หมาก “ตาจน” ฮุนเซน #เปลวสีเงิน

 เปลว สีเงิน

ในชีวิต “เฉียดร้อย” ของผม

บอกตรงๆ ให้ดิ้นตาย!

ไม่เคยเห็น “รัฐบาล-กองทัพ-ประชาชน” ผนึกเป็นทีมชาติที่ทรงศักดานุภาพน่าตื่นตา-ตื่นใจ เท่าครั้งนี้ มาก่อนเลย

แล้วแบบนี้ “เขมรฮุนเซน” จะยืนอยู่ได้ถึง ๑๐ วันเร้อ!?

ดูรูปการณ์แล้ว โอกาสที่เขมรจะกลายเป็น “เมืองแม่หม้าย” มีสูงมาก

เพราะผู้ชายถูก “ฮุนเซนส่งไปตาย” เรียบ!

ก็บอกแล้ว ไทยนั้น…รักสงบ

ใครก็อย่าทำให้ไทยหมดความอดทน-อดกลั้นและโกรธขึ้นมาเป็นอันขาด

ถ้าทหารไทยโกรธละก็ ขนาดช้างบนเขาใหญ่เดินสวน ยังต้องหลบเข้าป่าข้างทาง แล้วนี่ สำมะหาอะไรกับแค่ “ทหารเขมร”

เมื่อทำให้ทหารไทยโกรธ….

มันมีราคาที่เขมรต้องจ่ายชนิด “ต้องจำไปจนถึงวันลูก-หลานบวชหน้าไฟ” เลยเชียวแหละ

อย่าหวังจะไปเรียกประเทศโน้น-นี้มาช่วยหย่าศึกเหมือนครั้งที่แล้วเชียว

ไทยน่ะ…ไม่เล็ก-ไม่ใหญ่หรอก แต่ “พอตัว” ที่จะไม่ยอมให้ใครมาชี้นิ้วสั่งได้ง่ายๆ

ได้ยิน “ประธานาธิบดีทรัมป์” คุยอวดบารมี

พรุ่งนี้ ผมจะต้องโทรศัพท์ไป จะมีใครอีก ที่จะพูดได้ว่า “ผมจะโทรศัพท์ไปหยุดสงครามระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอย่างไทยและกัมพูชาได้”

ก็ลองโทรมาซี จะได้ยินกะหูตัวเองว่า “นายกฯอนุทิน” จะตอบว่าไง?

คนที่เข้าใจปัญหานี้ คือ จีน

“โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน” แถลงว่า…..

“นี่คือ เรื่องที่ไทยและเขมรต้อง “ยับยั้งชั่งใจ” และไปเคลียร์กันเอง ๒ ต่อ ๒  ด้วย “กลไกทวิภาคี” อย่างมีวุฒิภาวะ”!

แปลตรงตัว ก็ประมาณว่า ปล่อยให้ไทยและเขมรเขา “ปิดแอร์วัดใจ” กันเอง ๒ ต่อ ๒ ตามกลไกทวิภาคี

“คนอื่นอย่าไปเสือก”!

ส่วนคำว่า “ต้องยับยั้งชั่งใจ” และ “มีวุฒิภาวะ” นั้น เป็นเพียงสร้อยภาษา ที่ “ผู้ใหญ่” ให้สติแบบวางตัวเป็นกลาง

ท่าน “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เรื่องนี้ ท่านส่งภาษาการทูต “เคลียร์คัท-ชัดแจ๋ว” ว่า….

“ไทยยังไม่พร้อมให้ประเทศที่สาม ช่วยประสานเจรจากับกัมพูชาขณะนี้ เจรจาก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะกัมพูชาไม่ยึดมั่นแถลงการณ์ร่วม”

ได้ยินแบบนี้แล้ว พี่ทรัมป์ของผมยังจะกล้าโทรมาชี้นิ้วสั่งหรือไม่ อดใจซักครู่ เดี๋ยวก็รู้!

