‘ดร.ศุภชัย’ คือของดี-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ช่วงนี้ข่าวปรับ ครม.หนาหู

            หลังญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นลง ฝ่ายค้านพากันกระพือว่า ยุบสภาแน่ๆ

 หรือไม่นายกฯ ก็ลาออก

            เพราะรัฐบาลถูกลากไส้จนอยู่ไม่ได้แล้ว

            วันนี้เปิดประเด็นใหม่ วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “ลุงตู่” จะครบ ๘ ปี ในเดือนสิงหาคมปีหน้า  ฉะนั้นจะต้องลงจากตำแหน่งเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดห้ามเป็นเกิน ๘ ปี  

            แต่ฝ่ายค้านรอถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ

            อย่างน้อยฝ่ายค้านก็เชื่อว่า รัฐบาลอยู่ถึงสิงหาคมปีหน้า

            ครับ…นี่คือการเมืองที่ดิ้นได้ตามสถานการณ์และเหตุปัจจัย

            ก็อยู่ที่ใครอยากได้อะไร อยากเป็นอะไร

            ข่าวปรับ ครม. ส่วนใหญ่ถูกปล่อยจากมุ้งการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล

            เหตุผลง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

            มีคนอยากเป็นรัฐมนตรี

            ส่วนยุบสภาลาออก แน่นอนไม่มีหน้าไหนในพรรคร่วมรัฐบาลอยากให้เป็น จะมีก็ฝ่ายค้านเพราะอยากเปลี่ยนขั้วอำนาจ

            ขอเป็นรัฐบาลบ้าง

            ฉะนั้นข่าวยุบสภา ลาออก ปรับ ครม. ก็ฟังหูไว้หู เก็บไว้เป็นสีสันการเมือง เพราะบางกรณีแทบจะเป็นจริงไม่ได้เลย

            เช่นกรณีทาบทาม “ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์” มานั่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แทน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” ที่คนปล่อยข่าวบอกว่า ทำงานไม่ได้เรื่อง

            ดูจะผิดฝาผิดตัวเยอะพอควร

            ถ้าเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว “ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ถือว่าสมเหตุสมผล

            แต่ปัจจุบันถือเป็นการปล่อยข่าวแบบไร้รสนิยมทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง

            ระดับ “ดร.ศุภชัย” ถ้าจะมา…มีเก้าอี้เดียวครับ

            “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น

            จะมาแบบไหน อย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่อง

            แต่คนที่ผ่านงานระดับ ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) หากต้องมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้อง เก้าอี้นายกฯ จริงๆ

            ไม่งั้นเสียของ

            ดูกรณี “ไมค์ มัวร์” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ปี ๒๕๓๓ เป็นตัวอย่าง อาจจะกลับหัวกลับหางกับ “ดร.ศุภชัย” นิดหน่อย

            “ไมค์ มัวร์” เป็นนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ก่อนจะดำรงตำแหน่ง ผอ.WTO ในปี ๒๕๔๒-๒๕๔๕

            กรณีของ “ดร.ศุภชัย” จะกลับกัน หากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ก็เป็นหลังนั่งเก้าอี้ ผอ.WTO

            มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ “ดร.ศุภชัย” จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป

            ทางทฤษฎี เป็นไปได้

            แต่ในทางปฏิบัติ ต้องฝ่าหลายขั้นตอน

            สองสามวันมานี้ คนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนให้ข่าวสอดรับต่อเนื่อง

            การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อ  “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนเดียว ไม่มีชื่ออื่นปน

            เหมือนที่เคยเสนอชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ชื่อเดียวในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

            ถ้าเป็นแบบนี้ คือการปิดประตูตายสำหรับ “ดร.ศุภชัย”   

            ปัจจุบัน “ดร.ศุภชัย” ยังทำงานให้ประชาธิปัตย์อยู่

            เป็นมันสมองด้านเศรษฐกิจของพรรค

            ฉะนั้นการไปเป็นนายกรัฐมนตรีในโควตาพรรคการเมืองอื่นๆ ก็ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้

            ว่าไปแล้ว “ดร.ศุภชัย” ไม่ต่างจาก “ลิซ่า” สักเท่าไหร่

            คนมีความสามารถ หากไม่มีสนามให้เล่น ก็ยากจะไปต่อได้

            “ลิซ่า” ถูกเจียระไนโดยเกาหลีใต้ ถึงได้ดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลก

            กลับกันหาก “ลิซ่า” ยังเป็นนักร้องในสังกัดค่ายดนตรีเมืองไทย โลกก็อาจไม่รู้จัก “ลิซ่า”

