วันที่ 11 กันยายน 2564 เวลา 08.00 น. ที่ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง การที่พรรคการเมืองมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน รวมถึงเหตุผลในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ และไม่ทราบว่าจะมีการยื่นหรือไม่ ซึ่งต้องรอดูและยังมีเวลา 15 วัน หากพ้นจากนั้นก็ถือว่าไม่มีการยื่น ก็จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้
ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกันในแต่ละพรรคการเมืองนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญไปในรูปแบบไหน บัตรใบเดียว บัตรสองใบ พรรคการเมืองก็มีได้มีเสียทั้งนั้น ได้มาก ได้น้อย เสียมาก เสียน้อย แต่ถ้าเราไปมองประโยชน์พรรค รัฐธรรมนูญคงแก้ไขได้ลำบาก และหาจุดลงตัวหรือจุดบรรจบลำบาก ก็จะต้องไปดูในภาพรวม
ถ้าการแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าไปสู่การที่จะทำให้ระบบพรรคการเมืองเข้มแข็งหรือไม่ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ ถ้าเรามองสองจุดนี้ทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ยาก และเป็นการตัดสินใจเพื่อหลักการที่ถูกต้องและเป็นการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ประโยชน์ของแต่ละพรรคการเมือง
“ที่เรียนว่าจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งขึ้น ก็เพราะ ถ้าเป็นบัตร 2 ใบ บัตรใบที่ 1 ก็จะเลือกบุคคล คือเลือกตัวคนในเขต 400 เขต ใบที่สองก็จะเลือกพรรค เพราะฉะนั้นจะมีบัตรหนึ่งใบที่ให้ความสำคัญกับพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองก็จะต้องแข่งขันกันปฏิบัติภารกิจที่เป็นที่พอใจของประชาชน เนื่องจากจะมีคะแนนพรรคอยู่ด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้พรรคการเมืองได้พัฒนาตัวเองขึ้นไป และเดินหน้าไปสู่ความเข้มแข็งขึ้นต่อไปในอนาคต เพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้มแข็งขึ้นต่อไปด้วย
เพราะฉะนั้นระบบบัตรสองใบมันชัดเจน แต่บัตรใบเดียวนั้นจะเลือกคนกับพรรค แยกจากกันไม่ได้ เอาพรรคมาบวกกับคน ก็เลยกลายเป็นว่าพรรคก็เหมือนจมหายไปใน 1 คะแนนนั้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากสถานการณ์ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นควันหลงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนเป็นที่มาของการปรับ รมต. ให้พ้นตำแหน่ง และมีข่าวเรื่องการสลับรัฐมนตรีนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไม่ขอตอบว่าถ้ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะมันยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิด การปรับคณะรัฐมนตรีนั้นต้องนับหนึ่งจากนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นับหนึ่งจากคนที่อยากเป็นรัฐมนตรี ถ้าเป็นอย่างนั้นคงมีโผเยอะเลย
เพราะฉะนั้นก็ต้องไปดูว่าเกิดจากอะไร ถ้าเกิดจากท่านนายกฯ ก็ต้องรับฟัง และถ้ามีอะไรที่จะต้องเกี่ยวพันกับประชาธิปัตย์ ท่านก็คงแจ้งให้ทราบ เพราะท่านก็แจ้งให้ทราบ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้มีม่านกั้นอะไรระหว่างประชาธิปัตย์กับท่านนายกฯ ในการทำงานร่วมกันที่ผ่านมา แต่ว่าถ้าเกิดจากความต้องการเป็นรัฐมนตรีของคนที่ 1-2-3-4-5 มันก็คงมีหลายสูตร เราจะไปเอาอันนั้นมาเป็นตัวตั้งคงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ จะผลกระทบกับรัฐบาลจนทำให้ขาดเสถียรภาพหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้พรรคพลังประชารัฐ ในการที่จะเข้าไปคลี่คลายปัญหาภายในพรรคให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี