เปลว สีเงิน
“เพื่อไทย” หรือ “เพื่อทักษิณ” เป็น “อีแร้งรอศพ” เข้าปีที่ ๘!
ทีท่า…
คงต้อง “คอยกะรอ” ต่อไปเรื่อยๆ ในอีก ๔ ปี ข้างหน้า
อภิปรายไม่ไว้วางใจ
กะว่า “เสร็จกู” แต่กลับ “เสร็จตู่” มันแสนจะปวดใจ
การเมืองเรื่องพรรคขณะนี้ จึงมีการขยับตัว
พลังประชารัฐ “กระชับพื้นที่” ครอปใหม่ รื้อไร่กล้วยเป็นไร่นาสวนผสม
เพื่อไทย “พรรคแตก-แยกพวก” อย่างน้อย ๓ สาย “หนีแห้งตาย” เป็นพรรคจาตุรนต์-ภาคกลาง, พรรคสุดารัตน์-ภาคอีสาน และพรรคยงยุทธ-ภาคเหนือ
การเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะ “เลือกผู้ว่ากทม.” ปลายปี จะเป็นนิทรรศการ “ประเมินทิศ-หยั่งทาง”
โทนี่ “ฝันสลาย” จาก “ล้มประยุทธ์” วานซืน
ฝันใหม่ ….
ฝากฝันไว้ที่แก้รัฐธรรมนูญ เลือกตั้งบัตร ๒ ใบ ทำแท้งพวก “สส.ปัดเศษ” เปิดทางพรรคใหญ่ ชี้เป็น-ชี้ตาย วาระ ๓ ศุกร์ที่ ๑๐ กันยา.นี้
แต่สงสัย “จิวยี่” กลับชาติมาเกิดเป็น “โทนี่” แน่!?
ดูท่า คงต้อง “กระอักเลือด” ซ้ำรอย
เพราะ “บัตร ๒ ใบ” ที่แก้รัฐธรรมนูญ “กู้กลับมา” รำไรสำเร็จ เพื่อไทยจะเสียงมาก เป็นฟากได้ตั้งรัฐบาลเห็นๆ
แต่ก็นั่นแหละ…..
“ถามใจสว.เขาแล้วหรือยัง” ว่าเขาจะยกมือให้ถึง ๘๔ เสียงหรือไม่?
ก็น่าจะไม่
แก้แล้วชาวบ้านไม่ได้อะไร มีแต่ระบอบทักษิณจะได้ปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้น มีโอกาสเป็นแกน “สายล้มเจ้า” ได้จัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น!
สว.ไม่ใช้อาศรมพระเจ้าตา ที่นิยมปลุกเสก “เสือสมิง” ไปกินคน ยิ่งสส.แก้กันหลุกหลิก “เพิ่มเข้า-ตัดออก” ส่อพิรุธ ตอน วาระ ๒
ทำให้สว.ได้กลิ่นสาบสาง ระวัง “ชั่งประโยชน์” มากขึ้น ในการโหวต วาระ ๓
นี่…อาจทำให้โทนี่ “ฝันสลาย” อีกก็เป็นได้
ถ้าต้องฝันสลาย บอกได้เลย ตุลา-พฤศจิกา. “สงครามล้มประยุทธ์” จะเป็นศึกใหญ่ “ครั้งสุดท้าย”
ใหญ่กว่าสงคราม ๙ ทัพ ที่โทนี่ “ทุ่มทุนจ้าง” เพื่อเจ๊งซ้ำซาก ก่อน โอ๊ก..โอ๊ก..กระอักเลือด
ไม่ต่าง “ทศกัณฐ์กำสรวญ”….
“พระอิศวรส่งกูมาเกิด ไฉนพระนารายณ์จึงต้องอวตารลงมาเกิดเป็นพระรามด้วยวะ” ประมาณนั้น!
ก็จับทิศ-จับทางมาบอก เพื่อตามดูกัน อย่าเพิ่งสำคัญมั่นหมายไปตามผมมากนัก
เพราะผมไม่ใช่ ๒ พส.แครอท วิสัชนาออกจอได้กระทั่งเรื่อง อาตมานุ่ง-ไม่นุ่ง “กางเกงใน” หรือไข่ห้อยโตงเตง สภาพพพพ!!!
มีคนถามว่าผม อภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบไปเมื่อวันเสาร์ ใครอภิปรายดีสุด?
