ศธ.ดีเดย์ ! ฉีดวัคซีนเด็กนักเรียน/เยาวชน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยนายกรัฐมนตรีจะร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ถนนลาดพร้าว เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 4 ตุลาคม นี้
โดยนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ พร้อมกับโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพทั่วไทย เพื่อให้กำลังใจน้องๆ นักเรียนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นเข็ม 1 โอกาสนี้ จะได้เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีนและชมนิทรรศการโรงเรียนปลอดภัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ณ ภายในบริเวณพื้นที่จัดงาน
สำหรับ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา ปีที่ 6 มีนักเรียนช่วงอายุระหว่าง 12-18 ปี ที่มีคุณสมบัติรับการฉีดวัคซีนจำนวน 799 คน สมัครใจฉีด 695 คน คิดเป็นร้อยละ 86.98 โดยจะเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม นี้ จำนวน 200 คน และจะทยอยฉีดวัคซีนนักเรียนเมื่อได้รับการจัดสรรในรอบต่อๆ ไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแผนให้นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่มีจำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัดก่อนและจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา (อย.) วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไป ในประเทศไทย ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา อินโดนิเซีย ฯลฯ ยังได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว
“นายกรัฐมนตรีกำชับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียน/เยาวชน รวมไปถึงการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรภายในโรงเรียนทุกระดับ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียน/เยาวชนให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ให้ ศธ. เร่งดำเนินการโครงการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยคาดหวังให้โรงเรียนกลับมาเปิดเรียน On Site ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ลดความเครียดและข้อจำกัดของนักเรียนในการเรียนการสอนออนไลน์ด้วย” นายธนกร กล่าว