เปลว สีเงิน
อังกฤษ…..
ประกาศอิสรภาพจากโควิดเมื่อวาน (๑๙ กค.๖๔)
ใครติด-ติดไป,ใครตาย-ตายไป
ส่วนคนที่ยังไม่ติด-ไม่ตาย “บอริส จอห์นสัน” บอกตามสบาย ลั้นลาประชาธิปไตย ขณะที่ลอนดอนเนอร์ ยังติดตรึม วันละกว่า ๓ หมื่น!
ก็ว่ากันไป…..
จะบอกใครผิด-ใครถูกคงยังไม่ได้ จนกว่าถึงป้ายสุดท้าย ว่าที่พาประชาชนไปถึง คือดวงดาวหรือหลุมฝัง?
ฝากรัฐมนตรีท่องเที่ยวหน่อยละกัน ถ้ามีนักท่องเที่ยวจากอังกฤษเข้ามา “ภูเก็ต” ควรตรวจเข้มเป็นพิเศษ
ช่วยรักษา “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” อย่าให้กล่องแตกได้เป็นอันขาด ยิ่งมีสื่อจ้องหาช่องทำลายอยู่ด้วย
มีรูนิดเดียว พ่อขยายเป็นมหาประลัยลงเลย!
นี่ จากวันนี้ ๒๐ กค.๖๔ นับไป ๑๔ วัน เป็นเบื้องต้น
๑๓ จังหวัด ต่อไปนี้…….
กทม., นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา
และชายแดนภาคใต้ ๔ จังหวัด….
นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา
เข้าสู่มาตรการสถานการณฉุกเฉิน เนื่องจากโควิดสายพันธุ์เดลตามันฤทธิ์แรง จึงกำหนดให้เป็นพื้นที่ “ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด”
คงทราบกันแล้วว่า มาตรการมีอะไรบ้าง หลักๆ คือ
ห้ามออกจากบ้านระหว่างเวลา ๓ ทุ่ม ถึงตี ๔
ข้อสำคัญ ที่คนกทม.และปริมณฑลต้องทราบ คือ “ห้ามชุมนุม”!
เดือนกรกฏา.ก็เป็นเดือนหนึ่งธรรมดาสำหรับคนไทยทั่วไป แต่ไทยสามมิตรหรือไทยสามนิ้ว เขาให้ความสำคัญว่า ๑๔ กรกฏา.เป็นวันปฏิวัติฝรั่งเศสของ “แซงฌุสต์” เค้า
วานซืน ขบวนการไทยสามมิตรเลยสานต่อแซงฌุสต์ ปลุกปั่นชนิดไม่สนคำสั่งห้ามชุมนุมในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะว่าออกมาชุมนุมก็ไม่เชิง….
เพราะที่เห็น-ที่เป็น เจตนาออกมาก่อการร้ายกลางเมืองมากกว่า ทั้งกระทำไม่บังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทั้งเผา-ทุบ-ทำลาย สาธารณสถาน
มั่วสุม ตั้งวงดื่มสุรายาเมา
พล่านระรานไปทั่ว เน้นเจตนา “โค่นล้มสถาบัน” ปั่นกระแส-ปลุกเร้า ทั้งภาพจาบจ้วงและข้อความหยามหมิ่น กระทั่งกิโยติน ประโคมโหมทางสื่อสารออนไลน์ไปทั่ว
ประกาศตัวแก๊ง “ไทยสามมิตร” ปฏิบัติการล้มเจ้า อยู่เหนือพรก.ฉุกเฉิน ที่ใคร-อำนาจไหน ก็หยุดพวกเขาไม่ได้
เพราะอย่างนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ….
ทำไมตัวเลขคนติดโควิดและคนตาย จึงมีแต่เพิ่มทุกวัน ไม่มีลด!
