เปลว สีเงิน
“การเมือง” ไม่ใช่การ์ตูน “หนูเล็ก-ลุงโกร่ง”
ที่หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายจะ “ทะลุโล่ง” เหมือนคนนุ่งโสร่ง ไม่สวมกางเกงใน เห็นใสแจ๋วหมด!
หรือเรื่อง “ไพรวัลย์-สมปอง”
ที่แหกธรรม-โปกฮา “เรียกยอดไลค์” ส่งเสริมการขายบุญ
พลังประชารัฐ “ประชุมพรรค” เมื่อวาน นั่นก็เหมือนกัน
ภาพที่ “ป้อม-หน.พรรค-ธรรมนัส-เลขาฯ พรรค” และสส.สารพัดมุ้งมากันครบ ให้ภาพสงบ สมานสมัคร “เหมือนเดิม”
“ที่เห็น”…
ก็ใช่ว่า “ที่เป็น” ในความหมายของคำว่า “อนาคต” เสมอไป
เพราะ “การเมือง” มันไม่ใช่ “หนังการ์ตูน” หรือการขายบุญแบบ “ตลกหุ้มธรรม”
ฉะนั้น การเมืองเรื่อง ๓ ป.ในความเป็น “พลังประชารัฐ” ที่เห็นนั่น-เห็นนี่ อย่าเพิ่งทึกทัก “ผักชี” เป็นเนื้อหา
กระทั่งที่ธรรมนัสประกาศ “พลังประชารัฐคือบ้านหลังสุดท้าย ถ้าจะจบชีวิตการเมืองก็ขอจบที่พลังประชารัฐ” ซึ่งตรงข้ามกับที่แถลงตอนถูกปลดว่าจะไปตั้งพรรคใหม่ นั้น
“นบนอบ” ธรรมนัส ก็อย่าด่วนทึกทักว่า “องคุลีมาล” กลับใจ
ที่ “พลเอกประวิตร” แต่งตั้ง “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค
อย่าจับแพะชนแกะ “เรื่องพอใจ-ไม่พอใจ” คนในพรรค หรือเรื่อง ป.ประวิตร เจตนาส่งสัญญานบางอย่างถึง ป.ประยุทธ์ เพราะมันตื้นเกิน
ธรรมนัสนี่ “น่ากลัว”!!!!
ไม่ใช่ทางนักเลง แต่น่ากลัวทาง “การเมือง” ที่กลมกลิ้งเข้าเนื้อแล้ว
ก็ดูซี จากประกาศวันก่อน “ซ้อนประกาศ” วันวาน ไม่ถึงสัปดาห์ จากที่ตอบนักข่าวเรื่องตั้งพรรคใหม่ ตอนแถลงลาออกว่า……
“อาจจะเป็นพรรคพะเยา หรือพรรคพลังพะเยา หรืออาจจะเป็นอีสานล้านนา ก็ได้ ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว เร็วๆ นี้จะได้เห็นโฉมหน้าแน่ๆ”
ถ้าเป็นศพ ยังเยิ้มน้ำเหลือง แต่เมื่อวาน “พลังประชารัฐ คือบ้านหลังสุดท้าย” มันแห้งสนิทเป็นมัมมี่อาณาจักรฟาโรห์!
“เข้าเนื้อ” อยางนี้ ถึงได้บอกว่า “น่ากลัว” ไง
มุ้ง “สุริยะ-สมศักดิ์” จะขยับหมากในพรรค ก็คงต้อง “ชั่งตาเดิน” หมากธรรมนัส ที่มี “มุ้งปากน้ำ” เป็นเบี้ยขัด-ลูกคู่อยู่เหมือนกัน
สำหรับ “พลเอกวิชญ์” ที่เป็นหมากตัวใหม่ของลุงป้อมในกระดานการเมืองพลังประชารัฐ นั้น
“ใหม่” สำหรับคนภายนอก
แต่ “เก่า” ประเภท “สุภาพบุรุษ” เก๋าเกม ลูกชาย “พลเอกยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” รู้กันภายใน ว่าพลเอกวิชญ์คือกล่องที่ลุงป้อม “ถอดหัวใจ” ฝากไว้
เป็นมือทำงานประจำตัวลุงป้อมมาช้านาน เป็นคนที่ลุงป้อม “ไว้ใจที่สุด”!
เมื่อลุงป้อมงัดสมบัติก้นหีบสู่สาธารณะ ก็อย่ามองแค่ว่ามาเป็น “งาแซง” เพื่อให้เกิดประเด็นเป็นคำถาม บอก ป.ประยุทธ., ป.ป๊อก ก่อนแล้วหรือยัง?
หรือ ป.ป้อม “แก้เผ็ด”…..
ตั้งก่อน แล้วค่อยบอกทีหลัง เหมือนอย่างที่ ป.ประยุทธ์ ปลดธรรมนัสก่อน แล้วค่อยบอก?
ถ้ามองเป็นเกมแก้แค้นของคนงอน ถือว่ามองแบบ “เด็กเล่นขายข้าว-ขายแกง” ไปบอกที่ไหนว่า ๓ ป.คือ อดีตผบ.ทบ. ใครจะเชื่อ!?
ฉะนั้น การที่ลุงป้อมเอาพลเอกวิชญ์เข้ามาเป็น “หมากตาคั่น” ในพลังประชารัฐ มันบอกอะไรมากกว่าการเมืองเรื่องธรรมนัส เรื่องประยุทธ์ เรื่องแย่งชิงตำแหน่งในพลังประชารัฐ
มันเป็นมิติยุทธศาสตร์ของคนเคยคุมกองทัพ นำยุทธวิธีมาประยุกต์ในการเมือง มองข้ามปัจจุบันไปถึงผลได้-ผลเสียในอนาคต ว่าด้วยการเลือกตั้งมากกว่า ผมว่านะ
ไม่ใช่เข้ามาแย่ง มาแซง แต่เป็นการเสริม ในจังหวะเหมาะสม ทำทางอนาคตให้ดูกลมกลืนด้วยใช้สถานการณ์ปัจจุบันกลบ
พลเอกวิชญ์คือ “ปลั๊กใหม่”….
สำหรับสส. “เสียบสายตรง” ถึงหัวหน้าพรรค คือพลเอกประวิตร
ส่วนธรรมนัส ในตำแหน่งเลขาฯ พรรค เป็นปลั๊กเสียบตามระบบและขั้นตอนพรรค
อะไรที่ ด่วน-ลับ ทั้ง formal-informal เสียบสายตรงที่พลเอกวิชญ์
ส่วนที่ธรรมนัส….
“พักเสียง-รอสาย” ไว้ก่อน ช่วงธรรมนัสถูก “ธำรงวินัย” จนกว่ากลับตัว-กลับใจ “สึกนึกผิด” เข็ดแล้วให้ดิ้นตาย ตอนไหน นั่นแหละ ค่อยว่ากันอีกที!
ความจริง ไม่ตั้งใจคุยเรื่องนี้ อยากคุยเรื่องที่ “ม.จ.จุลเจิม ยุคล” หรือ “ท่านใหม่” โพสต์เฟซ ว่า…
“ปัจจุบัน รัฐบาล ทหาร ตำรวจ ใจไม่กล้า conquer fear conquer all ไม่ชนะความกลัว จะไปชนะอะไรได้….”
ในกรณี ม็อบสามนิ้ว เผาซุ้มตรงทางด่วน และรูปเคารพทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
แต่….
ขอยกยอดไปวันต่อไปดีกว่า เพราะวันนี้หมดเวลา ผมนี่…ยิ่งหง่อม ยิ่งคิดช้า-ทำช้า ถึงขั้นงุ่มง่าม จนพนักงานไทยโพสต์ นินทาว่าผมเป็นตัวถ่วง
ฉะนั้น วันนี้ เอาแค่นี้ ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ ทั้งรัฐบาล ทั้งทหาร และทั้งตำรวจ
ทุบหลัง-ทุบไหล่ “หายปวด”
แต่จะให้ “ทุบโต๊ะ”
ก็ทุบได้ อาจสะใจ
แต่ “พัง” ฉิบหายหมด ทั้งรัฐบาล ทั้งทหาร ทั้งตำรวจ และทั้งประเทศ…เฮ้อ!