ผักกาดหอม
คำว่า “การเมือง”…
ถ้าตามไม่ทัน ตกเป็นเครื่องมือเอาง่ายๆ นะครับ
แกนนำสามนิ้ว สมองสองสลึง พากันซูฮก “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ยกย่องเป็น นักสู้เพื่อประชาธิปไตย ตัวจริงเสียงจริง
ผิดจาก “พี่เต้น” คือตัวปลอม
ต้องเผาเลยครับ ผมรับผิดชอบเองเท่านั้น
เสียงกระพือในโซเชียลทั้ง อานนท์ นำภา เพนกวิน และใครต่อใครอีกหลายคน มอง “ณัฐวุฒิ” เป็นฮีโร่จริงๆ ครับ ไม่ได้โม้
แต่ก็แปลกในวงการคนเสื้อแดงด้วยกัน เขาไม่ได้มองแบบนั้น
ถึงขั้นลากไส้กันเองเลยทีเดียว
“อนุรักษ์ เจนตวนิชย์” รู้จักกันในวงการคนเสื้อแดงในนาม “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” พูดถึงการเป็นแกนนำม็อบรอบใหม่ของ “ณัฐวุฒิ” และคราวนี้ไม่ได้นำเสื้อแดง แต่นำสามนิ้วน้ำแดง
“…แกนนำ นปช.ตั้งเวทีปราศรัยที่แยกอโศก เป้าหมายแท้จริงของเขาไม่ใช่ไล่ประยุทธ์
แต่เป็นการสร้างฐานเสียงนักศึกษาให้กับพรรคเส้นทางใหม่ หรือไทยรักษาชาติ ๒ เพื่อรอการเลือกตั้งครั้งหน้า…”
“…โพสต์นี้ไม่กี่บรรทัด แต่บางคนตีความไปไกล
ผมมองจากมุมมองของนักกิจกรรมที่รู้จัก นปช.ดี ไม่ได้เมนต์ในฐานะคนที่จะตั้งพรรคการเมืองแล้วมาคิดเยอะ คงจะต้องแยกให้ออกว่าจุดประสงค์แท้จริงของเขาคืออะไร และสิ่งที่ทำมีประโยชน์ไหม
การออกมาตั้งเวทีชูประเด็นขับไล่ประยุทธ์ที่อโศกเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน อโศกเป็นพื้นที่ทำงานของคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
ผมก็ชอบที่จะเห็นหลายคนหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว
ผมจะโจมตีคนที่ทรยศต่ออุดมการณ์หักหลังมวลชนอย่างจตุพรเท่านั้น ซึ่งเขาก็พังเพราะปากตัวเองไปแล้วไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
แต่อยากจะชี้ให้เห็นเหตุผลที่แท้จริงที่ออกมาในช่วงนี้ ในทางการเมืองก็ถือว่าเป็นการขยับตัวเชิงรุกที่ฉลาดอยู่
แต่จะให้หลับตาเชียร์ว่าออกมาเพราะอุดมการณ์จริงๆ คงไม่ใช่
ผมรู้จักเบื้องหน้าและเบื้องหลังของ นปช.ดีในฐานะนักกิจกรรม และที่ออกมาพูดก็ไม่ได้ด้อยค่าใคร
แต่อยากเสนออีกมุมมองให้คนได้คิด ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอครับ”
ก็จริงครับ ไม่มีอะไรเสียหาย
แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นเรื่องซับซ้อนพอควร หากภูมิคุ้มกันไม่ได้ ก็เข้ารกเข้าพงไปตามๆ กัน
พรรคเส้นทางใหม่ คือรังใหม่ของ “ณัฐวุฒิ”
เหนือ “ณัฐวุฒิ” ไปคือ “จาตุรนต์ ฉายแสง”
และเพื่อนพ้องน้องพี่จากอดีตไทยรักษาชาติ
ประภัสร์ จงสงวน
เหวง โตจิราการ
ก่อแก้ว พิกุลทอง
นิคม ไวยรัชพานิช
เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์
ฐิติมา ฉายแสง
วุฒิพงศ์ ฉายแสง
เห็นเงาตะคุ่มๆ ของ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล สายตรง “ทักษิณ” อยู่หลังฉาก งานนี้จึงพอประเมินได้ว่า ยุทธศาสตร์แตกแบงก์ย่อย กับบัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ เป็นเทรนด์ใหม่สู่อำนาจ
ถ้าชาวสามนิ้วรับได้ ก็เชียร์กันให้สุดลิ่มครับ
เกมไล่ประยุทธ์ แต่ไม่ได้ต้องการไล่ประยุทธ์ในตอนนี้ เพราะยังไม่พร้อมในแง่ความเป็นพรรคการเมือง แต่เป็นเกมเพื่อเก็บรวบรวมฐานคะแนนเท่านั้น
เกมไล่ประยุทธ์นี้ยังสอดคล้องกับเกมไล่ประยุทธ์ในสภาด้วยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่รู้กันตั้งแต่ไก่โห่ว่า ไม่มีทางไล่ได้ เพราะข้อมูลไม่ถึง เสียงไม่พอ
แต่เป็นเกมไล่ประยุทธ์ เพื่อชิงการนำในการสู้กับประยุทธ์
อย่าเพิ่งงงครับ!