และจากการ “โหมปฏิบัติการ” แก๊งไทยสามมิตร-สามสัสในเดือนกรกฏา ที่มุ่งเป้าทำลายพระบรมรูปในสถานที่ต่างๆ ให้เป็นข่าวแพร่สู่งสังคมโลก
ถ้าจับสังเกตพฤติกรรมตัวบุคคล อย่างน้อย ๒ คน คนหนึ่งไป อีกคนกำลังจะตามไป ที่เคลื่อนไหว
รวมถึงการโพสต์ข้อความปลุกระดม-ปลุกเร้าที่สอดรับกับเหตุการณ์ที่เกิด
ผมประเมิน จากนี้ โดยเฉพาะเดือนสิงหา. “หลัง ๑๘ สิงหา” มีความน่าจะเป็น “ขบวนการล้มเจ้า” จะปฏิบัติการรุนแรง!
จากเหตุเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ กค.เห็นว่าตำรวจตามจับแก๊งไทยสามมิตรที่ก่อการเผาเมืองและทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ได้ร่วม ๒๐ คน เป็นเยาวชนหลายคน
ตามขั้นตอนปกติ……
สอบสวนแล้วตำรวจก็คงให้รับทราบข้อหา อนุญาตให้ประกันตัวไป หรือไม่ก็นำไปฝากขังต่อศาลระหว่างสอบสวน และศาลก็ให้ประกันตัวไป
การชุมนุมภายใต้พรก.สถานการฉุกเฉินที่ “ห้ามชุมนุมมั่วสุม” เมื่อประกันตัวออกไป ก็ไม่ติดใจ
แต่เชื่อได้อย่างไร ว่าที่ออกมาชุมนุมกันนั้น จะไม่มีใครเป็นโควิด และไม่เป็นตัวการนำเชื้อระบาดเป็นวงกว้างออกไป?
ฉะนั้น ผมเห็นว่า พวกที่ออกมาชุมนุมและที่จับกุมไว้
จะประกันหรือไม่ประกันก็แล้วแต่……
ต้องนำตัวไปตรวจและ “กักดูอาการ” ก่อนคนละ ๑๔ วัน แล้วค่อยว่าไปตามกระบวนการปกติ
จากนี้ไป ออกมามั่วสุมชุมนุมอีก…
จับได้ ก็ต้องนำไปตรวจและกักดูอาการก่อน ๑๔ วันทุกคน
เอากักที่ไหนน่ะหรือ?
ก็ที่คฤหาสน์พักรับรองลาดยาว บางขวาง หรือโรงเรียนพลตำรวจ ถ้าไม่โอ่โถงสมเกียรติ ก็นำไปกักตามบ้านพักค่ายทหาร ที่ “ค่ายธนะรัชต์” นั่นก็สมเกียรติ “แก๊งล้มเจ้า” ยิ่งนัก!
“ผบ.ตร.ปัจจุบัน” ชื่ออะไรล่ะ …..
ขอโทษครับ เดี๋ยว..ขอค้นแป๊บ เพราะท่านเป็น ผบ.ตร.ประเภท “ปิดทองใต้ฐานพระ” จึงไม่ค่อยเห็น
อ้อ.. “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข”
ท่านได้ชื่อว่ามือหนึ่งด้านสืบสวน-สอบสวนของสถาบันตำรวจแห่งชาติ
จึงอยากให้ลองเค้นสอบผู้ต้องหาแต่ละราย เอาให้ได้-ต้อนให้จนมุมซักทีเถอะว่า
ใครคือ “จอมบงการ” ขบวนการไทยสามมิตร ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการป่วนเมือง “โค่นล้มสถาบัน” ทุกวันนี้?
ความจริง เขารู้กันทั้งโลก…….
มีแต่รัฐบาลไทย หน่วยข่าวกรอง หน่วยมั่นคง ตำรวจไทยเท่านั้น ที่ไม่รู้
ไม่รู้ หรือไม่ทำ จึงแกล้งทำเป็น” จับมือใครดมไม่ได้” อยู่ร่ำไป แต่ก็น่าเห็นใจ ไอ้ตัวการมันคงมีคนคอยล้างก้นให้ มือมันเลยไม่มีกลิ่นให้ดม เหมือนคดีอาชญากรกิ๊กก๊อกทั่วไป
อย่า “ตัดตอนจบ”…..