แต่การเอาเรื่องการค้ามาเป็นเงื่อนไข “บีบบังคับ” อย่างที่ทำ ผมว่า มันทั้งน่ารังเกียจ ทั้งทำให้ความเป็นผู้นำโลก ด้อยศักดิ์ศรี!

ดูหน้ากระดานศึกตอนนี้ ผมว่า…..

เหมือนธนูที่เหนี่ยวน้าวคันศรสุดกำลังแขนแล้ว ฉะนั้น มันยาก…ที่จะไม่ปล่อยลูกธนูพุ่งสู่เป้าหมาย

ฉะนั้น ตราบใดที่ภารกิจยังไม่เสร็จตามที่นายกฯ และกองทัพลั่นวาจาไว้กับประชาชน

“ต้องเอาแผ่นดินไทยกลับคืนมาให้หมด”

“กองทัพบก จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”

ตราบนั้น “ทัพบก-ทัพเรือ-ทัพอากาศ-ตำรวจ-ทหารพราน” จะไม่หยุดกลางคันแน่นอน!

ถ้าหยุด เท่ากับรัฐบาลและกองทัพ “เยี่ยวรดหัวใจ” คนไทยทั้งประเทศ”!

ตลอด ๓-๔ วันนี้ แนวรบด้านอีสานใต้ จรดแนวรบด้านตะวันออก ทวีความเข้มข้นมากขึ้น

ทหารเขมร ลำเลียงสรรพาวุธบรรดามี ประเคนใส่ทั้งทหารไทย ทั้งชาวบ้าน และทั้งโรงพยาบาลฝั่งไทย เต็มพิกัด

เมื่อวาน เราต้องสูญเสียทหารไปอีกราย นับเป็นรายที่ ๖ ขณะเดียวกัน ทหารไทยก็ตีรุกเขมรตลอดแนวเช่นกัน ยึดพื้นที่กลับคืนมาได้หลายแห่ง

เช่น “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว -บ้านตาพระยา” เป็นการยึดคืนเบ็ดเสร็จ ๑๐๐%

ทางด้านตราด พื้นที่บ้าน ๓ หลัง “ทัพเรือ” ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่ม “ทมอดาซิตี้” หรือ “ทมอดากาสิโน” พังเละ!

ทางด้านอีสานใต้ โรมรันพันตูกันหนัก ทั้งด้านศรีสะเกษ ด้านอุบล ด้านสุรินทร์ ด้านบุรีรัมย์ ทหารไทยทำลายจุดยุทธศาสตร์ของเขมรบนปราสาทพระวิหาร

บุกยึดด่านบึงตะกวน ปราสาทคนา โดยเฉพาะ “ยุทธการชิงปราสาทตาควาย” เรียกว่าทหารไทยห้าวและแกร่งเกินร้อย เพราะอยู่ในชัยภูมิที่เสียปรียบทหารเขมรทุกประตู

แต่บุกทะลวง ตีตะลุย ทำลายกระเช้าเนิน ๓๕๐ ได้สำเร็จ

การยึดเนิน ๓๕๐ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารได้สำเร็จ เท่ากับยึด “ปราสาทตาควาย” ได้สำเร็จ!

นับเป็นการ “บ่งหนามใจ” กองทัพภาค ที่ ๒ ที่ปักคามาตั้งแต่ ๒๘ กรกฏา ๖๘ ที่จำต้องหยุดรบขณะได้เปรียบ

เพราะ “นายภูมิธรรม ณ ทักษิณ” ไปตกลงกับฝ่ายเขมรที่มาเลย์ “หยุดยิง ๒๔.๐๐ น.”!

