ผักกาดหอม
ตามคาด…
ปลุกให้เผา ก็มีเผา
มีอยู่สองกลุ่มที่ต้องพูดถึงครับ
“แกนนำ” กับ “มวลชน”
วันเสาร์ที่ ๗ สิงหาคม ที่ผ่านมา ม็อบ ๓ นิ้ว ชุมนุมกันแบบไร้แกนนำในพื้นที่ แต่อยู่ในโทรศัพท์มือถือแทน
สั่งการซ้ายหัน ขวาหัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH
ขณะที่แกนนำ เช่น เพนกวิน อานนท์ โตโต้ อ้างว่าร่วมม็อบไม่ได้เพราะ ตำรวจจอดรถรอแถวบ้าน ไม่สามารถเดินทางได้
“โตโต้” หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ไลฟ์สดแจ้งผู้ชุมนุมว่า
“แกนนำของพวกเราโดนจับกุมและควบคุมตัว ๗-๘ ราย ไปอยู่ที่ สน.สำราญราษฎร์ และยังได้ยึดรถอาสาสมัครอีก ๒ คัน ส่วนตนนั้นไม่สามารถออกจากที่พักได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอว่าถ้าไม่อยากโดนคดีอีกให้อยู่แต่ในที่พัก
ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากสนามหลวง หรือราชดำเนินไม่เกิน ๕ กิโลเมตร แต่ออกไปไม่ได้ เหมือนโดนกักบริเวณ หลายคนถามว่าทำไมไม่ปลอมตัวออกมา ผมก็รู้สึกว่าเราบริสุทธิ์ใจ เป็นสุจริตชน ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติดหรืออาชญากร ที่จะต้องปลอมตัวเพื่อหลีกหนีกฎหมาย
ฉะนั้นผมขออยู่ในจุดที่ช่วยเหลือพี่น้องได้มากกว่า ถ้าออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาน่าจะกลัวมาก กลัวชนิดว่าทำได้ทุกอย่าง วันนี้เราไม่ได้แพ้ แต่เราทำให้ยักษ์ตัวใหญ่ตื่นกลัวมดกระจิดริดอย่างพวกเราได้ ผมว่าพวกคุณสุดยอดแล้ว
ขอโทษที่ไม่สามารถออกไปร่วมด้วยได้ พยายามทำเต็มที่แล้ว วันนี้ เพนกวิน, รุ้ง, ไผ่ ดาวดิน ต่างคนต่างอยู่ในจุดที่จะต้องรักษาลมหายใจเพื่อสู้ต่อ”
เช่นเดียวกับ เพนกวิน
“…ในฐานะที่ตำรวจได้มาดักถึงหน้าบ้านผมแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะกลับสักที เห็นทีว่าไปยังไงก็คงไปไม่ถึงม็อบ จึงขอสื่อสารกับพี่น้องทุกท่านก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้ครับ
วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ประชาชนทั้งประเทศต้องจับตาสถานการณ์ ยอมรับว่าน่าเป็นห่วง ซึ่งคิดว่าทางเยาวชนปลดแอกและเครือข่ายซึ่งเป็นผู้จัดคงได้เตรียมการรองรับอย่างสุดความสามารถ ผมก็เคารพนับถือในการต่อสู้ของทุกคน ขอให้พี่น้องประชาชนที่จะร่วมการชุมนุมวันพรุ่งนี้ยึดมั่นในอุดมการณ์และใช้ความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
ไม่มีใครทราบได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด ประยุทธ์จะออกไปหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่ออกในวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้พี่น้องออกมาสู้ในวันถัดไป สู้จนกว่าประยุทธ์ออก ไม่ออกก็ไม่หยุดสู้ ถ้าประชาชนแน่วแน่ มั่นคง และยืนหยัดในการต่อสู้ จะกี่สิบประยุทธ์หรือจะเหนือกว่าประยุทธ์ก็ไม่อาจต้านทานประชาชนได้
เราเป็นประชาชน มีอำนาจและกำลังน้อย แต่ต้องสู้กับเผด็จการที่มีทั้งปืนและอำนาจ จะหาหมัดเด็ดหมัดเดียวชนะทันทีย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าออกหมัดน่วม ตีประยุทธ์จากทุกทิศทุกทาง ให้การต่อต้านขยายไปถึงทั่วทุกจังหวัด ให้ทุกที่ทุกเวลาเป็นสนามต่อต้านประยุทธ์ แรงกดดันของประชาชนจะสูงพอ ส่งผลให้รัฐบาลประยุทธ์ระส่ำจนถึงแก่กาลล่มสลายได้ ซึ่งประเมินจากความอ่อนแอของรัฐบาลชุดนี้ อ่อนแอชนิดที่ว่าพวกเดียวกันยังเริ่มส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ประยุทธ์อยู่ต่อได้อีกสัปดาห์ก็ถือว่าสุดๆ แล้ว
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ประเทศไทยไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป การล้มทรราชไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ถ้าประชาชนพร้อมสู้สุดตัว ไม่ท้อถอย ไม่ยอมแพ้ ก็มีแต่ชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า
การต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบทรราชอันมีประยุทธ์เป็นนายกและมีกษัตริย์เป็นประมุขนั้น วัดกันที่ว่าระหว่างความหน้าด้านของประยุทธ์กับความเด็ดเดี่ยวของประชาชน อะไรจะมีมากกว่ากัน ผมเชื่อมั่นในพลังประชาชนครับ
ด้วยรักและศรัทธาต่อประชาชน จะกี่ชาติก็ขอพลีกายเพื่อประชาชน…”
ก่อนอื่นมีคำถามกลับไปยังแกนนำ ๓ นิ้วทั้งหลาย ที่ผ่านมาเยาะเย้ยถากถางเพราะสามารถสลัดการติดตามของตำรวจได้ หลายครั้งก็ใช้ม็อบกดดันให้ตำรวจเปิดทาง
มีถึงขั้นทำลายรถตำรวจเพื่อชิงตัวแกนนำ
แต่คราวนี้กลับยอมง่ายๆ เกินไปหรือเปล่า
เก่งแต่ในโซเชียล!
