ่ายค้านคอยตรวจสอบการงานทำงาน
ไม่ได้ต้องการให้ทำหน้าที่ขุดซากไดโนเสาร์มาขูดหาหวยเพื่อเลือกตั้งใหม่
ขืนขุด ก็จะเจอเป็นว่า…
อั้ยย่ะ…สืบสายพันธุ์มาด้วยกันกะกูนั่นแหละ!