ศบค. คงระดับของพื้นที่และมาตรการควบคุมถึง 30 กย. นี้ เตรียมขยายฉีดวัคซีนกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป เตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนภายในเดือนตุลาคม

10 กันยายน 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศบค. สั่งติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์  หลังจากองค์การอนามัยโลกได้ประกาศการยกระดับการแพร่ระบาดของโควิด – 19 สายพันธุ์ MU (มิว) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง
ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศไทย รวมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อสังเกต ข้อเสนอแนะหรือข้อท้วงติงที่เป็นประโยชน์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายที่ผ่านมา มาปรับใช้ในการทำงาน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนและช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความพอใจหลังจากที่ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงพยาบาลสนามที่เป็นความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน และสถานประกอบการในโครงการ Factory Sandbox  ซึ่งขอให้เป็นต้นแบบในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย เพราะไม่อาจคาดคะเนได้ว่าไวรัสโควิด-19 จะอยู่นานแค่ไหน รัฐบาลยังเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน และขอให้ประชาชนปฏิบัติตาม Universal Prevention และทุกองค์กรเน้น COVID-19 FREE Setting  (สถานประกอบการ  ลูกค้า/ประชาชน) ให้ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคด้วย

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลเด็กนักเรียน โดยศบค. และสธ. จะเร่งปูพรมฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปื ภายในเดือนตุลาคม โดยจะต้องได้รับการยินยอมผู้ปกครอง ยึดหลักและคำแนะนำทางการแพทย์ ครอบคลุมทั้ง นักเรียน ครูและเจ้าหน้าที่ เพี่อสร้าง “โรงเรียนปลอดภัย” รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับกลุ่มคนที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน ว่าการฉีดวัคซีนสามารถลดอาการเจ็บป่วย ลดการเสียชีวิต

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบเป้าหมายให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในเดือนตุลาคม 2564  ให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด อย่างน้อยร้อยละ 50 ทุกจังหวัด  ขยายกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน และวางแผนให้เข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac  ที่ครบ 2 เข็มในช่วงมีนาคม – พฤษภาคม 2564  รวมทั้งเห็นชอบคงระดับของพื้นที่และมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามระดับพื้นที่สถานการณ์ ถึง 30 กันยายน นี้ ประกอบด้วย พื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 29  จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด  พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด คงมาตรการเคอร์ฟิว WFH เพิ่มความเข้มข้นตามมาตรการ COVID Free Setting

นายกรัฐมนตรียังมีความเป็นห่วงสถานประกอบการ/ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Micro SMEs ซึ่งจะได้หาแนวทางแบ่งเบาภาระที่เกิดขึ้น จากการเตรียมรองรับมาตรการของรัฐทั้งมาตรการ Bubble and Seal และ Factory Sandbox  อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนปฏิบัตตามมาตรการเพื่อประโยชน์ของตนเอง ภายใต้ความร่วมมือ 3 ฝ่าย ประกอบด้วยรัฐบาล เอกชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถเดินหน้าตามเป้าหมายในการเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งหลายประเทศได้จับตามองไทย เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินงานเช่นกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ในที่ประชุม ศบค. นอกเหนือจากการเร่งแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 แล้ว นายกรัฐมนตรียังห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ โดยกำชับทุกส่วนราชการเตรียมแผนเผชิญเหตุในทุกพื้นที่ทั้งส่วนภูมิภาครวมทั้งกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที เพราะในขณะนี้ รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาทุกมิติ ทั้งโควิด-19 เศรษฐกิจและภัยธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน

Written By
More from pp
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ผู้นำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตสู่ชีวิตปัจจุบัน
ปัจจุบันโลกของเรากำลังก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จากผลกระทบของภาวะเรือนกระจกอันเป็นผลมาจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง โดยก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาได้แก่ “ความตกลงปารีส” ในการประชุมสมัชชาภาคีภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 (COP21) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานระหว่างประเทศที่มีเป้าหมายแก้ไขภาวะโลกร้อน ความตกลงปารีสซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2559 กำหนดเป้าหมายระยะยาวในการจำกัดการเพิ่มสูงขึ้นของอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยให้ต่ำกว่า...
Read More
0 replies on “ศบค. คงระดับของพื้นที่และมาตรการควบคุมถึง 30 กย. นี้ เตรียมขยายฉีดวัคซีนกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป เตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนภายในเดือนตุลาคม”