สภาพจิต “ยิ่งลักษณ์” -ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

น่าเห็นใจครับ

                สถานการณ์ “ลุงตู่” ตอนนี้คือ ถูก “รุมยำ”

คนยำก็เหลือเกิน

                เห็น “ลุงตู่” แขนพับ ขาสั่น เพราะรับหมัดจากทุกทิศ

                ดูป้อแป้ เลือดกำเดากระฉูด

                ไหนต้องกักตัวอีก

                เรียกว่ามาครบสูตร

                ไอ้คนที่ควรจะอยู่เฉยๆ เพราะสันหลังหวะ แมลงวันตอมหึ่ง หนอนชอนไชดูน่าสะอิดสะเอียด ดันโผล่มาร่วมมหกรรมยำ “ลุงตู่” กับเขาด้วย

                ครับ….หล่อนคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   

                วานนี้โผล่มาทางทวิตเตอร์

                “…จากสถานการณ์บ้านเมืองของเราในช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามากดดัน ทั้งปัญหาปากท้อง การระบาดของโควิด-๑๙ ปัญหาวัคซีนที่ยังไม่ครอบคลุม รวมไปถึงสถานการณ์ระเบิด และเพลิงไหม้ ส่งผลให้ดิฉันเป็นห่วงความรู้สึกและสภาพจิตใจของคนไทย

            อีกทั้งการบริหารงานของรัฐบาลที่ผิดพลาดสับสน ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจค่ะ ในปีที่แล้วอัตราการฆ่าตัวตายต่อประชากร ๑ แสนคน สูงถึง ๗.๓๗ คน ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อกว่า ๒๐ ปีที่แล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้

            อยากเรียกร้องให้รัฐบาลที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน หันมาให้ความสนใจกับปัญหาสุขภาพจิตคนไทยให้มากขึ้น รัฐบาลต้องวางตัวจากการเป็นผู้มีอำนาจแล้วลองไปนั่งในหัวใจประชาชน เพื่อจะได้สัมผัสถึงความเดือดร้อนของพวกเขาว่าหนักหนาสาหัสเพียงไหน

            รัฐบาลต้องมีนโยบายเชิงรุกเช่น เก็บ และสร้างฐานข้อมูลสุขภาพจิตของคนไทยเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงานที่ตกงาน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ต้องปิดกิจการ ซึ่งล้วนมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป

            การมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน จะทำให้การติดตาม ดูแล เยียวยาทำได้ตรงจุด ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจค่ะ

            ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ ให้มีพลังลุกขึ้นมาเผชิญกับทุกปัญหาอย่างมีความหวัง และขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลจิตใจคนรอบข้าง มอบรอยยิ้มและกำลังใจให้แก่กันและกัน อย่าเพิ่งท้อนะคะ….”

                หล่อนมีสิทธิ์สอนคนอื่นเหรอ?

                “ยิ่งลักษณ์” เป็นนายกฯ ช่วงสถานการณ์โลกปกติ

                แต่…ได้รับฉายาว่า นายกฯ โง่

                ปี ๒๕๕๔ น้ำท่วมใหญ่ภาคกลาง “ยิ่งลักษณ์” บอก “เอาอยู่”

                สุดท้ายจมอย่างน้อย ๓ เดือน

                แน่นอนสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภัยธรรมชาติ

                ฝนตกหนัก

                แต่ปัจจัยหลักคือ การเมืองแทรกแซงการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนภูมิพล แทนที่จะทยอยปล่อยเสียแต่เนิ่นๆ กลับปล่อยเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะกลัวน้ำล้นเขื่อน

                เท่าที่มีการรวบรวมความเสียหายอย่างเป็นทางการ

                น้ำท่วมระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔ – ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕

                รวม ๑๗๕ วัน ที่นานเพราะน้ำจากเขื่อนภูมิพลท่วมขังภาคกลางข้ามปี

                ภาพรวมเกิดความเสียหาย ๗๗ จังหวัด ๘๗ อำเภอ ๖,๖๗๐ ตำบล

                ประชาชนเสียชีวิต ๘๑๕ คน

                ธนาคารโลกประเมินว่าทรัพย์สินเสียหายรวม ๑.๔๔ ล้านล้านบาท

                ถ้าการเมืองดี ความเสียหาย หรือจำนวนคนตายน่ะน้อยกว่ากันมาก

                มาถึง “จำนำข้าว”

                ตลอดระยะเวลากว่า ๒ ปี ของโครงการรับจำนำข้าว หรือ ๕ ฤดูกาลผลิต รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เงินซื้อข้าวเปลือกเฉียด ๙ แสนล้านบาท

                มากเป็นประวัติการณ์!

