ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ก๊วนปาร์ตี้หมูกระทะกลั้วเบียร์ถูกถอดจากผ้าเหลืองแล้ว!
แล้วไง?..ก็นี่ไง ศาลได้พิจารณาลงโทษฐานความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เสียค่าปรับคนละ 10,000 บาท และจำคุก 15 วัน แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 1 ปี..
ซึ่งหลังจากชำระค่าปรับแล้ว ทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวทันที!
แค่เนี้ย..เอ้า แล้วจะให้แค่ไหนล่ะ? ก็มันแค่นี้ไง พวกอัปปรีย์-จัญไรถึงได้แฝงตัวเข้าไปหากิน เสพสุขอยู่ตามวัดวา เพราะนอกจากงานไม่ต้องทำ บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ภาษีไม่ต้องจ่าย..
ยังซดเบียร์ ดื่มเหล้า เสพกาม ปี้ยาได้ตามอัทธยาศัย พอถูกจับได้คาวง-คาหม้อ ก็แค่ถูกปรับ (เล็กน้อย)-ถูกจับเปลื้องสบง-จีวร..จบ!
พวกไม่เกรงกลัวบาปกรรม มันจึงได้ยึดวัดเป็นดังวิมานด้วยประการฉะนี้แล และนี่..ดี-ไม่ดี อัปปรีย์พวกนี้ จะ “มีมากกว่าพระจริง” ไปแล้วก็ไม่รู้?
พุทธศาสนิกชนอย่างผม เห็นข่าวพรรค์อย่างนี้ทีไรก็ได้แต่ทอดถอนใจ ยิ่งเห็นโทษจำคุก 15 วัน ยังให้รอลงอาญา 1 ปี ก็ยิ่งให้รู้สึก..ต่อไปจะกราบนักบวชห่มเหลืองตามวัดวา..
คงต้องตั้งจิตภาวนา..ขอให้ได้กราบพระจริงเถิดเจ้าประคู้นนน!
แต่..ที่ภาวนาตอนนี้เลย คือขอให้คุณแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ นักร้องลูกทุ่งเจ้าของเพลงดังอดีต “หิ้วกระเป๋า” ได้หายป่วยไวๆ
เพราะอ่านจากข่าว คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ที่รีบบึ่งไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล และคุยกับคุณหมอได้เล่าว่า..
“จากการพูดคุยกับคุณหมอ หมอบอกว่าถ้าเกิดคุณอาไม่ไหวแล้วจริงๆ ยาที่กระตุ้นไปนี่มันพีคจนสุดแล้ว คุณอาเขาจะไปทางญาติจะยอมไหม
ที่เขาจะต้องปั๊มหัวใจ หรือไม่ก็ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจให้เขาขึ้นมา ซึ่งตนดูแล้วมันไม่มีประโยชน์ เพราะหมอบอกว่ากระดูกพรุน กระดูกเปราะแล้ว
ถ้าเกิดมีการปั๊มหัวใจ อายุมากกระดูกอาจจะหักได้ และอีกอย่างการกระตุ้นหัวใจขึ้นมาหัวใจก็แค่เต้น แต่ความรู้สึกไม่มี ไม่มีความรู้สึกแล้ว”
ทำให้ได้รู้ว่าอาการของนักร้องท่านนี้อยู่ในขั้นโคม่า แต่ถึงอย่างไรก็หวังปฏิหาริย์จะมีจริง!
ครับ..พูดถึงนักร้องลูกทุ่ง เท่าที่สดับฟัง เวลานี้ชีวิตความเป็นอยู่ดูเหมือนจะลำบากกันทั่วหน้า บางคนถึงขนาดมีข่าวต้องเก็บของเก่าขาย เห็นแล้วก็ให้สะเทือนใจ!
แต่..ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอดอยาก-แร้นแค้นแค่ไหน-อย่างไร จะเห็นว่าแทบไม่มีนักร้องลูกทุ่งท่านไหนออกมาโอดโอยคร่ำครวญเรียกร้องขอความช่วยเหลือทั้งจากสังคม จากรัฐบาล
พูดได้ว่า “ไม่มีดราม่า” สำหรับคนลูกทุ่ง จะมีเห็นก็แต่ความอดทน ต่อสู้ ดิ้นรนอย่างทระนง ซึ่งนี่ก็น่าจะมาจากพื้นฐานชีวิตของทุกคน ที่เคยจนมาก่อนเข้าสู่วงการ!
ถึงยามชีวิตคับขัน เข้าตาจน แต่ละคนก็ยังควบคุมสติ-อารมณ์ เก็บความรู้สึกเอาไว้ ไม่ให้ใครต้องมาสมเพช เวทนา หรือสมน้ำหน้าได้!
อย่างคุณอัมพร แหวนเพชร ที่เก็บของเก่าขาย เธอก็ยืนยัน.. “ตอนนี้ยังไม่ถึงขอรับบริจาค แล้วจริงๆ มันเป็นอาชีพที่ไม่น่าอาย เพราะว่าอันนี้สอนลูก สอนหลานได้
เพราะว่าหลานตัวเล็กๆ เขาก็รู้จักเก็บขยะเอามาให้ย่า ให้ยายขาย เหมือนเราสอนเขาไปในตัว”
เห็นไหม..มองโลกในแง่ดี จิตใจก็งดงาม!