เออ..อันนี้ ตอบยากแฮะ
แต่ถ้าถาม ใครอภิปรายสำรากหยาบสุด ถ่อยสุด ข้อมูลเท็จมากสุด กล่าวหาซึ่งหน้า “น่าละอาย” ที่สุด และอภิปรายยียวนกวนตีนมากสุด
แบบนี้ พอตอบได้ แต่อย่าดีกว่า
เอาเป็นว่า ที่ “สัปปายสภาสถาน” นัดนั้น คนที่พูดได้ดีที่สุด ชาวบ้านฟังแล้วได้ประโยชน์ที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด
ไม่ใช่สส.ในห้องประชุมสภาหรอกครับ
แต่เป็นทีมแพทย์สาธารณสุข ที่แถลง “ทางวิชาการ” เรื่องการฉีดไขว้วัคซีนกับนักข่าว “นอกห้องประชุม” สภา
“นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผมยกให้ท่านเป็น “ดาว (นอก) สภา” ครับ!
นพ.ศุภกิจ อภิปรายนอกห้องว่า….
“กรณีที่มีการอภิปรายว่า การไขว้วัคซีน คือ เข็มที่ ๑ เป็นซิโนแวค และเข็มที่ ๒ เป็นแอสตร้า เซนเนก้า งานวิจัยยังไม่ได้ตีพิมพ์ แต่กำลังส่งตีพิมพ์
ฉะนั้น การบริหารในสถานการณ์เช่นนี้ หากจะรอให้มีการตีพิมพ์งานวิจัยก่อนแล้วถึงนำมาบริหารจัดการ
ถือว่า “โง่มาก”
หากถามว่า ทำไมเราถึงยังต้องซื้อวัคซีนซิโนแวค
ก็สามารถตอบกลับได้ง่ายๆ ว่า
ผลวิจัยบอกว่า การสู้กับเดลตาในปัจจุบันนั้น การใช้ซิโนแวค ๑ เข็ม บวกแอสตร้า เซนเนก้า ๑ เข็ม ให้ผลพอๆ กับการฉีดแอสตร้าเซเนก้า ๒ เข็ม
ซึ่งหากจะรอแค่แอสตร้า เซนเนก้าอย่างเดียว ต่อให้ได้มาเดือนละ ๑๐ ล้านโดส ก็สามารถฉีดได้เพียงแค่เดือนละ ๕ ล้านคน
แต่หากฉีดแบบสูตรไขว้ จะสามารถฉีดคนได้มากกว่าเดิมสองเท่า
นี่เป็นตรรกะพื้นฐานง่ายๆ หากคิดไม่ออก ผมก็ไม่รู้ว่าจะบริหารบ้านเมืองไปได้อย่างไร จึงมีความจำเป็นที่ต้องซื้อวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่ม
ขอยืนยันว่า การฉีดไขว้มีความปลอดภัยและอย่าพูดให้ประชาชนเกิดความสับสน
ทั้งนี้ ในการตัดสินใจของกระทรวงสาธารณสุข ในยุคที่มีวิกฤต ต้องเร็ว
หากจะลีลาและต้องรอเอกสาร
อาจจะทำให้ชีวิตประชาชนเสียหายมากกว่า”
ต้องบอกว่า อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ข้อมูลเป็นวัคซีนต้านการ “ด้อยค่าซิโนแวก” จากทางซีกสส.ฝ่ายค้านได้จี๊ดดด สะใจ ท่านผู้ฟังจริงๆ
ถึงกระนั้น ยังมีคนระดับ ศ.พิเศษ นาม “ธงทอง จันทรางศุ” อดีตปลัดสำนักนายกฯ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
แสดงความ “ฉลาดมาก” ด้วยการโพสต์เฟซ ว่า
“การให้ข้าราชการประจำมาช่วยตอบคำถามแก้ต่างให้รัฐมนตรีสำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร
เป็นปรากฎการณ์ใหม่นอกขนบ
และมีประเด็นให้ขบคิดหลายอย่างเช่น ลำพังรัฐมนตรีไม่มีเครดิตมากพอที่จะทำให้คนเชื่อถือหรืออย่างไร จึงต้องให้ฝ่ายประจำมาช่วยอธิบายนอกเวทีที่เป็นทางการ
หรืออาจจะคิดไปไกลถึงขนาดว่า รัฐมนตรีคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร จึงต้องหาไพร่พลมาช่วยอธิบาย เรื่องเป็นเช่นนั้นหรือ
และยังโพสต์ต่ออีกว่า….
“ตามวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่เคยเรียนมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นเครื่องมือที่สภาผู้แทนราษฎรใช้ตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรี
คำถามจึงต้องเป็นคำถามจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คำตอบจึงต้องเป็นคำตอบจากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
และสถานที่สำหรับโต้ตอบกันคือห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเวทีที่ประชาชนจะได้รับฟังอย่างเป็นทางการ อีกทั้งการอภิปรายถามตอบนั้น
จะบันทึกไว้เป็นหลักฐานในรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติ
การตอบคำถามของรัฐมนตรีด้วยตนเอง และเป็นคำตอบที่เพียบพร้อมด้วยข้อเท็จจริง เหตุและผล ตรงประเด็น จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนคนฟัง คาดหวังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นนี้
ถ้าประเด็นใด รัฐมนตรีละเลย บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ หรือคำตอบคลุมเครือกำกวม ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่ชัดเจนหักล้างหลักฐานที่เป็นข้อกล่าวหาได้
ย่อมทำให้เข้าใจว่า คำถามหรือความสงสัยเรื่องนั้นมีมูล
ถ้าคิดจะไปใช้ปฏิบัติการข่าวสาร หรือ Information Operation ที่เรียกย่อว่า IO แก้ความสงสัยนั้นภายหลัง ก็คงช้าไปเสียแล้ว”
ต๊าซซซซซซ…..(ขอยืมหน่อยนะจิ๊งเหลือง)
ธงทองฉลาดมาก ยิ่งลักษณ์ถึงเลือกเป็นปลัดสำนักนายกฯ
ด้วยฉลาดมาตรฐานยิ่งลักษณ์นั่นแหละ ถึงได้โพสต์ ว่า
ที่ หมอศุกิจ, หมอโอภาส อธิบดีควบคุมโรค, หมอมานัส รองอธิบดีกรมแพทย์ ปลัดสาธารณสุข “หมอเกียรติภูมิ” มาให้ข้อมูลทางการแพทย์กับนักข่าว นั้น
“เป็นการให้ข้าราชการประจำมาช่วยตอบคำถามแก้ต่างให้รัฐมนตรี ….ป็นปรากฎการณ์ใหม่นอกขนบ”
ก็ขอถามท่านศ.ธงทองหน่อยนะ ว่า…
แล้วหมอเขามาตอบคำถามในห้องประชุม หรือมาให้ข้อมูลถูกต้องทางการแพทย์นอกห้องประชุมกับนักข่าวล่ะ?
มันโง่กว่าหรือฉลาดกว่าล่ะ….
ที่หมอรีบให้วัคซีน “ข้อมูลถูกต้อง” กับนักข่าว ก่อนที่นักข่าวจะนำเชื้อโง่จากผู้อภิปรายในสภา ไปแพร่ใส่ประชาชนทางข่าวสาร?
ประธานชวนบอก….
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการกล่าวหา จะด้วยเรื่องจริง เรื่องเท็จ เรื่องปั้นแต่งใส่ร้าย ทำได้ทั้งนั้น จริง-ไม่จริง ผู้ถูกอภิปรายจะมาตอบเอง
แต่กับเรื่องวัคซีน จะอภิปรายด้านการบริหาร ใส่ร้ายป้ายเท็จกันยั้งไง ก็ว่ากันไป ไม่กระทบชาวบ้านโดยตรง
แต่นี่ นำเรื่องทางการแพทย์ ว่าด้วยสูตร และงานวิจัยมาบิดเบือน หวังประหัต-ประหารกันทางการเมือง
โดยไม่คำนึงถึงผลขั้น “ความเป็น-ความตาย” ที่จะเกิดกับประชาชน มันไม่ได้ และไม่ใช่เลย
ทางการเมือง รัฐมนตรีตอบได้-ไม่ได้ในห้องประชุม นั่นเรื่องหนึ่ง
แต่กับเรื่องทางยา ทางรักษา ยิ่งกับวัคซีน ว่าด้วยงานวิจัย ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ ที่ “ทั้งโลก” อยู่ระหว่างการทดลอง-ค้นคว้าด้วยแล้ว
จะปล่อยให้ละเลงเพื่อการเมืองกัน โดยทางการแพทย์ไม่มาประกบ มาคอยให้ข้อมูลที่ถูกต้องคู่ขนานทางนอกสภา ถือว่า “โง่มาก”
อย่างที่คุณหมอศุภกิจพูดนั่นน่ะ ถูกต้องแล้ว!
ไว้รอยิ่งลักษณ์หรือทักษิณกลับมาเป็นใหญ่ซะก่อน
ตั้งธงทองเป็นประธานสภา….
แล้วค่อยมาโพสต์ “อวดฉลาด” แบบนี้ ดีกว่านะ!