                มีชาวนาคนไหนลืมตาอ้าปากได้บ้าง ยกมือขึ้น

                โครงการรับจำนำข้าวที่ออกแบบมาเอื้อต่อการโกง ทำให้มีการโกงมากที่สุด

                โกงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ยันปลายน้ำ

                ตั้งแต่ลงทะเบียนชาวนา  เจ้าของโรงสี เซอร์เวย์ ข้าราชการ นักการเมือง

                ถึงได้ติดคุกกันระนาว

                ทำลายตลาดส่งออกข้าวย่อยยับ หายไปครึ่งหนึ่ง แต่ที่เพิ่มคือชาวนาฆ่าตัวตายมากเป็นประวัติการณ์

                ๑๖ รายอาจดูน้อย แต่ไม่มียุคไหนที่ชาวนาฆ่าตัวตายมากเท่านี้่อีกแล้ว

                ที่น่าเจ็บใจคือ นโยบายจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ ทำให้ข้าวเสียหายมากถึง ๓ ล้านตัน ข้าวเน่าและเสื่อมสภาพมากที่สุด นอกจากโกงเป็นขบวนการแล้ว ยังปกปิดการโกงเป็นขบวนการอีกต่างหาก

                ขนาด “คนใน” ยังสัมผัสได้ถึงการโกงมโหฬารในครั้งนั้น

                จำได้มั้ยครับ เดือนสิงหาคมปี ๒๕๖๐ “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” อดีตทำงานกับยิ่งลักษณ์ในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความถึง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ในวันที่เพื่อนติดคุกแทนนายว่าไง

                “…คนส่วนใหญ่วันนี้คงโพสต์ถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ผมขอโพสต์ถึง “เพื่อน” ผม “บุญทรง เตริยาภิรมย์”

            ผมรู้จัก “บุญทรง” ตั้งแต่เราเข้ามาร่วมอุดมการณ์ตั้งพรรคไทยรักไทย ปี ๒๕๔๒-๒๕๔๓ อายุเท่าๆ กัน “ฮุก” เกิด ๒๕๐๓ ส่วนผม ๒๕๐๔ คุยกันถูกคอ

            ชะตาชีวิตพลิกผัน ปี ๒๕๔๔ ผมเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ “เพื่อน” เป็น ส.ส.เขต เราคุยกันเสมอ ผมก้าวกระโดดจาก ส.ส. และโฆษกพรรคปี ๒๕๔๔-๒๕๔๘ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี ๒๕๔๘ แต่ก็ติดต่อกันคุยและประสานงานกับ “เพื่อน” จนรัฐประหาร ปี ๒๕๔๙

            จากนั้นก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไป

            ได้ข่าว “เพื่อน” อีกทีเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกฯ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ใจห่วงว่าเพื่อนจะปลอดภัยหรือไม่ ยกหูโทร.คุยกันครั้งหนึ่งเท่าที่จำได้ เพื่อนบอก “ไม่ต้องห่วง” ส่วนผมนั้นโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ๕ ปี ด้วยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้แต่ช่วยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

            เวียนมาเจอและร่วมงานอีกครั้ง เมื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้ามาเป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” หลังพ้นการตัดสิทธิ์ ปี ๒๕๕๕ “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปเยี่ยมห้องครัวเพื่อนไฟไหม้ที่กระทรวง ยังหัวเราะกันอยู่

            จน “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง

            “ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว” ผมแอบพลิกแฟ้มดู

            “กูมีทีม” แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่

            เวลานายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ บางทีได้คุยกัน ได้ปรับทุกข์ผูกมิตรกันมากกว่าอยู่กรุงเทพฯ แต่ในแววตา “เพื่อน” มีความกังวล

            ช่วงวิกฤติ ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบฯ ก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน “ไม่สบายใจ”

            หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน

            ผมถาม “มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง” ผมนับถือน้ำใจมัน ที่ตอบ “กูพูดไม่ได้” เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย

            ทางการเมือง บางเรื่อง “ต้องตายไปกับเรา” พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม “เห็นใจ” เพื่อน ที่ต้องเข้าไปติดกับ “เงื่อนไข” นั้น ผมอาจจะ “โชคดี” กว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และ “เพื่อน” ไม่ “โชคดี” เท่า

            ผมโลดแล่นทางการเมืองมาหลายสิบปี เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี แต่เวลาผ่านไป “เสียคน” ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก “ใจ” ไม่ “นิ่ง” จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้

            ครั้งสุดท้ายที่เจอ “เพื่อน” เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้แต่ “โบกมือ” ทักทายกัน เพราะต่างมี “ภารกิจ” ไม่นึกว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนคำตัดสินของศาลวันนี้

            สาธารณชนอาจจะตัดสิน “บุญทรง” อย่างไรก็ตาม และต่างๆ นานา ย่อมทำได้ แต่ผมรู้จัก “บุญทรง” และไม่ว่าจะในสถานะใด จะผิดจะถูกอย่างไร เขาเป็น “เพื่อน” ผมเสมอ ขอให้ “เพื่อน” โชคดีและพ้นวิบากกรรม ผมขอให้กำลังใจ….”

                ครับ…๒ ปี ๒๗๕ วัน ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โลกอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางวิกฤติจากนักการเมือง

                ถ้า “ยิ่งลักษณ์” เป็นนายกฯ ตอนนี้….โทษเถอะครับ

                ฉิบหายตั้งแต่ต้นน้ำ จังหวัดหาดใหญ่  ยันปลายน้ำ ประเทศซิดนีย์. 

Written By
More from pp
หมดปัญหาปวดเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ รักษาได้ด้วยเครื่องเลเซอร์กำลังสูง
การเจ็บปวดเส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ เป็นปัญหาที่พบได้ในทุกช่วงวัย แต่พบมากเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ที่ทำงานออฟฟิศ หรือที่เรียกว่ากลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
Read More
0 replies on “สภาพจิต “ยิ่งลักษณ์” -ผักกาดหอม”