เห็นไฟลุกโชนฉานท่วมปราสาทตาควาย ก็คงย่างสดควายเขมรที่ยึดตัวปราสาทเป็นบังเกอร์หลายศพเอาการ

เห็น “กองบัญชาการกองทัพไทย” เขารายงานบ่ายวานว่า

“ตรวจพบรถดาวเทียมและรถองค์ประกอบของระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ขนาด 300 mm. ที่มีระยะยิงสูงสุด 130 กิโลเมตร ของกองทัพกัมพูชา เดินทางเข้าพื้นที่ในจังหวัดกัมปงธมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

PHL-03 นี้ เป็นจรวดพิสัยไกล เขมรซื้อจากจีน ยิงได้หลายๆ ลูกพร้อมกัน ระยะไกลถึง ๑๓๐ กิโลเมตร

ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสาน ๙ จังหวัด “นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ”

และภาคตะวันออก ๗ จังหวัด “สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ชลบุรี และระยอง”

เนี่ย….ถ้าเขมรหน้ามืด งัดเอา PHL-03 มายิงใส่ฝั่งไทยละก็ ผมไม่บอกหรอกหรอกว่า เป็นโชคร้ายของไทย

แต่ผมจะบอกว่า…
นี่เป็นจุดอวสาน พินาศเป็นจุล ของประเทศเขมร เพราะถ้าเขมรยิงจรวดพิสัยไกลใส่ไทยละก็

เขมรนั่นแหละ จะราบเป็นหน้ากลอง จาก “พนมเปญ” ไปเลยทีเดียว!

PHL-03 นั่นน่ะ ไทยมี “เครื่องจักรสังหาร” ไว้รับมือพร้อมแล้ว ว่าแต่ฮุนเซนเหอะ เตรียมตั้งบาตรพระไว้หน้าบ้านตอนเช้าได้เลย

ไทยจะขี่กริพเพ่น เอาไข่ไปหย่อนซัก ๒-๓ ฟอง ให้ฮุนเซนกับฮุน รานี อิ่มชนิดจุกๆ ไปเลย!?

สรุป โดยภาพรวมแล้ว ทหารเขมรขวัญกระเจิง มีแต่ถอยร่นและหนีทัพ ตรงข้ามกับทหารไทย ฮึกเหิมตีตะลุย บุกยึดดินแดนไทยกลับคืนได้เกือบทุกจุด

ไม่เพียงยึดดินแดนกลับคืน ยังทำลายฐานทหารและคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของเขมรพังพินาศหลายต่อหลายแห่ง

ประเมินว่า อีกไม่นาน คงเกิดจลาจลในกรุงพนมเปญ ด้วยความไม่พอใจ ๒ พ่อลูกฮุนเซน

เพราะรบก็แพ้ ทหารที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ล้มตายมากต่อมาก เศรษฐกิจก็ล้มละลาย สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ธนาคารก็ล้ม คนก็ไม่มีงานทำ

จะเกิดอาการ “ย้อนศร” ไทยปิดด่าน เหมือนเขมรถูกปิดปากถ้ำ ชาวบ้านออกไปหากินไม่ได้ สุดท้าย ประชาชนก็ต้องแว้งกัดเจ้านาย คือฮุนเซน!

ฝ่ายฮุนเซนก็กำลัง “หน้ามืด” พ่ายแพ้ในค่ายกลนายกฯ อนุทิน ตามตำราพิชัยสงครามบอกว่า ก่อนทำศึก ต้องตระเตรียมเสบียงกรังให้พร้อม อย่าให้ไพร่พลอดอยาก

แต่นายกฯอนุทิน วางแผน เผาทำลาย ตัดเสบียงกรัง ของฮุนเซนล่วงหน้า

ทางหนึ่งกวาดจับ “แก๊งสแกมเมอร์” ตรวจยึด-อายัดทรัพย์นับหมื่นล้าน ซึ่งล้วนคนเครือข่ายฮุนเซนทั้งสิ้น

ไม่ว่า “นายยิม เลียก, นาย เบน สมิธ, นายก๊ก อาน และนายเฉิน จื้อ”

อีกทางหนึ่ง ส่งท่าน “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.ต่างประเทศ ไปเป็นโจทก์แจ้งโทษเขมรฮุนเซน ละเมิดอนุสัญาออตตาวา ที่ห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

ทุกอย่างเดินตามแผนยุทธการ เมื่อเขมรเข้ามาในค่ายกลของไทย คือ “เปิดก่อน” ไทยจึงฉวยจังหวะนั้น ปฎิบัติการ “ให้มันจบที่รุ่นเรา” รวดเร็ว-รุนแรง-ร้อนเร่า!

