เปลว สีเงิน
“โรค” มันจะไม่หายไหน….
มันไม่ใช่เพิ่งมาอยู่กับเรา ความจริงนั้น “เราอยู่กับมัน-มันอยู่กับเรา” มาตลอด
“โรคคู่คน-คนคู่โรค” มันเป็นความจริงที่ไม่มีใครอยากยอมรับ ใครจะรับ-ไม่รับ ก็ช่าง แต่รู้ไว้เหอะ นี่คือ “ความจริง”
โควิด ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน เมื่อฆ่ามันไม่ได้ สิ่งที่มนุษย์ต้องคิดใหม่คือ “ต้อนรับเหมือนแขกที่มาเยือน”
คบหากันเป็นมิตรสหายและอยู่กับมันไปเหมือนญาติสนิท!
ใน คศ.๑๖๕ “ฝีดาษ” หรือ “ไข้ทรพิษ” ระบาดอาณาจักรโรมัน ถึงย่านมหาสมุทรอินเดีย ตายไปกว่า ๕ ล้านคน
ถึงวันนี้ มันก็ยังไม่ไปไหน อยู่ในวงสายสิญจน์ชีวิตเรานี่แหละ
“กาฬโรค” ระบาดจากเอเชียกลางถึงยุโรป ระหว่างคศ.๑๓๔๖-๑๓๕๓ ตายทับถมเป็นภูเขากว่า ๒๐๐ ล้านศพ ซากศพแพร่เชื้อยืดเยื้อยาวนานเป็นสิบปี ก่อนที่มนุษย์กับโรคจะอยู่ร่วมแบบ “ทำใจ”
อีกร้อยกว่าปีต่อมา ราวๆ คศ.๑๔๙๒ “สเปน” นักล่าเมืองขึ้น ก็นำ ฝีดาด, หัด, กาฬโรค จากยุโรปแพร่ไปแถบหมู่เกาะทางใต้เม็กซิโก
ถึงขั้นตายยกเกาะก็มี ล่มสลายหายไปทั้งอาณาจักรก็มี
และอีกร้อยกว่าปีต่อมา ………..
หนูก็นำโรคระบาดเหล่านั้น เป็นญาติไปเยี่ยมเกาะอังอังกฤษตามย่านสกปรก-ซกมากๆ อีก
ผู้ดีอังกฤษ ตายไปราว ๒๐% ของประชากร เมื่อปี คศ.๑๖๖๕!
อีกร้อยกว่าปีต่อมา ราวๆ คศ.๑๘๑๗ ญาติก็เปลี่ยนหน้า “อหิวาตกโรค” มาเยี่ยมมนุษย์
จากรัสเซีย ทหารอังกฤษพกติดตูดไปอินเดีย สเปน, แอฟริกา, อินโดนีเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, อเมริกา, เยอรมนี, อิตาลี
ตายกันเป็นล้าน …..
ไทยเราก็เถอะ ก็ “ห่าลง” ปีระกา ตายสุมวัดสระเกศ ๓-๔ หมื่นศพ ตอนปลายรัชกาลที่ ๒ ต่อรัชกาลที่ ๓ ก็รับอานิสงส์จากระบาดใหญ่ทั้งโลกครั้งนี้แหละ
ทุกวันนี้ ใครว่าอหิวาต์หมดไปจากโลกบ้าง?
“กาฬโรค” นี่ ตัวตนมันคือ “หนู” กับสถานที่สกปรก นอกจาก ๒ ครั้งย่านยุโรปแล้ว ยังไประบาดที่จีน อินเดีย ฮ่องกง เมื่อปี คศ.๑๗๕๕ ตายไปกว่า ๑๕ ล้านคน
มาถึงโรคระบาดที่ยังอยู่รอบตัวเราทุกวันนี้บ้าง
“ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย” ระบาดตอน ค.ศ.๑๘๘๙ ตายไป ๓ แสนกว่าคน ไข้หวัดใหญ่สเปน “มาจากสัตว์ปีก” ตายไปอีก ๕๐ กว่าล้าน เมื่อ ค.ศ.๑๙๑๗
และ “ไข้หวัดใหญ่เอเชีย” หรือ “ไข้หวัดนก” สายพันธุ์ชเดียวกับสเปน ราวๆ คศ.๑๙๗๕ หรือ พศ.๒๑๕๑๘ ตายไปอีก ๔ ล้านคน
ไข้เลือดออก “ไวรัสอีโบลา” นี่ตายน้อย ไวรัส HIV หรือ โรคเอดส์ ตายแล้ว ๒๕ ล้านคน และยังต่อเนื่อง
โรคซาร์ส ตระกูลเดียวกับไวรัส “โคโรนาไวรัส” เพิ่งระบาดเมื่อปี พศ.๒๕๔๖ นี่เอง
เหล่านี้ ใช่ว่าจะหายไปไหน หรือกำราบปราบมันได้แล้ว เปล่าเลย…มันยังอยู่กับเราทุกคนพร้อมหน้าทุกเชื้อ-ทุกโรค พร้อมโจมตีเราทุกเวลา เพียงรอจังหวะเท่านั้น
ก็เล่าสู่กันฟังเป็นอนุสติ….
