ผักกาดหอม
อุต๊ะ…
ท่านประธานวันนอร์ ใจร้อนใช่เล่น
จะนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ ๔ สิงหาคม เบื้องต้นก็มีวาระสำคัญอยู่ ๒ วาระ
วาระแรกคือเลือกนายกรัฐมนตรี
วาระที่ ๒ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๗๒
หากวันที่ ๓ สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีมติที่ประชุมรัฐสภาห้ามเลือกชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่ไม่ผ่านการโหวตซ้ำสอง รุ่งขึ้นก็โหวตนายกฯ ทันที
ฉะนั้นการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ ๓๐ อาจจบเร็วกว่าที่คิด
ก็เห็นใจพรรคก้าวไกลครับ ขนาดพรรคเพื่อไทยอุ้มเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหนีมาหลายวันแล้ว ก็ยังตามติดหายใจรดต้นคอ กลัวตกขบวน
ถ้าเอาความจริงมาพูดกัน ๘ พรรคมันแตกไปแล้ว
คงจะเหลือแค่ ๒ พรรคที่ยังกอดคอไปไหนไปกัน คือพรรคก้าวไกลกับพรรคเป็นธรรม ที่มี สส.คนเดียวโดดๆ ประกาศเดินตามก้าวไกลไปทุกที่
พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชาติ ของประธานวันนอร์ เป็นตัวยืนจัดตั้งรัฐบาล หากไม่มีอะไรผิดพลาด ที่เหลือคงจะคุยกันหลังวันที่ ๓
ตัดก้าวไกลกับพรรคเป็นธรรมออกไปใน ๘ พรรคก็เหลือพรรคเล็กพรรคน้อยอีก ๔ พรรค ต้องลุ้นกันตัวโก่ง ใครจะเป็นผู้โชคดีได้ติดสอยห้อยตามไปบ้าง
แต่ที่แน่ๆ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา แต่งตัวรอแล้ว
เหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก น้ำลดตอผุด พรรคก้าวไกลเริ่มมีแต่เรื่องให้ปวดหัว ล่าสุดความแดงแล้ว เอาคนเคยติดคุกมาสมัคร สส.
ทำไงล่ะครับทีนี้ เพราะได้เป็น สส.
ช่างเข้าสโลแกนเปลี่ยนประเทศจริงๆ
ที่ผ่านมาไม่มีอะไรแบบนี้หรอกครับ
เนี่ย…ก้าวไกลกำลังสร้างประวัติการเมือง กำลังเปลี่ยนประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่ท่านๆ ทั้งหลายไม่คิดว่าจะมีในโลกนี้
เลือก สส.เสร็จ กลายเป็นว่าเลือกคนเคยติกคุกซะงั้น
รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๒ ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญญัติกรณีนี้ไว้ถึง ๒ กรณีครับ
ประการแรก ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
ประการที่สอง เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
เรื่องที่ฉาวออกมาเพราะ “นครชัย ขุนณรงค์” สส.ระยอง เขต ๓ พรรคก้าวไกล ถูกขุดคุ้ยว่าเคยติดคุกมาก่อน ไม่ทราบว่าหลุดในขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติของพรรคก้าวไกลมาได้อย่างไร
อย่างน้อยๆ ด้อมส้มในพื้นที่น่าจะรู้ความจริงกันบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ
แต่เงียบกริบกันหมด
เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก ก็ต้องรับฟัง
“…ตลอดสองวันที่ผ่านมา มีผู้สอบถามเข้ามามากมายว่าผมเคยติดคุกจริงหรือไม่ ผมขออภัยที่ไม่สามารถตอบได้อย่างทั่วถึง จึงขออนุญาตเรียบเรียงเรื่องทั้งหมดไว้ตรงนี้ เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องติดคุก เกิดขึ้นในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๒ หรือ ๒๔ ปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอายุประมาณ ๒๐ ปี กำลังวัยรุ่น วันนั้นผมสังสรรค์อยู่กับเพื่อนหลายคนในห้อง มีคนเดินเข้าออกไปมาเรื่อยๆ ผมสังเกตเห็นนาฬิกาผู้หญิงเรือนเล็กๆ เรือนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะในห้อง ถามว่าของใครก็ไม่มีใครตอบ เลยหยิบมาดูเล่นๆ จากนั้นไม่นาน ตำรวจได้บุกเข้ามาในห้อง จับกุมผมและเพื่อนอีกคนหนึ่งที่สารภาพว่าเป็นผู้ขโมยนาฬิการาคาประมาณ ๑,๐๐๐ บาทเรือนนั้นมา ผมและเพื่อนถูกนำตัวไปโรงพัก ตำรวจให้เซ็นเอกสาร โดยบอกว่าเรื่องจะได้จบๆ ผมมาทราบทีหลังว่าเอกสารที่ผมได้เซ็นไป คือเอกสารยอมรับสารภาพ แม้ว่าเพื่อนผมจะให้การกับตำรวจไปแล้วว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
สุดท้าย ผมต้องโทษจำคุก ๓ ปี และการรับสารภาพ ทำให้ได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ผมรับโทษตามนั้นและออกมาประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด จนกระทั่งตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. เขต ๓ ระยอง ในนามพรรคก้าวไกล ผมเชื่อว่าอดีตของผมไม่ทำให้ผมขาดคุณสมบัติ เพราะผมเชื่อว่าข้อหาของผมที่ทำให้ผมติดคุกไม่ใช่ฐานความผิดที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ
ผมขออภัยพี่น้องประชาชนทุกคนที่เลือกผมเข้ามาเป็น สส. ผมขอน้อมรับคำวิจารณ์และกระบวนการทางกฎหมายที่จะตามมาหลังจากนี้ทั้งหมด และจะต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด เพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้จงใจสมัคร สส. ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ
อย่างไรก็ตาม เพื่อความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง สส. ผมขอแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนโดยการลาออกจากตำแหน่งในสัปดาห์หน้าครับ…”
ถ้าเอาตามที่เจ้าตัวชี้แจงแป๊ะ ก็มีสิทธิสมัคร สส. เพราะพ้นโทษมาเลย ๕ ปีแล้ว
แต่โดยจริยธรรมทางการเมือง พรรคการเมืองต้องเข้มงวดเรื่องนี้
ต่อให้พ้นโทษจำคุกมานานหลายสิบปี ก็ไม่ควรให้สมัคร สส.
ไม่ใช่เรื่องการไม่ให้โอกาสคน
แต่พรรคการเมืองควรปลูกฝังเรื่องนี้กับเยาวชน
อย่าให้เอาไปพูดต่อๆ กันได้ว่า ติดคุกไม่เป็นไร พ้นโทษเกิน ๕ ปี ก็สมัคร สส.ได้แล้ว เพราะถ้าคิดแบบนี้มันจะพังกันหมด
ว่าไปแล้วนี่คือหนึ่งในข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญหลายๆ ฉบับที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนออกมาพูด
ไม่เคยคิดจะแก้ไข
วัยรุ่นในปัจจุบันใช้ชีวิตนอกกรอบกันเยอะครับ
ไม่เคารพกฎกติกา
ไม่สนใจกฎหมาย
อ้างแต่เสรีภาพ กลับไม่ทำหน้าที่
ที่จัญไรสุดๆ คือ มีพรรคการเมืองบางพรรคหนุนหลังให้ทำผิด แล้วไล่ตามประกันตัว
ลองนึกภาพดูครับ เด็กๆ ในวันนี้อายุยังไม่ถึง ๒๐ ทำผิดกฎหมาย ต้องคดีสำคัญอย่าง ม.๑๑๒
เกิดติดคุกติดตะรางขึ้นมา อีก ๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า ไปสมัคร สส. แล้วได้เป็น สส. พากันอวดอ้างสรรพคุณเคยติดคุกคดีโน่นนี่นั่นมาก่อน
เมื่อเยาวชนรุ่นหลังซึมซับไปมันจะเป็นผลดีต่อประเทศอย่างนั้นหรือ
ถ้า “นครชัย ขุนณรงค์” สมัยเป็นวัยรุ่นใช้ชีวิตอีกแบบที่ตรงข้ามกัน การเป็น สส.ของเขาก็จะดูดีมีสง่าราศีไปตลอดกาล
มันต้องสอนคนรุ่นหลังครับว่า การใช้ชีวิตไม่ว่าวัยไหน อย่าแหลกเหลวเด็ดขาด
มันจะส่งผลต่ออนาคต
ครับ…พรรคการเมืองต้องเผชิญวิบากกรรม พรรคไหนยกย่องตัวเองไว้เยอะว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ มาเพื่อเปลี่ยนประเทศ เวลาเจ็บก็จะเจ็บหนักหน่อย
เพราะไม่ใช่พันธุ์แท้ แต่เป็นพันทาง