บุรีรัมย์เข็ม ๓ ก้นขวด – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็อาจเป็นจริงดังว่า

            รัฐบาลจะพังเพราะเนื้อในเป็นสนิม

ขณะที่คนทำงาน พยายามชี้แจงเรื่องการจัดสรรวัคซีน เพราะ “การเมือง” เอาไปหาประโยชน์โจมตีสามเวลาหลังอาหาร

            แต่มีคนของรัฐอีกพวก ทำลายความเชื่อมั่นนี้ไปหมดสิ้น

            คงเพราะเคยชินกับระบบเส้นสาย โอ้อวดบารมี จนหน้ามืดไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา

            กรณี “วัคซีนก้นขวด” เข็ม ๓ ที่บุรีรัมย์ คือหนึ่งในพฤติกรรมทำลายความน่าเชื่อถือการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาล

            ถ้า…ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่

            ยากครับที่จะชี้แจงเรื่องการจัดสรรวัคซีนที่เป็นธรรมดา

            นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ  อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กดังนี้

———-

            รัฐบาลจะพังกับ “วัคซีนก้นขวด” นี่แหละ

            ๑.อ.ธงทอง จันทรางศุ เป็นคนแรกที่ออกมาเปิดประเด็นว่า ทำไมตำรวจบุรีรัมย์ได้ฉีดวัคซีนเข็ม ๓ แล้ว ทั้งที่เข็ม 3 ควรฉีดกระตุ้นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งประเทศก่อน

            ๒.ผู้บังคับการตำรวจบุรีรัมย์ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ชี้แจงว่า

            ๑.ตำรวจเหล่านี้เป็นแนวหน้า ไปรับผู้ป่วยจาก กทม. กลับมารักษาตัวที่บุรีรัมย์

            และ ๒.วัคซีนที่ฉีดเป็นวัคซีนก้นขวดที่เหลือ ไม่ได้ไปเบียดบังใคร เพราะปกติวัคซีนที่ฉีดจะมีเหลือก้นขวดอยู่ประมาณ ๑-๒ เข็ม จึงนำมาฉีดให้ตำรวจ

            ๓.แต่หากไปดูภาพข่าวที่ พ.ต.อ.สุเอก ฉินธนทรัพย์ ผกก.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ขณะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ปรากฏว่า พ.ต.อ.สุเอก บอกว่า ท่านเป็นคนประสานขอฉีดวัคซีนให้ตำรวจเอง (ไม่ได้บอกว่าท่านขอฉีดวัคซีนก้นขวด) มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดำเนินการฉีดให้ก็แสดงว่า ไม่ใช่ “วัคซีนก้นขวด” เหมือนที่ผู้การบุรีรัมย์กล่าวแต่อย่างใด

            ๔.หากเป็นเช่นนั้น รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข ต้องชี้แจงแล้วล่ะครับว่า ตำรวจจังหวัดอื่นได้ฉีด “วัคซีนก้นขวด” เข็มที่ ๓ กันบ้างแล้วหรือยัง หากยัง แสดงว่ามีการเลือกปฏิบัติจริงๆ ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย การเลือกปฏิบัติและความอยุติธรรม จะทำลายระบอบนี้ให้พังยับเยิน ผมว่า หากท่านนายกรัฐมนตรีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือ ตอบคำถามเรื่อง “วัคซีนก้นขวดที่บุรีรัมย์” หากท่านตอบไม่ได้ ผมไม่อยากจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมว่าเรื่องนี้น่ากลัวครับ สุดท้ายผมเกรงว่า รัฐบาลจะพังกับ “วัคซีนก้นขวด” นี่แหละ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก

            #วัคซีนก้นขวด

———–

            มาถึงคำถามที่รัฐบาลต้องตอบ และแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

            ทำไมต้องมีเรื่องมือใครยาวสาวได้สาวเอาที่บุรีรัมย์อยู่เรื่อย

            ยิ่งตรรกะ พรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงสาธารณสุขด้วยแล้ว ระเบิดเถิดเถิงครับ

            Pfizer จากการบริจาคของอเมริกา กำลังจะเข้ามา ๑.๕ ล้านโดส ถูกจับตามองเรื่องความเป็นธรรมในการจัดสรร คนมีหน้าที่ชี้แจงพูดไปตอนนี้แทบเป็นศูนย์ เพราะวัคซีนก้นขวดที่บุรีรัมย์นี่แหละครับ

            คำว่า บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า มันชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่ต้องไปตีความอะไรกันอีก แต่เพราะ “การเมือง” ในพรรคร่วมรัฐบาล ที่หิวกระหายคะแนนเสียง มันทำลายความตรงไปตรงมาจนหมดสิ้น