แค่มั่วสุมชุมนุม ผิดพรบ.รักษาความสะอาด ฝ่าฝืนคำสั่ง ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่แค่นั้นเลย
“ขยายผล” อย่างที่ตำรวจชอบพูดน่ะครับ นำมาขยายไปเด็ดหัวไอ้ตัวสั่งการ ไว้ลายตำรวจไทย “เพื่อสถาบันชาติไทย” ดูซักทีเถอะ
เรื่องมาตรการโควิด ถ้าจ้องแต่ชาวบ้าน จ๋อยกับพวกโจร ปล่อยให้ชุมนุม ป่วยวันละ ๓-๔ หมื่น ตายวันละพัน-ครึ่งพัน ไม่ใช่ตัวเลขน่าตกใจ
เนี่ย…จากที่มันออกมา ๒-๓ วันติด อีกซัก ๗ วัน ตัวเลขพุ่งพรวด มาตรการเข้ม ๑๔ วัน พอเข้าสิงหา.อาจต้องข้นไปอีกเป็นเดือน ไม่เชื่อคอยดู
ก็ไม่อยากให้ “ทั้งประเทศ” ต้องจับเจ่าเหมือนยอมจำนนกับโควิด โดยไม่คิดแผนสู้มันบ้าง
“ภูเก็ต แซนด์บอกซ์” นั่นโมเดล “สมเด็จพระเจ้าตาก” แหกทัพพม่าล้อมกรุงออกไป แล้วย้อนกลับมาตีได้เมืองคืน
ผมดูสี “หมวดหมู่จังหวัด” แล้ว
มีสีเหลือง หมายถึงโควิดประปราย “แค่เฝ้าระวัง” ๑๘ จังหวัด
เชียงราย, เชียงใหม่, นครพนม, น่าน, บึงกาฬ, พะเยา, พังงา, แพร่, ภูเก็ต, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ยโสธร, ลำปาง ลำพูน, สกลนคร, หนองคาย, อำนาจเจริญ และอุตรดิตถ์
เราแหกค่าย ได้ “ภูเก็ต” ทางใต้กลับคืนมา ๑ จังหวัดแล้ว ท่านนายกฯ ครับ
ลองเล็งไป “ทางเหนือ” ทำ “เชียงใหม่ แซนด์บอกซ์” อีกซักจังหวัดเป็นไง “เชียงใหม่+เชียงราย+ลำพูน” ค่อยๆ ผนวก
เปิดให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว-พักผ่อน ด้วยมาตรการเข้มเดียวกับภูเก็ต
เนี่ย…สิงหา-กันยา-ตุลา.ตั้งเข้มไว้เลย ปรึกษากับพี่น้อง ๓ จังหวัดนั้น “เอามั้ย”?
ถ้าเอาก็ “ร่วมมือ-ร่วมใจ” ทุกฝ่ายเป็นเจ้าบ้าน เริ่มปัดกวาด ปัดรังควาญโควิดให้พ้นไป ตั้งทีมสแกนพื้นที่ “รายหัว-รายหมู่บ้าน” ไปเลย
ทำให้จริงจัง ได้มาตรฐาน ทำให้เอิกเกริก-เกรียวกราวเป็นข่าวโลกไปเลย เตรียมบ้าน-เตรียมเมืองดูซักเดือน
ถ้าชัวร์ว่าคุมกันได้…..
ประกาศ “ขายตั๋ว-ขายทัวร์-ขายทริป” นักท่องเที่ยวต่างชาติบินเข้ามา “ภูเก็ต-เชียงใหม่” ได้เลย ปลายปี พอดีลอยกระทง!
ถึงไม่สำเร็จ ก็ไม่เสีย อย่างน้อย ก็ได้ตื่นตัวเช็คความพร้อมจังหวัดของเราเอง บกพร่องตรงไหน จะได้แก้ไข ดีกว่ากอดเข่าเจ่าจุกไปวันๆ
อย่าไปคิดว่า โควิดยังอยู่ เปิดไม่ได้ ถ้าคิดอย่างนั้้น ชาตินี้ทั้งชาติ ๗๗ จังหวัดประเทศไทย
“ปิดตาย” ตลอดกาล เพราะ “อันตรายหมด”!
ตั้งคิดบวกในมุมสู้…….
แล้วชิงพื้นที่ประเทศกลับจากโควิดมันบ้าง ภูเก็ตแล้วมาเชียงใหม่
ต่อไปค่อยที่อีสาน “มุกดาหาร” มีสนามบิน…พอลุ้น!