ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
“เรารักกันมาตลอด..
แต่บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าคน 2 คนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้เสมอไป มันมีเรื่องทัศนคติ การใช้ชีวิต และเรื่องซับซ้อนมากมายที่ทำให้เราทั้งคู่มาถึงสุดทางของเราแล้ว..”
นี่..เป็นความในใจของฝ่ายภรรยา “นิวเคลียร์ หรรษา” ที่ได้กล่าวกับสื่อมวลชนถึงการเลิกรากับสามี “ดีเจเพชรจ้า” หลังจากครองรัก-ครองเรือนมีลูกเต้ากันมาได้ 11 ปี!
จากนี้ คนทั้งสองก็อยู่ในสถานะ “แม่หม้าย-พ่อหม้าย” ที่พ่วงท้ายด้วย “ลูกติด” อย่างเป็นอิสระ ส่วนสื่อจะคุ้ยเรื่องอะไรนำมารายงานต่อ ก็คอยตามฟัง-ตามดูไป!
ครับ.. “ให้รักพิพากษา” ยังไม่จบทั้งในจอและนอกจอ งั้นผมขอคุยต่ออีกวันล่ะกัน คืออ่านทั้งความคิดเห็นทั่วไป และความคิดอ่านของสื่อหลัก-สื่อออนไลน์แล้ว ทำให้ได้คิด..
ว่าที่ “อัยการ” 2-3ท่านออกมาพูด-โพสต์นั้น ประเด็นหลักอยู่ที่ข้อเท็จ-ความผิดพลาดในเรื่อง “ระเบียบ-วิธีปฏิบัติ” ของพนักงานอัยการที่ละครนำเสนอ
ซึ่งก็เป็นความผิดพลาดที่เป็นความจริง และหากจะคิด-มองว่านี่เป็นการท้วงติงเพื่อนำไปปรับแก้ ก็นับเป็นประโยชน์อเนกอนันต์ต่อผู้กำกับ-ผู้ผลิตละคร
แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ในทัศนะมุมมองของบางคน-บางสื่อกลับไปนำเอาสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาละคร และไม่ได้เกี่ยวกับที่อัยการ 2-3 ท่านพูด มาผูกมาโยงให้ดูเป็นว่า..
เรื่องแค่นี้กระแดะรับไม่ได้ แล้วทีคดีต่างๆ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องเป็นที่ครหาของสังคมทำไมไม่เห็นจะหน้าบางกันบ้างล่ะ?
หรือไม่ก็ตั้งคำถาม..อัยการมีแต่คนดี ไม่มีคนชั่ว-คนเลว ไม่มีโกง คอรัปชั่นกันเลยหรือไปนู่น!
ขอโทษ..ผมไม่ได้จะเข้าข้างอัยการ เพราะญาติโกโหติกาไม่มีใครทำงานในอาชีพนี้ แต่เพราะการพูดการวิพากษ์วิจารณ์ที่ผสมปนเปแบบนี้แหละสังคมถึงได้สับสนวุ่นวาย
ต้องคุยกันเป็นประเด็นๆ สิครับ..นายอดิศร ไชยคุปต์ รองอธิบดีอัยการระบุว่า..บทละครผู้เล่นบทพนักงานอัยการมีการส่อถึงการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการที่ไม่ชอบ ขัดต่อความเป็นจริง
และไม่ตรงต่อหลักการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ ที่ต้องมุ่งค้นหาความจริงให้ปรากฏในศาลเพื่อความยุติธรรม พนักงานอัยการไม่ใช่คู่แพ้ชนะกับผู้ต้องหาและจำเลย
และการเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานอัยการต้องมีการสอบเข้าโดยมีคุณสมบัติ เช่นเดียวกับการสอบเข้าเป็นผู้พิพากษา อันเป็นบทบัญญัติตามกฎหมาย..”
ประเด็นอยู่ตรงนี้ ก็ควรถกเถียงกันแค่นี้ ไม่ใช่ไปลากเอาการทุจริต การสั่งไม่ฟ้องคดีต่างๆที่ปรากฏเป็นข่าวมารุมโขก รุมสับ เพราะหากผู้กำกับฯ (กล้า) ตีแผ่เรื่องราวที่เป็นข่าวอื้อฉาวออกมาตรงๆ..
ผมว่าไม่มีอัยการท่านไหนออกมาโวยวายหรอก เพราะมันคือความจริงที่สังคมเห็น-รับรู้อยู่ แต่ถ้ามีโผล่ออกมาโวย ก็สมควรที่จะโดนสวน และต้องด่าให้ยับ!
แต่ยาก ที่จะได้เห็นหนัง-ละครแนวนี้..ไม่ใช่ผู้กำกับไม่กล้าคิด-ไม่กล้าทำ และไม่ได้เกี่ยวกับอำนาจรง-อำนาจรัฐ แต่มันติดตรงที่ “นายทุน-ผู้ผลิต”..
กูทำธุรกิจ..หวังผลกำไร (โว้ย)!