            จากนี้ใครจะเชื่อครับว่า Pfizer ที่ได้มา ๑.๕ ล้านโดส จะถูกจัดสรรอย่างเป็นธรรมจริง

            ศบค.ปรับแผนการกระจายวัคซีน Pfizer ๑.๕ ล้านโดส

            ๕ แสนโดส จะกระจายไปยังบุคลากรด่านหน้าทั่วประเทศ

            ๘ แสนโดส ให้กลุ่มผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์สัญชาติไทย

            ๑.๕ แสนโดส ให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง

            ๔.๕ หมื่นโดส ให้ผู้ที่มีความจำเป็นเดินทางไปต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต

            ๒.๕ พันโดส ทำการวิจัย

            และ ๔ หมื่นโดส สำรองไว้ส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด

            แล้วจะมีใครเชื่อว่า เป็นไปตามนั้นจริง

            ในเมื่อมันเกิดปัญหาเรื่องวัคซีนที่บุรีรัมย์ซ้ำซาก

            มีอะไรรับประกันหรือไม่ว่า Pfizer ๑.๕ ล้านโดส ไม่ลงในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นพิเศษ

            เล่นการเมืองแบบนี้ มันหมดยุคแล้วครับ

            ถ้าคิดจะเล่นต่อ รัฐบาลพัง แน่นอน

            ไม่ใช่เพราะตอบคำถามไม่ได้

            แต่เพราะนายกฯ จัดการเรื่องซ้ำซากนี้ไม่ได้

            อย่าลืมซิครับ ขณะนี้ฉีดวัคซีนกันไปเพียง ๑๖ ล้านโดส

            ประชาชนเพิ่งฉีดเข็มแรกกันไป ๑๒.๕ ล้านคน

            ตามเป้าต้องฉีด ๕๐ ล้านคน

            ฉะนั้นมีประชาชนอีก ๓๗.๕ ล้านคน ยังไม่ได้ฉีดสักเข็ม

            แต่ตำรวจบุรีรัมย์ไปเข็ม ๓ แล้ว

            ลำพังตำรวจบุรีรัมย์หาวัคซีนมาฉีดกันเองได้อย่างนั้นหรือ

            นี่คือความเลวระยำของการเมือง

            ครับ…ชักหวั่นใจ จะมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นกับ Pfizer ๑.๕ ล้านโดส หรือไม่

            ถ้าเกิด…รัฐบาลพังแน่นอน!

            หมดความน่าเชื่อถือ

            ความศรัทธาดำดิ่งเป็นศูนย์

            ยากที่ประชาชนจะไว้วางใจอีก

            ระวังกันหน่อยนะครับ พายุใหญ่ยังมาไม่ถึง ฉะนั้นหากไม่ประคับประคองกันให้ดี เอาเท้าราน้ำ

            เรือล่มกลางมหาสมุทรเอาง่ายๆ

            อุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มจะได้รับผลกระทบ

            โรงงานผลิตชิ้นส่วนหยุดการผลิต เพราะพนักงานติดโควิด

            โรงงานประกอบรถยนต์เดินหน้าไม่ได้ เพราะขาดชิ้นส่วน

            การขนส่งไม่สะดวกเพราะติดเคอร์ฟิว

            อีกสักพักจะกระทบการส่งออก

            นี่เป็นแค่ ๑ ตัวอย่างในร้อยๆ กรณีที่กำลังเกิด

            และสิ่งที่เรากำลังเจออย่างหนักหนาสาหัสกันอยู่ในตอนนี้คือ โควิดบุกโรงงาน

            ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

            การสู้กับโควิดมันหนักพอแล้ว หากยังต้องมาสู่กับการเมืองด้านได้อายอด มันอาจจะล้มทั้งกระดานได้

            เห็น “ลุงตู่” ใส่นาฬิกา ๒ เรือนเข้าประชุม ครม.แล้วน่าเห็นใจ

            นายกฯ ต้องใส่นาฬิกาวัดชีพจร วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดค่าออกซิเจนในเลือด

            ขณะที่นักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลสร้างแต่เรื่อง

            น่าอเนจอนาถจริงๆ.

Written By
More from pp
“องอาจ” ไม่หวั่นโพล กทม. ประชาธิปัตย์ ยังตามหลัง มุ่งมั่นทำงานหนักปักธงชัยให้ได้
27 มีนาคม 2566 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม. กล่าวถึงผลสำรวจความนิยมของประชาชนใน กทม.
Read More
0 replies on “บุรีรัมย์เข็ม ๓ ก้นขวด – ผักกาดหอม”