ก่อนวันฟ้าหลังฝน-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

รอบนี้สาหัสจริงๆ

            ทุกคนมีโอกาสเป็นผู้ป่วย และเป็นพาหะนำเชื้อได้หมด

แม้กระทั่งคนใกล้ชิด อย่าวางใจเป็นอันขาด

            ตัวเลขล่าสุดจากคุณหมอเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสในครอบครัว ชุมชน หรือออฟฟิศ ร้อยละ ๗๔

            ส่วนที่เหลือในรูปแบบคลัสเตอร์ โรงงาน แคมป์คนงานก่อสร้าง

            ใครที่ยังกลัวว่าโรงงาน แคมป์คนงาน คือแหล่งเพาะเชื้อ ได้โปรดเข้าใจเสียใหม่

            ตอนนี้ “ทุกบ้าน” มีความเสี่ยง

            และสงครามนี้ยืดเยื้อแน่นอน

            วันก่อนมีเสียงเห่าหอนจากต่างประเทศ 

            “โทนี่ วู้ดซัม” อวดเก่ง ร่วมสนทนา ClubHouse กับลูกสมุนกลุ่มแคร์ ตอน “โทนี่สอนน้อง” พังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก

            วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เรื่องประกาศมาตรการปิดไม่ให้นั่งทานในร้านอาหาร เรื่องแคมป์คนงานก่อสร้าง และเรื่องวัคซีน

                “ผมสะเทือนใจนะ รับบริจาคจากที่นั่นที่นี่ อย่างญี่ปุ่นบริจาคแอสตร้าฯ ให้ เขาเป็นประเทศมีน้ำใจอยู่แล้ว แต่เรามีโรงงานผลิต แม้เรารับจ้างผลิตเหมือนโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปก็ตาม แต่เรารับบริจาค ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องรับบริจาค มันไม่เท่ อะ

                “เงินกู้มาเยอะแยะ ทำไมไม่ซื้อวัคซีน คือวัคซีนเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเรามีภูมิ ต่อสู้ เราต้องอยู่ทั้งชีวิต มันไม่หายไปไหนหรอก เราจะอยู่กับมันได้อย่างไร ถ้ารักษาแล้ว ก็เหมือนไข้หวัดทั่วไป ช่วงนี้วุ่นวายหน่อย แต่เราจะเอาอย่างไรกับเศรษฐกิจที่คนตายผ่อนส่ง”

            และตอบคำถามเรื่องการจัดหาวัคซีน

            “มอบอำนาจให้ผมดิ จะหาให้ มันอยู่ที่การเจรจา เราเป็นทั้งประเทศ เจรจาซื้อวัคซีนไม่ได้ ไม่รู้จะทำไง ต้องเข้าใจว่าวัคซีน สมมุติเอกชนไปเจรจา แต่รัฐบาลต้องรับรู้ วัคซีนจึงต้องลงบัญชีไว้ทุกอย่าง”

                “ถ้ารัฐบาลไม่รู้จะทำอย่างไร ผมยินดีทำ ว่างอยู่แล้ว งานก็ไม่มีทำ”

            น่าสนใจครับ ถ้าขณะนี้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร สถานการณ์โควิดในประเทศไทยจะเป็นเช่นไร

            คำตอบคงจะอยู่ที่ตัวตนของทักษิณ

            ตอนท้ายของการสุมหัว “ทักษิณ” พูดว่า

                “วัคซีนตัวหนึ่งที่ออกมาใหม่ โนวาแวกซ์ ผมไปคุยกับนักลงทุนสิงคโปร์ เขาบอกดีมาก น่าลงทุน วันนี้เพิ่งผ่าน FDA ของอเมริกา ไปเจรจาแล้ว ใช้ได้เลย สิงคโปร์ไปคุยกันตั้งแต่เริ่มเฟส ๓ เริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว”

            คนแบบทักษิณ ธุรกิจต้องมาก่อนเสมอ

            คุยเรื่องวัคซีน ยังพูดเรื่องทำธุรกิจ

            น่าลงทุน!

            ฉะนั้น ถ้า “วู้ดซัม” เป็นนายกฯ ตั้งแต่เริ่มที่มีการระบาดใหม่ๆ ประเทศไทยจะไม่ต่างจากอเมริกา ยุโรป ที่ไม่มีการล็อกดาวน์

            เพราะห่วงเศรษฐกิจมากกว่าชีวิตคน

            ก่อนจะกินไก่โชว์ เมื่อครั้งหวัดนกระบาดในไทย ปี ๒๕๔๖-๒๕๔๗ “ทักษิณ” เลือกที่จะปิดข่าวเพราะกลัวเศรษฐกิจพัง

            ทักษิณขยี้ประเด็นญี่ปุ่นบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ไทย ๑.๐๕ ล้านโดสให้ไทย สร้างปมดรามาว่าสะเทือนใจ

            คนที่คิดแบบนี้เลวทรามมาก

            ทักษิณไม่รู้หรือว่า สถานการณ์วัคซีนทั่วโลกเป็นอย่างไร

            การบริจาคของญี่ปุ่นคือการแสดงถึงน้ำใจมหามิตร ซึ่งไทยเองก็เคยแสดงน้ำใจกับญี่ปุ่นเมื่อครั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะระเบิด

            ครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทน

            ถ้ารัฐบาลไทยบอกว่า “ไม่รับ” เพราะหน้าบาง คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

            เป็นความผิดของรัฐบาลหรือไม่ ที่เกิดความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์

            สถานการณ์วันนี้มีเงินใช่ว่าจะซื้อวัคซีนได้

            ถึงซื้อได้ การส่งมอบใช่ว่าจะเกิดขึ้นทันที

            จ่ายเงินซื้อวันนี้ ได้ของปลายปี หรืออาจถูกเลื่อนไปต้นปีหน้า

            นั่นคือสถานการณ์ที่แท้จริงที่หลายประเทศทั่วโลกประสบอยู่

            ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ประเทศย่านอาเซียน มีคำสั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ๒๐๐ ล้านโดส ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์

            วันนี้ไม่เฉพาะไทยที่ประสบปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบ แต่ทุกประเทศล้วนได้รับผลกระทบหมด

            การผลิตล่าช้าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจให้ช้า แต่มันเป็นปัญหาด้านเทคนิค

            และไม่ได้เกิดเฉพาะกับสยามไบโอไซเอนซ์

            แต่เกิดกับโรงงานผลิตวัคซีนแทบทุกที่ ทุกยี่ห้อ

            ในยุโรปเองก็มีปัญหาความล่าช้า

            ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องน่าสะเทือนใจ หรือน่าอาย แต่เราควรจะขอบคุณญี่ปุ่นที่ช่วยส่งวัคซีนมาอุดช่องว่างความล่าช้านี้

            เป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชน

            ครับ…มีข่าวดี

            ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ของแอสตร้าเซนเนก้า ๑ โดส มีผลทำให้ระดับแอนติบอดีในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๑ ปี

            การเว้นระยะในการฉีดวัคซีนวัคซีนโดสแรกและโดสที่สองห่างกันนาน ๔๕ สัปดาห์ มีผลกระตุ้นให้ระดับแอนติบอดีในร่างกายเพิ่มขึ้นถึง ๑๘ เท่า

            การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดสที่สามห่างจากโดสที่สองเป็นระยะเวลา ๖ เดือน สามารถกระตุ้นระดับแอนติบอดีให้เพิ่มขึ้นได้ ๖ เท่า และส่งเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ในร่างกาย

            ยังพบว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าโดสที่สาม มีศักยภาพสูงขึ้นในการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7 หรือสายพันธุ์เคนต์), สายพันธุ์เบตา (B.1.351 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้) และสายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2 หรือสายพันธุ์อินเดีย)

            ครับ…ถึงวัคซีนจะล่าช้า แต่อีกไม่ช้าน่าจะเข้าที่

            ๑๒๐ วันเปิดประเทศได้หรือไม่ก็ลุ้นกัน

            แต่สงกรานต์ปีหน้าฉีดครบสามเข็ม ได้สาดน้ำแน่นอน.

Written By
More from pp
“อนุทิน” เผย ประชุมสมัชชาอนามัยโลกสมัยที่ 75 ราบรื่น “เทดรอส” ได้รับเลือกเป็นผอ.ใหญ่อีกวาระ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย การเข้าร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมเลือก “เทดรอส” เป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก อีก 1 วาระ...
Read More
0 replies on “ก่อนวันฟ้าหลังฝน-ผักกาดหอม”