            เพื่อประเทศไทย “ดร.ศุภชัย” ควรได้รับการผลักดันอย่างแข็งขันจากพรรคประชาธิปัตย์

            แต่โดยโครงสร้างของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถทำให้คนอย่าง “ดร.ศุภชัย” ไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้

            มีของดีแต่ไม่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างดาษดื่นและซ้ำซากในวงการการเมืองไทย

            ครับ…อีกเรื่อง “วัคซีน” ของมีประโยชน์ แต่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ

            บอกแล้วว่าตลาดยังเป็นของผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ

            เป็นเรื่องเป็นราวกันไม่กี่วันก่อน วัคซีนโมเดอร์นา  ๑.๙ ล้านโดส ล็อตที่ต้องเสียตังค์ฉีดผ่านโรงพยาบาลเอกชน เลื่อนส่งมอบจากกลางเดือนตุลาคมออกไป

            ควันออกหูซิครับ!

            จ่ายตังค์แล้วเมื่อไหร่จะได้ฉีด 

            เห็นว่ารวมหัวกัน สร้างแคมเปญล่ารายชื่อ ผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อให้ปลด ผอ.องค์การเภสัชกรรม ออกจากตำแหน่ง

            เอาประเด็นความล่าช้าก่อน

            ความล่าช้าไม่ได้อยู่ที่องค์การเภสัชกรรม แต่บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ตัวแทนของ โมเดอร์นา แจ้งว่าสาเหตุเป็นเพราะแหล่งผลิตในยุโรปส่งของให้ไม่ทัน

            จึงมีแนวโน้มว่าต้องเลื่อนส่งมอบไปเป็นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

            เอาตามข้อเท็จจริงคนที่จองคิวซื้อวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มคนที่ไม่พอใจการบริหารจัดการวัคซีนโควิดของรัฐบาล ที่ปักใจว่าวัคซีนของรัฐบาลมีแต่วัคซีนเซินเจิ้น

            และจำนวนหนึ่งคือพวกเกลียด “ลุงตู่”

            แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ จะเกลียดจะชอบใคร จะฉีดวัคซีนอะไร ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

            เพียงแต่ข้อมูลประกอบการตัดสินใจนั้น หากมีแค่ความเกลียด ก็เข้ารกเข้าพงได้ง่ายๆ

            วันนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว ๕๕ ล้านโดส

            ผลคือทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโควิดลดลงเรื่อยๆ ยืนเลขต่ำกว่าร้อยมาสองสามวันแล้ว และคาดว่าจะลดลงเรื่อยๆ

            ประเด็นสำคัญ ผู้ที่จองวัคซีนโมเดอร์นาผ่านโรงพยาบาลเอกชน วันนี้น่าจะประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่า  สถานการณ์ของวัคซีนโควิดนั้น ยังเป็นของผู้ขาย


            โดยเฉพาะวัคซีนเทพแทบจะไม่ง้อผู้ซื้อ

            มันจึงกลายเป็นเรื่องปัญญาอ่อน เอะอะไม่พอใจอะไรก็ไปรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org เที่ยวปลดคนโน้นคนนี้ไปทั่ว

            ตัวเว็บไซต์ change.org เองก็ขาดการกลั่นกรอง ใครสร้างแคมเปญอะไรก็ปล่อยฟรีหมด ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันมีอยู่ และมีการอธิบายโดยตัวแทนบริษัทวัคซีนด้วยซ้ำ

            มันก็อยู่ในสภาพนี้แหละครับ มักง่ายใช้โซเชียลเล่นงานคนอื่นซะจนเคยตัว 

            ครับ…ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปวัคซีนที่รัฐจัดหาให้มีพอสำหรับทุกคน

            เร่งฉีดเท่าไหร่ ดีต่อส่วนรวมมากเท่านั้น

            ข้อมูลจากหมอพร้อม วัคซีนฉีดตามยี่ห้อมีดังนี้ครับ

            AstraZeneca ๒๔.๗๐๓ ล้านโดส

            Sinovac ๒๐.๑๕๑ ล้านโดส

            Sinopharm ๘.๗๑๒ ล้านโดส

            Pfizer ๑.๔๓๑ ล้านโดส

            Johnson & Johnson ๗ พันโดส

            Moderna –

Written By
More from pp
ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง วีซ่า STV อนุญาตนักท่องเที่ยวเรือสำราญและกีฬาเข้าไทยได้ ถึง 30 ก.ย.นี้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ว่า
Read More
0 replies on “‘ดร.ศุภชัย’ คือของดี-ผักกาดหอม”