เปลว สีเงิน
ยกนี้ “โควิด” ทำแต้มเหนือ
เป็นนาทีทองของ “แดง-ส้ม” และนางงาม-ดาราโล๊ะเข่ง
ใครไม่ออกมาโพสต์ด่านายกฯ
ถือว่าไม่อินเทรนด์!
เครือข่ายสามนิ้วชังชาติ ก้าวหน้า ก้าวไกล แคร์ เพื่อไทย เหมือนเชื้อรา ได้องศาความอุ่นในง่ามตูดนายกฯ
เริงร่า คิกคักกันใหญ่
นาทีทองของพวกเรามาถึงแล้ว “ล้มประยุทธ์ก้าวแรก-โค่นสถาบันก้าวต่อไป” อย่าได้รอช้า
ได้เวลา “รวมกันตี” เอาให้ตายในยกนี้ให้จงได้ สายพันธุ์เดลตา มันเป็นใจพวกเราแล้ว
ชาวบ้าน “ป่วยหนัก-ตายหนัก”
พวกเราต้องกระหึ่มเฮทสปีดติดแฮชแท็ก “นายกฯ ตัวซวยป่วยตายทั้งเมือง” บีบหัวใจ ไม่ลาออก ก็ให้เครียดลงหำตายไปเองเลย!
สื่อ ตอนนี้ทำหน้าที่ “สื่อสารผสมโรง” ได้ดีเยี่ยม อัดทุกเม็ด-เช็ดทุกดอก ดีรัฐบาลทำ มองไม่เห็น พลาดเท่าตัวเล็น โอ้โห..ผิดนี้ โตเท่าช้าง
แล้วหยิบขยี้ขยำ ตำเช้า-ตำเย็น ดรามานิยายข่าวเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา โน่นตายคาบ้าน นี่นอนรอเตียง
รัฐบาลไร้น้ำยา วัคซีนก็หาไม่ได้ จับโควิดมาติดแป้งเปียกประจานก็ไม่ได้
อย่างนี้ นายกฯ ต้องออกไป ขืนอยู่ คนตายยกเมือง!
นั่น มันปากกันถึงขนาดนั้น
ดิจิทัลช่องเอกชน ก็พอเข้าใจ “ฮิดเด้น อาเจนดา” มันเป็นภาษาเศรษฐทรัพย์ปริวรรตน์และการเมือง
แต่ช่องรัฐ “กินเงินหลวง” บางช่องนี่ซี
ไม่เข้าใจ…..
เป็นนโยบาย “ให้เป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มคนฆ่ารัฐทางข่าวสาร” หรือให้ทำหน้าที่แซะรายวันและปั่นข่าวสร้างตระหนกให้ชาวบ้านจิตตก ว้าวุ่น สติแตก กลัวตาย
ก็ยังงงๆ กับ “นโยบายรัฐ” เขาอยู่
เลี้ยง NGO ให้มีแรงฆ่ารัฐ ยังไม่พอ ยังเลี้ยงสื่อโทรทัศน์ให้ผมโรงอีกแรง แถมยังมีหอกข้างแคร่ หลุมฝาก อยู่ในฟากรัฐบาลบ้าง ในกลุ่มข้าราชการทหาร-ตำรวจและพลเรือนบ้าง
นายกฯ รู้-ไม่รู้ เป็นเรื่องนายกฯ
แต่ที่ผมรู้ “พุทธภาษิต” บทหนึ่ง มีว่า “ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา”
“อ่อนไป…ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป…ก็มีภัยเวร”
รัฐบาล โดยศบค.ออกมาตรการเข้มสกัดเดลตาระบาด ๑๔ วัน ใน ๑๐ จังหวัดสีแดง หนึ่งในหลายข้อ ไม่ให้นั่งกินในร้าน
ก็มีแฮชแท็ก “กูจะนั่งกินมึงจะทำไม” แล้วไปจับกลุ่มนั่งกินกันตามสถานที่สาธารณะ ถ่ายลงเฟซโชว์
ไม่ให้อยู่รวมกันเกิน ๕ คน กูนัดชุมนุมทุกเสาร์ แห่แหน ถอดหน้ากากแฮ่..แฮ่ ใส่กัน จ้างพวกนางถันล้นเรียกคนมาดูป้ายด่านายกฯ
สอบทุจริตหมู่ข้าราชการ ทั้งการเมืองและประจำ มีทั้งตำรวจ ทั้งอัยการ กี่เรื่อง มีซักเรื่องมั้ย ว่าใครผิด-ใครถูก?