โควิด-๑๙ ก็เหมือนกัน อย่าไปหวัง มันจะหมดไป-หายไปจากเรา-จากโลก
ไม่หรอก แค่สงบระงับได้ เมื่อมีวัคซีนฉีดสร้างภูมิต้านทานถ้วนทั่ว “ทุกๆ ปี” เรื่อยไปเท่านั้น
เรื่องลุงยง “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” ค้นคว้า-ทดลองใช้วัคซีน “สูตรต้มยำ” อย่างที่คุยกันไป ปรากฏว่าดังไปทั่วโลก
หลายประเทศคอนเฟิร์มและทำตาม มีคนนำมาโพสต์ไว้ ผมจะลอกมาให้อ่าน
…………………..
ThaiLanDer????????สัมมาสติ
@Gooder_est
อะไรเนี่ย #คุณหมอยง ดังไปทั่วโลกแล้ว
สื่อชั้นนำทั่วโลก ลงข่าวพร้อมกันพรึ๊บบบ ว่าไทยแลนด์ ???????? วิจัยและสลับ Sinovac,AztraZeneca ประเทศแรกในโลก
ฟิลิปปินส์ กำลังเร่งวิจัยไปในทางเดียวกัน
https://twitter.com/gooder_est/status/1415301815592132608…
เยอรมนี ยืนยันหนักแน่นว่า การฉีดสลับยี่ห้อให้ผลที่ดี
โดยเข็มแรก AstraZeneca เป็น viral vector
เข็ม 2 Pfizer/Modena เป็น mRNA ให้ผลดีมากในทุกวัย
ที่ทั่วโลกสนใจของไทย เพราะเป็นการวิจัยวัคซีนเชื้อตาย + viral vector และอาจจะมีเชื้อตาย + mRNA ต่อไป
edition.cnn.com
Germany has issued what appears to be the strongest recommendation any for the mixing of the Covid-19 vaccines on officacy grounds.
………………………….
อังกฤษ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ กระตุ้นการสร้างภูมิตุ้มกันได้ผลดี
การผสมวัคซีนจะช่วยให้การกระจายวัคซีนทั่วโลกทำได้ง่ายขึ้น ลดความตึงเครียดจากการรอวัคซีนยี่ห้อเดียว ยกนิ้วให้
bbc.com
Mixing Covid jabs has good immune response,study finds any combination of Pfizer or AstraZeneca for first and second doses works,a study suggests.
…………………………..
สเปน วิจัยพบว่าการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ปลอดภัย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี
เป็นการทดลอง AstraZeneca + Pfizer (Viral vector + mRNA)
aa.com.tr
Spanish study finds mixing Pfizer,AstraZeneca jabs effective Preliminary results from clinical trial suggest no drawback to mixing vaccine- Anadolu Agency
……………………..