แกนนำสามนิ้วไม่กล้าไปแสดงตัวในพื้นที่ชุมนุม เพราะกลัวศาลถอนประกันใช่หรือไม่
ขณะที่มีการปลุกเร้าผ่านเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH ในทำนองจะเผาพระบรมมหาราชวัง
สุดท้ายมีการเผารถตำรวจที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
มีการพ่นสีทับ ฐานอนุสาวรีย์ที่จารึกรายนามทหารที่เสียชีวิต ทั้งในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส สงครามโลกครั้งที่ ๒ และ สงครามเกาหลี
นั่นคือวีรชนของชาติ ที่ทุกคนต้องให้เกียรติและให้ความเคารพอย่างสูง
พฤติกรรมแบบนี้คือการเรียกร้องอะไร?
สันติ อหิงสาอย่างนั้นหรือ
เป็นเรื่องน่าเศร้า สำหรับอาจารย์ที่ให้ท้ายเด็กจนแยกแยะผิดถูกไม่ได้
“สมชาย ปรีชาศิลปกุล” บอกว่า…
…ต่อให้ประชาชนเป็นคนเผารถของตำรวจจริง และหากไม่มีคนตายจากเหตุนี้อย่างตั้งใจ ผมเห็นว่าก็ยังอยู่ในกรอบของสันติวิธี
สันติวิธีไม่ใช่การนั่งสวดภาวนาเพื่อให้อีกฝ่ายดวงตาเห็นธรรม ขั้นต่ำสุดที่ไม่อาจก้าวข้ามคือสิทธิในชีวิตรวมถึงสิทธิพื้นฐานของบุคคลอื่น
ยิ่งในสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กำลังและอาวุธในการสลายการชุมนุม การทำลายเครื่องมือของรัฐก็คือการตอบโต้ชนิดหนึ่ง ส่วนจะผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไปได้ สันติวิธีไม่ได้สมาทานกฎหมายเป็นสัจธรรมสูงสุดแต่อย่างใด
ว่าแต่กรณีนี้ไม่ใช่การจัดฉากจากผู้มีอำนาจหรือเปล่า ควรต้องค้นหาความจริงให้ได้อย่างชัดเจน…
ถ้าคนเป็นครูบาอาจารย์ตีความแบบนี้ ก็เผาเมืองไปเลยซิครับ
เผาไม่ต้องมีคนตาย แต่เอาให้บ้านเมืองวายวอด
ตรรกะนรกชัดๆ!
ครับ…นี่คือนิยามใหม่ สันติวิธีเผาได้ แค่อย่าให้มีคนตาย
วานนี้ (๘ สิงหาคม) “เพนกวิน” ไปมอบตัวคดีสาดสีหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค ๑ ปทุมธานี และได้พูดถึง การต่อสู้สันติอหิงสาแบบ “มหาตมะ คานธี”
เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?
บุคคลประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเรียกร้องแบบสันติอหิงสา “มหาตมะ คานธี” หรือบิดาแห่งชาติอินเดีย นำเสนอแนวคิดว่าด้วยสันติวิธี อหิงสา และสัตยาเคราะห์ เพื่อเป็นหมุดหมายให้ชาวอินเดียทั้งประเทศได้ก้าวเดินเพื่อเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ
“เอาชนะความเกลียดด้วยความรัก”
ถามเพนกวินว่า มีสักครั้งหรือไม่ที่ เอาชนะความเกลียดด้วยความรัก
เท่าที่เห็น มีแต่สร้างความเกลียดชัง
อาทิ ชูนิ้วกลางแจกอวัยวะเพศให้อาจารย์
ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง จนกลายเป็นพฤติกรรมหมู่ ไม่พอใจอะไรใครก็ชูนิ้วกลาง ใช้คำพูดหยาบคาย ที่พวกเดียวกันเองฟังแล้วพากันยกย่องว่า เพราะพริ้ง
จับทิศทางการชุมนุมของม็อบสามนิ้ว ทุกครั้งที่เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH สั่งให้ยุติการชุมนุม ก็จะเกิดความรุนแรงตามมาหลังจากนั้นแทบทุกครั้ง
เพื่อจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตามมา
แต่เมื่อวันเสาร์ หลังสั่งยุติการชุมนุม และมีเผารถตำรวจ
เพจเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH แสดงความลิงโลด โพสต์ว่า “ประชาชนโต้กลับ! เผารถตำรวจจนสิ้นซาก fuck police! fuck all cops! #รัฐฆาตกร #ม็อบ7สิงหา”
ครับ…เรากำลังเข้าสู่ยุคเผาบ้านเผาเมืองกันอีกครั้งแล้วใช่มั้ย