ปปช.ก็เหมือนกัน….
อีกหน่อยคงขยายสาขาเป็นโรงงาน “หมักปลาร้าไห-ผักกาดดองกระป๋อง” ดองเค็ม-ดองนาน “ปปช.รับประกัน” ๑๐ ปีขึ้น!
นี่…อ่อนไป ลูบหน้าปะจมูก ก็ถูกเขาหมิ่นและนำไปสู่ความเสื่อม
ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่หมาตัวเมีย แต่เป็นคนอดีตนายกฯ แล้วปล่อยให้ลอดช่องธรรมชาติออกไปได้ไง ถ้าไม่ใช่ตำรวจขับรถนำทางพาออกไป
การสืบสวนทวนความ จนป่านนี้ เป็นคดีทิพย์ไปแล้ว หาคนตอบไม่ได้ ว่าออกไปยังไง และใครต้องรับผิดชอบ?
นี่ก็ทำให้เสื่อม!
กระทั่งขบวนการชังชาติ-ล้มสถาบัน ยืนจ้วงจาบหยาบช้าสถาบันกลางบ้าน-กลางเมือง ต่อหน้าตำรวจ ต่อหน้าศาล
กระบวนการกฎหมายทำอะไรให้สังคมชาติ-สังคมโลกได้เห็น “ความศักดิ์สิทธิ์” ของกฎหมาย ว่าเรื่องเช่นนี้ต้องซีเรียสและเฉียบขาดบ้าง?
เรื่องควรทำ “ต้องทำ”
เพราะสถาบันคือเสาหลักชาติ ไม่เฉพาะวันนี้ หากแต่มันมีผลทางยาว-ทางยั่งยืนของชาติและบ้านเมือง
บางเรื่องหย่อนได้ แกล้งโง่ได้
แต่กับเรื่องของชาติ-ของสถาบัน “หย่อนไม่ได้” หย่อนวันไหน เกิดช่องว่างให้ “แมลงวางไข่” จะเกิดเชื้อชอนไช
ไม่ตายวันนี้………
แต่จะค่อยๆ อ่อนแอ ง่ายต่อการโค่นล้ม เพราะในสังคมรุ่นต่อไป มนุษย์จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม “ถูกสร้างขึ้น” ในร่างมนุษย์ “ประหนึ่งมนุษย์วัตถุ”
มีชีวิต แต่ไม่มีจิตใจ เรื่องศีล เรื่องธรรม เรื่องชาติ เรื่องศาสนา เรื่องสถาบัน เรื่องวัฒนธรรม ประเพณี ไม่มี
ร้ายสุด สำนึกผูกพันในความเป็นลูกพ่อ-เป็นแม่ ก็ไม่มี!
เพราะสิ่งมีชีวิต “พันธุ์วิศวกรรม” ดัดแปลงทางเทคโนโลยีชีวภาพ ไม่มีสติทางระลึกรู้ ไม่มีสัมปชัญญะ ทางแยกดี-แยกชั่ว
มีเพียง “สัญชาติญาน”
หิว-กิน, ง่วง-นอน, กระสัน-สมสู่, โกรธ-ฆ่า ด่าทอ อาละวาด, ดีใจ-หัวเราะ, เสียใจ-ร้องไห้ และฯลฯ
ใครนึกภาพไม่ออก ดูจาก “สัตว์เดรัจฉาน” จะเข้าใจ!
เราจะป้องกันลูกหลานไทยเราที่กำลังเดินทางไปสู่ยุคนั้น ในอีก ๕๐ ปีข้างหน้า ช่วงสุกดิบศตวรรษที่ ๒๑ ได้ก็คือ
ต้องป้อนโปรแกรมเป็นวัคซีนสร้างภูมิต้านทานให้ซึมเข้าในจิตใต้สำนึก เรื่อง “ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์” ให้มั่นคง-ต่อเนื่อง
ไม่เช่นนั้น “สถาบันชาติไทย” ไม่พังด้วยโควิดหรอก แต่จะพังเพราะรุ่นใหม่พันธุ์วิศวกรรมนี่แหละ ซึ่งมันจะไม่เอาอะไรทั้งนั้น
เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ อะไรนั่น มันไม่ได้แปลว่าประชาธิปไตย หากแต่มันแแปลว่า “กูจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบพวกกู”
กิน ขี้ ปี้ นอน หอน ตามสัญชาตญานซอมบี้ และตายไปไม่ต่างหมาขี้เรื้อนตัวนึง
นั่นแหละ “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ในมิติ ที่เขาล้างสมองกันตอนนี้!