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apple Chai
โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “แชร์ประสบการณ์” การฉีด Astrazeneca เข็มที่ ๓ หลังฉีด Sinovac แล้ว ๒ เข็ม ดังนี้
“สวัสดี เราคือแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ผู้ทำงานใส่ท่อช่วยหายใจ และรับผู้ป่วยโรคโควิดนอนรอเตียงที่ห้องฉุกเฉิน
เราได้รับวัคซีน sinovac 2 เข็มเมื่อ 16 เม.ย. และ 7 พ.ค. 64 และทำงานในรพ.ที่มีพยาบาลเสียชีวิตจากการติดโควิด 19 หลังฉีดวัคซีน sinovac 2 เข็มมาแล้ว ……
จากข้อมูลการวิจัยที่พบว่า หลังจากฉีด sinovac ภูมิคุ้มกันจะตกลง 50% หลังฉีดไป 40 วัน และไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้
ทาง รพ.จึงอนุมัติให้ฉีด astrazeneca เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน จึงได้ไปฉีดมาเมื่อ 12 กค 64 ที่ผ่านมา อยากขอมาแชร์ประสบการณ์ หลังฉีดเข็ม 3 ด้วย astrazeneca ดังนี้
-ฉีดวัคซีน astrazeneca เวลา 16.30 น ของวันที่ 12 ก.ค. 64
-หลังฉีด ปวดแขนบริเวณที่ฉีดนิดหน่อย และเริ่มง่วงๆ แบบคนกินยาลดน้ำมูก
-อาบน้ำเข้านอน กินยา paracetamol กับ dimenhydrinate ก่อนนอนเตรียมไว้
-ประมาณเที่ยงคืน ตื่นมากลางดึกด้วยอาการหนาวสั่น ดีที่เคยตรวจคนไข้ผลข้างเคียง astrazeneca ไว้เยอะมาก และน้องสาวเคยฉีดมาแล้วเลยบอกอาการคร่าวๆ ไว้ เลยไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ เตรียมใจมาแล้ว
ขนาดเตรียมใจ เจอเข้าจริงก็ยังหนาวมาก ขนาดใส่เสื้อกันหนาว ห่มผ้าไว้ ก็ยังสั่น หนาวแบบเหมือนอยู่ขั้วโลก
นอนขด เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ไม่ช่วยอะไร ห่มไปก็สั่นอยู่ดี ประหนึ่งนอนกลางหิมะ (แต่ยังไม่เคยไปประเทศมีหิมะ) คำพูดน้องสาวลอยมา
“หนาวเหมือนอยู่เกาหลี นี่เราอยู่โซลหรอ” 55555 แล้วก็อดทนนอนหลับไปต่อ
-ตื่นมาตอนเช้า ทุกอาการ คือมาหมด คลื่นไส้ ปวดตัว ปวดหลัง ปวดชายโครง กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย เพลียแรง ไม่มีแรงลุกจากเตียง
ดีที่ซื้อโจ๊กเซเว่นแช่ในตู้เย็นไว้ เอามาเวฟกินประทังชีวิต
-ตอนสายๆอาการดีขึ้น เพราะกินพาราดักไว้ทุก 4 ชม คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว
-ตอนบ่ายโมง อาการหนาวสั่นมันกลับมาอีก หนาวสั่นสะท้าน ประหนึ่งอยู่ขั้วโลก สั่นจากข้างใน กลับมานอนห่มผ้าเช่นเดิม
-ก่อนนอนคืนต่อมายังคงหนาว ปวดหัวและปวดตัว มีถ่ายเหลว 2 ครั้ง แล้วอดทนนอนหลับ นอนฟังธรรมหลวงตาสุริยา เรื่องเวทนาไม่ใช่ของเรา ไม่มีเราในเวทนา ( https://youtu.be/MbazAHloZRs )
ทำจิตมองเวทนาไปตามที่หลวงตาเทศน์ คือ ร้อน หนาว ปวดตามตัว แล้วหลับไป กลางคืนมีเหงื่อออกพลั่กๆ
-รุ่งเช้า อาการทุกอย่างหายเป็นปลิดทิ้ง ประหนึ่งไม่เคยป่วยอะไรมาก่อน กลับมาทำงานได้ตามปกติ
รู้ซึ้งถึงคำว่าเวทนาไม่เที่ยง เกิด-ดับ ตามกฎไตรลักษณ์แบบที่หลวงตาเทศน์ไว้
เข้าใจผู้ป่วยเลยว่า อาการมันหนักจริง ทรมานมากๆ เลยต้องมาหาหมอกัน แต่จริงๆ มันทนได้นะ ถ้าเทียบกับต้องติดโควิดตาย
ดังนั้น ฉีดๆ ไปเถอะ ใช้มันทดสอบจิตใจ เพราะเวลาจะตาย เวทนาคงเยอะกว่านี้มากๆ ใช้ทดสอบอารมณ์วิปัสสนาที่เราฝึกไว้ได้ดี
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาสุริยา ที่ท่านเทศน์เรื่องเวทนาพอดี กราบขอบพระคุณหลวงแม่ แม่ชีรัชดา ที่ได้ให้กำลังใจและคำแนะนำเสมอมา
รวมถึงโอกาสในการได้ไปฝึกวิปัสสนา ณ รัชตะธรรมสถาน ขอบคุณน้องสาว ปู ที่ช่วยแนะนำอาการที่จะเกิด
ขอให้ทุกๆคนโชคดี ปลอดภัยจากโควิดและผลข้างเคียงจากวัคซีนทุกคน ฯลฯ
…………………….
ครับ ขอโทษ ยาวมากไป แต่ขอฝากสุดท้ายคำ
โรคมันจะไม่หายไปไหน
เราทุกคน “รัฐบาล แพทย์ ประชาชน” รักษาไปตามเหตุปัจจัยได้
ปรับวิถีชีวิตอยู่กับมัน ไม่ใช่ปราบมัน
นี้คือ “ชัยชนะ” ในอยู่ร่วม.