ศึกซักฟอกรัฐบาลหากมองลึกลงไป เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล
และมีความเด่นชัดในเรื่องนี้ตั้งแต่กำหนดตัวรัฐมนตรีที่จะอภิปรายแล้ว
ซ้ำร้ายยังมีการเมืองซ้อนการเมือง ก้าวไกล ตามไม่ทัน เพื่อไทย เมื่อมีการกีดกัน ไม่ให้อภิปราย “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส”
ในขณะที่เซียนการเมืองฝั่งผู้ลี้ภัยวิแคะแกะเกา เชื่อว่า มีดีลลับระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” วางแผนงัดกับ “นายกฯ ลุงตู่”
แล้วปล่อยข่าวแจกเงิน ๕ ล้านแลกโหวต
ที่จริงเรื่องนี้ดูปัญญาอ่อนไปหน่อย เพราะนายกฯ มีอาวุธสำคัญในมือคือ “ยุบสภา”
และไม่มี ส.ส.หน้าไหนอยากเลือกตั้งในเวลาเช่นนี้
ฉะนั้นเมื่อวัดกำลังแล้ว “ธรรมนัส” ต้องถอย ไม่ใช่เพราะเงิน ๕ ล้าน
แต่เพราะเจอตอชิ้นใหญ่
กลับมาที่เกมแย่งมวลชนระหว่างเพื่อไทย กับ ก้าวไกล เรื่องนี้ เพื่อไทยจริงจังมาก เพราะเคยเสียเหลี่ยมครั้งแล้วครั้งเล่า
จึงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
การที่ “โทนี่-โทนาฟ” ลงมาร่วมเล่นไล่ประยุทธ์ด้วยตัวเอง ก็น่าจะอธิบายได้พอควรว่า เป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร
จะว่าไปแล้วในโซเชียลเอง กระแสอยากให้ทักษิณกลับมาในหมู่ชาวสามนิ้ว ก็มีอยู่ไม่น้อย
นั่นหมายความว่า สามนิ้ว ไม่ใช่มวลชน ก้าวไกล เพียงพรรคเดียว แต่เป็นมวลชน สามนิ้วผสมแดง หลังจากคนเสื้อแดงแทรกซึมเข้าไปอยู่กับมวลชนสามนิ้วพักใหญ่แล้ว
การแทรกเข้าไปของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ด้วยความเต็มใจของ บ.ก.ลายจุด ทำให้มวลชนนี้มีความเด่นชัดขึ้นว่า มวลชนสามนิ้วมิได้เดินตามเฉพาะก้าวไกลเพียงพรรคเดียวแน่นอน
แต่กำลังตามพรรคแตกแบงก์พันของทักษิณด้วย
และเสื้อแดงพันธุ์แท้อย่าง “อนุรักษ์ เจนตวนิชย์” รู้ดีว่า นี่คือเกมเพื่อเตรียมการเลือกตั้งเท่านั้น
มิได้ตั้งใจไล่ประยุทธ์แต่อย่างใด
ก้าวไกลมีจุดอ่อนที่ ทักษิณ และเพื่อไทยมองเห็น นั่นคือการชูประเด็นปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะอีกมุมหนึ่งคือการทำลายมวลชน แทนที่จะขยายฐานมวลชน
ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เพื่อไทยไม่เคยทุ่มสู้เรื่องนี้แบบที่ ก้าวไกล ทำ
“ทักษิณ” ถูกวิจารณ์ว่าสู้ไปกราบไป
การแยกมวลชนสามนิ้วจึงอาจใช้ประเด็นนี้เป็นตัวตัดสิน
ที่จะชัดเจนไปกว่านี้คือ อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องยากที่ เพื่อไทย จะร่วมรัฐบาลกับ ก้าวไกล เพราะประเด็นปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์จะกลับมาทิ่มแทงในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลทันที
เป็นเรื่องยากที่คนเป็นรัฐบาลจะหยิบยก การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ขึ้นมาพิจารณา และทำให้เป็นจริง
เพราะการทำเช่นนั้น รัฐบาลจะต้องเผชิญกับมวลชนจำนวนมหาศาล
สุดท้ายรัฐบาลอยู่ไม่ได้
และเพื่อไทยอ่านเกมนี้ออกมานานแล้ว
ขณะที่ดีลระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ธรรมนัส” จะยังไม่มีคำว่าครั้งสุดท้าย
แต่จะมีต่อเนื่องจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนั้น
นี่แหละครับการเมือง.