ฉะนั้น ความเข้มแข็งทางกฎหมาย และการทำให้เห็นผลของการกระทำต่อสถาบันชาติที่ไม่ล่าช้า จะเป็นสิ่งหนึ่งช่วยผดุงรักษาความเป็น “ชาติไทย” ให้แข็งแกร่ง
ทุกวันนี้ เกิดคำถามขึ้นว่า
“ความยุติธรรมที่ล่าช้า ต่างกับความยุติธรรม” หมดอายุ “ตรงไหน?”
หลายคดี มีผลทางทัศนคติต่อชาติ-สถาบันมาก แต่อีก ๑๐ ปี กว่า “ผิด-ถูก” จะมีผลออกมา ต้องยอมรับว่า มันนานเกิน จนไร้ผลทางใช้กระตุกต่อมสติสังคมให้ตระหนัก
หลายคดีด้วยซ้ำ….
กว่าจะตัดสินได้ ตายไปแล้วก็มี ไปก่อกรรมทำเข็ญซ้ำแล้ว-ซ้ำอีกก็มี
จนเกิดมุมสะท้อนทางสังคม “คนดีอยู่ยากและทุกข์เข็ญ- เป็นคนชั่วอยู่เย็นและสุขสบาย” เผลอๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาเพียบ!
จะว่าไป สังคมกลุ่มประเทศ CLMVT นี่
“ประชาธิปไตยจ๋า” แบบสังคมตะวันตก มันเข้ากันไม่ได้นำมาใช้ ก็เดินไปแบบ “กะโผลก-กะเผลก”!
เพราะ ไทย พม่า เขมร ลาว เวียดนาม รากฐานวิถีคิด-ชีวิต-สังคม-ปฏิบัติ ทั้งสังคมและปกครองอยู่ในฐานคำสอนพุทธศาสนา
พุทธะ ยึด “จิตใจ” เป็นประธานในทุกสิ่ง
“เหตุและผล” คือหลักคิด-หลักปฏิบัติ
ส่วนประชาธิปไตยลอกตะวันตกมาใช้ ของเขาไม่ผิด เพราะเขาออกแบบจำลองวิถีคิด-ชีวิต-สังคมคนตะวันตก
เขา “สังคมทุน” ยึดวัตถุเป็นประธาน
ผลประโยชน์ต่างตอบแทน คือหลักคิด-หลักปฏิบัติ
ประชาธิปไตยของเขา ก็สอดคล้องกับวิถีพวกเขา แต่นำมาใช้ทั้งดุ้นกับ CLMVT ซึ่งศาสนา ลัทธิ วัฒนธรรม ประเพณี หล่อหลอมวิถีคิดไปคนละแบบ มันก็ยากใช้ให้เกิดประโยชน์
ทางที่ดี ต้องปรุงใหม่เป็น “ประชาธิปไตยประยุกต์”
ขงจื๊อ บอกว่า….
“สิ่งที่ตัวเราไม่ชอบ จงอย่าทำกับคนอื่น”
นี้คือ หัวใจประชาธิปไตยล้านเปอร์เซนต์ วลีเดียวครอบคลุมจักรวาลประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย มันก็แค่ว่า “เราไม่ชอบให้ใครมาเหยียบตีนเรา เราก็อย่าไปเหยียบตีนเขา”
แม้คำสอนพุทธศาสนา ก็มีภาษิตว่า “ครุ โหติ สคารโว” ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง
ตรงแสกหน้าประชาธิปไตยเปรี้ยง ไม่ต้องเขียนเป็นร้อยๆ มาตราหรอก
แล้วทุกวันนี้ บ้านเรามันเป็นประชาธิปไตยตรงไหน ด่านายกฯ ด่าสถาบัน อ้างสิทธิเสรีภาพ
พอมีคนด่ากลับ ตัวเองไปฟ้องศาลว่าถูกหมิ่นประมาท พอตำรวจจับดำเนินคดี หาว่าใช้อำนาจรังแกประชาชน
ฉะนั้น บ้านไทย, เมืองไทย, คนไทย ต้อง “ประชาธิปไตยไทย”
ดีแล้วผีเข้า ถ้าไม่เอามันซะบ้าง มันก็จะเอาเรา
ถ้านายกฯ อยาก “ถูกเอา” ฝ่ายเดียว…ก็เชิญ!