ผักกาดหอม
ช่วงนี้กระแสเปิดประเทศมาแรง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ที่ผ่านมา นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าประเทศไทยต้องเปิดประเทศภายใน ๑๒๐ วัน
“วันนี้ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่าประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศให้ได้ภายใน ๑๒๐ วัน นับจากวันนี้ ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากพร้อมได้เร็วกว่า ก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น”
วันนั้นนายกฯ โดนคนไม่ชอบหน้าอัดเละ บอกว่านี่คือไทม์ไลน์แห่งหายนะ
เปิดประเทศเมื่อไหร่ คนไทยจะติดเชื้อโควิดมากกว่าเดิม
ประชาชนจะเดือดร้อนมากขึ้น
แต่ก็แปลก เมื่อครั้งรัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้าควบคุมสถานการณ์ ประกาศเคอร์ฟิว คนกลุ่มนี้เอาแต่ด่ารัฐบาลว่า ทำงานไม่เป็น
รัฐบาลปิดธุรกิจ ลูกจ้างภาคเอกชนตกงานจำนวนมาก ฆ่าตัวตายรายวัน
ไม่ว่าปิด หรือเปิด คนกลุ่มเดียวกันนี้ค้านทุกเรื่อง
ถามว่าการเปิดประเทศมีความเสี่ยงหรือไม่?
มีแน่นอน
และในวันที่ประกาศเปิดประเทศ “ลุงตู่” พูดเอาไว้ชัดเจน
“ผมรู้ดีว่าการตัดสินใจของผมวันนี้ มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม
ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง
แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์ และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้น เราได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่า อยู่ในระดับที่พอจะรับได้
เราต้องจัดลำดับความสำคัญภายใน สำหรับประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ครับ”
ครับ…ใช่ว่าสักแต่เปิดประเทศโดยไม่มีมาตรการแก้ปัญหารองรับ
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือโมเดลนำร่อง
ถึงวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าภูเก็ตติดเชื้อวันละ ๒๐๐ คน นั่นคือการส่งสัญญาณว่า สุดท้ายแล้วภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะล้มเหลว
แต่หากเจาะลึกลงไปถึงที่มาผู้ป่วย ๒๐๐ คนเมื่อวันที่
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต สั่งปิดท่าเทียบเรือประมง ช่วงเวลา ๔ ทุ่มถึงตี ๔ ให้ตรวจหาเชื้อทุก ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน
และนั่นนำมาซึ่งตัวเลขผู้ป่วยพุ่งพรวด
เส้นทางของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถูกถ่มถุยจากคนที่ต่อต้านและโจมตีว่า ไม่มีทางสำเร็จ มีแต่จะทำให้โควิดระบาดมากขึ้น
แต่ผลที่ออกมาเป็นตัวเลขสัมผัสได้คือ
๑ กรกฎาคม-๑๔ กันยายน มีนักท่องเที่ยว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แล้ว ๓๒,๐๐๕ คน
สหรัฐ ๕,๖๐๐ คน
อิสราเอล ๓,๗๐๐ คน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ๓,๓๐๐ คน
ยูเค ๓,๓๐๐ คน
เยอรมนี ๒,๘๐๐ คน เป็นต้น
อย่าไปคาดหวังหรือเปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนโควิด
เพราะถ้าใช้สมมติฐานดังกล่าว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เป็นโครงการที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
แต่ในสถานการณ์ที่โลกเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ อย่างหนักหน่วง ในเวลา ๒ เดือนครึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ต ๓.๒ หมื่นคน ใช้จ่ายร่วม ๒ พันล้านบาท มันคือฟองอากาศในก้นมหาสมุทร ที่ช่วยต่อลมหายใจ ชาวภูเก็ต ธุรกิจในภูเก็ต หลังจากที่ทุกอย่างดิ่งเป็นศูนย์
จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ตามด้วยสมุยพลัสโมเดล
กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์
หัวหิน รีชาร์จ ฯลฯ ที่จะตามมาอีกมากมาย
รวมทั้งแตกสาขาเป็น แฟกทอรีแซนด์บ็อกซ์
ถ้าไม่ลุกขึ้นยืนจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ การเปิดประเทศก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
“หมอพร้อม” รายงานการฉีดวัคซีนที่ภูเก็ตว่า ฉีดไปแล้ว ๘๖.๕๖% นั่นคือการเตรียมการนำไปสู่การเปิดภูเก็ตให้กว้างขึ้น
มิได้สักแต่เปิดโดยไม่มีอะไรรองรับ
และโลกกำลังมองสิ่งที่ไทยทำอยู่
ซีเอ็นเอ็น รวบรวม ๕ ประเทศที่มีแผนการเปิดประเทศด้วยรูปแบบอยู่ร่วมกับโควิด-๑๙ และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยของเรา
ซีเอ็นเอ็นสรุปว่า ประเทศของไทยแม้ฉีดวัคซีนช้ากว่าประเทศอื่น แต่มีนโยบายเปิดประเทศให้นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบแล้วมายังเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง อาทิ จ.ภูเก็ต และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แล้ว
และเตรียมเปิดกรุงเทพมหานคร, จ.เชียงใหม่, เมืองพัทยา และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อไป แม้คนไทยจำนวนมากยังไม่ได้รับวัคซีนไม่ครบ ๒ โดส และมีคนจำนวนอีกไม่น้อยที่ยังไม่ได้วัคซีนเลย
สิงคโปร์ก็จะเปิดประเทศแบบอยู่กับโควิดเช่นกัน จากเดิมที่เคยยึดมาตรการกดตัวเลขเป็นศูนย์
แต่เมื่อโควิดชนิดกลายพันธุ์แบบเดลตาระบาดเข้ามา ทำให้ต้องทบทวนกลยุทธ์ดังกล่าวและยอมรับว่าโควิด-19 อาจไม่หายไปไหน
และต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กันไปแบบนี้
ชิลีเป็นอีกประเทศที่จะเปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาในวันที่ ๑ ตุลาคมนี้ โดยจะต้องกักตัว ๕ วัน
ความมั่นใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากอัตราการฉีดวัคซีนครบ ๒ เข็มของชาวชิลีที่สูงเกือบ ๘๗% ไปแล้วในขณะนี้ และล่าสุดเพิ่งอนุมัติให้ฉีดวัคซีนของซิโนแวคให้กับเด็กอายุมากกว่า ๖ ปีแล้วด้วย
แอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา เพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดลง เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ที่ผ่านมา เพราะการระบาดระลอก ๓ ของแอฟริกาใต้ซาลงอย่างมากแล้ว
แต่ประธานาธิบดีซีริลก็ยังเตือนว่า การระบาดยังไม่จบลง และยังขอให้ทุกคนยังต้องทำตามมาตรการที่ยังคงอยู่และไปฉีดวัคซีน
สุดท้ายคือเดนมาร์ก ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปมากแล้ว เพราะมีคนได้วัคซีนครบแล้วกว่า ๗๔%
ขณะรัฐบาลก็ประกาศว่าโควิด-๑๙ ไม่ใช่โรคที่เป็นภัยต่อสังคมอีกต่อไป
รัฐบาลเดนมาร์กได้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคทุกอย่าง ขณะนี้ทุกคนสามารถเข้าไนต์คลับและร้านอาหารโดยไม่ต้องโชว์พาสปอร์ตวัคซีน และใช้ขนส่งมวลชนโดยไม่ต้องสวมหน้ากากอีกต่อไป
ครับ…ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่การเปิดประเทศมีความจำเป็นต้องทำ
นี่คือการถ่วงน้ำหนักระหว่างโรคระบาดกับเศรษฐกิจ
การฉีดวัคซีนของไทยกำลังเข้าสู่ภาวะก้าวกระโดด เพราะเริ่มมีวัคซีนมากพอที่จะฉีดวันละเฉียดล้านโดสได้
ล่าสุดคนไทยได้รับวัคซีนสะสมไปแล้ว ๔๔ ล้านโดส
เป็นลำดับที่ ๒๐ ของโลก
การเปิดประเทศเดือนตุลาคมที่ถูกมองเป็นเรื่องตลก ขบขัน จะทำให้สภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน
และคนที่ได้ประโยชน์จะรวมไปถึงคนที่เคยบูลลี่การเปิดประเทศก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน.