ศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ในประเทศไทยมีมาแต่โบราณกาลจนถึงสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวไทยจึงเคารพนับถือศาสนาพุทธ และศาสนาพรามหมณ์ งานพิธีบางอย่างที่ชาวไทยประกอบขึ้น เพื่อความเป็นสิริมงคล จึงมีทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ควบคู่กันไปตามที่ตนเคารพยึดมั่นอยู่ จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมขนบประเพณีอันดีงามมาถึงปัจจุบันนี้
สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเคารพนับถือ ลัทธิศาสนาพราหมณ์ตามบูรพราชประเพณี ในพระราชพิธีต่าง ๆ ที่โปรดเกล้าฯ ให้ประกอบขึ้นนั้น บางพิธีมีทั้งศาสนาพุทธ และศาสนาพราหมณ์ตามควรแก่กาละ
ใบมะตูมเป็นพฤกษชาติ ลักษณะรูปร่างใบเล็กมน ปลายเรียวแหลมอ่อนนุ่มมีก้าน ใบเรียงติดกันเป็นรูปสามแฉก ในก้านหนึ่งมี ๓ ใบ มองเผิน ๆ คล้ายตรีเทพศาสตราวุธขององค์พระนารายณ์ในนิยายเทวะกำเนิด ตามตำนานลัทธิของพราหมณ์ว่า
“พรหมองค์หนึ่งจุติเป็นช้าง ชื่อเอกทันต์ มีอิทธิฤทธิกำลังมหาศาลไม่ยอมปฏิบัติการใด ๆ ตามที่พระนารายณ์จะมีโองการ พระนารายณ์กริ้วมาก จึงเอารุกขเจ็ดประการมาร่ายมนต์ฟาดลงที่รอยเท้า อันเป็นทางเดินของช้างเอกทันต์ ด้วยอำนาจมนต์ของพระนารายณ์ ทำให้ช้างเอกทันต์ปวดศีรษะแทบจะแตกเป็นเจ็ดภาค จนทนไม่ได้ วิ่งมาด้วยความโกรธตรงเข้าต่อสู้พระนารายณ์ แต่สู้ฤทธิพระนารายณ์ไม่ได้ ก็บ่ายหน้าหนี พระนารายณ์จึงทรงบาศก์ซัดผูกมัดเท้าขวาช้างเอกทันต์ แล้วพระนารายณ์ก็เอาตรีปักที่แผ่นดิน อธิฐานกับต้นมะตูม แล้วเอาปลายบาศก์ตระหวัดผูกไว้กับต้นมะตูม”
พราหมณ์จึงถือว่า ใบมะตูมเป็นพลังแห่งชัยชนะ และเป็นไม้มงคลใช้ประกอบกับน้ำพระพุทธมนต์บรรจุในสังข์สำหรับถวายพระมหากษัตริย์ พระราชทานเป็นพระราชประเพณี
ในปัจจุบันนี้ พระมหากษัตริย์จะพระราชทานใบมะตูมในงานพระราชพิธีที่เป็นมงคล เช่น