ฮุนเซน เสบียงกรังถูกตัด สมุนทำเงินถูกหมายจับ หนีกระเจิง เงินถูกอายัด ส่งผลน้ำเลี้ยงทหาร “บาร์-บี- คิว” แห้งไปด้วย

กองทัพเดินด้วยท้อง เมื่อท้องแห้ง ใครจะมีกะจิต-กะใจรบ แถมที่เคยเล่นบท “ลูกอีช่างฟ้อง” เคยได้ผล

คราวนี้ผิดคาด ท่านสีหศักดิ์ เอาความจริงไปแฉตัดหน้าก่อนจนแจ้มแจ้ง-แดงแจ๋

เขมรเลยเป็น “หมาหัวเน่า” ในเวทีโลกไปเลย!

เขมรตอนนี้อยู่ในภาวะ “ถูกกระหนาบ” ทั้งเวทีโลก ทั้งเวทีทวิภาคี เรื่องของ ๒ ประเทศ คนอื่นไม่เกี่ยว…ไม่ต้องเข้ามาเสือก!

ปล่อยให้เดี่ยวกัน “ตัว-ต่อตัว” ให้มันรู้ดำ-รู้แดง กันไปเลย

ที่ซ่า…จะได้หายซ่า กลายเป็นบ้าสิ้นเรื่อง-สิ้นราวไปซะเลย

สรุปความ ใกล้สิ้นสุด “สามเหลี่ยมอุบาทว์” ของขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์เครือข่ายตระกูลฮุนแล้ว

ยิม เลียก, เบน สมิธ, ก๊ก อาน, เฉิน จื้อ …นี่ เหลี่ยมหนึ่ง

ฮุนเซน เป็นอีกเหลี่ยมหนึ่ง

ทักษิณ ประกอบด้วยดาวฤกษ์และดาวเคราะห์รอบๆ ตัว ที่เห็นๆ หน้ากันอยู่ เป็นอีกเหลี่ยมหนึ่ง

เมื่อนำเข้าสมการ ก็จะได้ออกมาว่า…….

ฮุนเซน+ทักษิณ+ยิม เลียก, เบน สมิธ, ก๊ก อาน, เฉิน จื้อ เท่ากับ “๓ เหลี่ยมด้านเท่า”!

แต่เวลานี้ “๓ เหลี่ยมด้านเท่า” ตกอยู่ในค่ายกลของนายกฯ อนุทิน และกองทัพ ใกล้จะเป็น ๓ เหลี่ยมขี้เถ้า อยู่รอมมะร่อ

ยิ่งดิ้น ยิ่งถูกเวทีโลกและเวทีไทยรัดแน่น

“บีบก็ตาย-คลายก็รอด” ประมาณนั้น

นี่…เห็นมั้ย ความถึงพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ของไทย เมื่อวาน (๑๐ ธ.ค.๖๘) “นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์” เอกอัครราชทูต และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ

ทำหนังสือถึง “เลขา UN” เขมรละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทยอย่างร้ายแรง

“ไทยจึงมีความจำเป็นต้องใช้ “สิทธิโดยชอบธรรม” ในการป้องกันตนเอง “ตามข้อ ๕๑” ของกฎบัตรสหประชาชาชาติ”

เพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไทย

โดยดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน”

ฉะนั้น…เชื่อเถอะ

ที่นายกฯ อนุทินบอก “You know me a little go” นั่นน่ะ!

เปลว สีเงิน

๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
ปัญหาที่ “นายกฯ” ต้องคิด – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “วัฎฎจักรสัญญา”…….. ของ “นายกฯประยุทธ์” หมุนมาบรรจบวงรอบที่น่าสนใจ ด้าน “วัดใจ” ในปี ๒๕๖๖ นี้แล้ว คงไม่ลืมกัน
Read More
0 replies on “หมาก “ตาจน” ฮุนเซน #เปลวสีเงิน”