เปลว สีเงิน
เช้าวาน “แก๊งแม่หมอ” ก๊อปปี้ข้อความนี้ส่งมาให้อ่าน
Yingluck
Shinawatra
Forever
ด่วนค่ะ
เมื่อช่วงเย็น มีคนขับรถตุ๊กตุ๊ก โทรมาแจ้งเราว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ส.รฟ.นพวงศ์ ที่ดูแลบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง
เข้ามาขอความร่วมมือ ให้หันป้ายดังกล่าวเข้าในรถ หรือขอให้ไม่มาจอดในพื้นที่
ลุงคนขับตุ๊กตุ๊กหลายคันไม่สบายใจ
เมื่อจอดรถรับผู้โดยสารไม่ได้ ก็ต้องกลับบ้าน ขาดรายได้ไปอีกวัน จึงโทรมาขออนุญาตจากเราว่า
ขอปลดออกก่อนได้ไหม เพื่อให้ลุงขับเข้าไปรับผู้โดยสารได้
ทางเราก็ยินดี เพื่อให้ลุงหารายได้ต่อไปในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
ผมอ่านแล้วงง “ด่วนอิหยังวะ” นึกในใจ?
จะโพสต์ประจานตำรวจหรือประจานสันดานเห่ยตัวเองกันแน่ ก็เวียนอ่านซ้ำแล้ว-ซ้ำอีก เพื่อจับความให้ได้ว่า นางคนนี้ ต้องการสื่ออะไร
พอจับได้ว่า นางคงทำป้ายโฆษณาอะไรซักอย่าง แล้วไปจ้างรถตุ๊กตุ๊ก นำป้ายนั้น “ติดข้างรถ” แห่ตามถนน
แต่ภาพหรือข้อความในป้าย คงอัปรีย์สีกบาลสร้างทัศนอุจาดให้เกิดกับผู้พบเห็นเป็นแน่
ตำรวจจึงขอความร่วมมือคนขับตุ๊กตุ๊ก ให้หันป้ายเข้าไปเก็บในรถ หรือไม่ก็ไปให้พ้นหู-พ้นตา อย่ามาจอดแถวๆ นั้น
แล้วมันป้ายอะไรของนาง?
คงบัดสี-บัดเถลิงน่าดูละซีท่า ขนาดตำรวจยังไม่กล้าดู-กล้ามอง ต้องให้ “หันป้าย” เก็บ
ประเด็นเดียวที่บ่งชัดว่าเจ้าของโพสต์ ที่ชื่อ Yingluck Shinawatra กับคนขับตุ๊กตุ๊ก “ซี้กัน” ถึงขั้นสื่อสารกันได้โดยตรง
ถึงขั้นตุ๊กตุ๊ก สำคัญตัวว่า “เส้นใหญ่” ตำรวจให้หันป้ายปุ๊บ โทรฟ้องลูกพี่ปั๊บ
ลูกพี่ก็มาตรฐานเดียวกันกับตุ๊กตุ๊ก เรื่องแค่นี้ แทนที่คนเขาจะไม่รู้ ว่า “ป้ายอัปรีย์” นั้นของใคร ใครจ้างแห่ ก็เลยรู้กันทั้งบ้าน-ทั้งเมือง
ก็จากโพสต์ดรามาเอง เจตนาให้ “ทัวร์ไปลงตำรวจ” นั่นแหละ!
อ่านข้อความเหล่านี้เสร็จตอนเช้า ก็ผ่านไป ตกเย็น มาเปิดเฟซบุ๊กส์ ดูนั่น-ดูนี่ อ้าว…นังนี่เองน่ะหรือ?
จับความจากจากที่ Thanitha Jangprai เขานำภาพ ๒ ภาพ มาโพสต์เฟซ
ภาพหนึ่ง เป็นภาพเชิดชูเกียรติ “๖ เซียนวอลเลย์บอลหญิง” ของไทย เป็นภาพใหญ่ตลอดทั้งลำเรือบิน
และภาพล่าง เป็นภาพรถตุ๊กตุ๊ก ด้านหลัง ติดภาพ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ทับตัวหนังสือ Happy Birthday
หรือนี่ ที่มาของโพสต์ ตำรวจขอร้องให้ตุ๊กตุ๊ก “หันป้ายเข้ารถ”!?
ถ้าใช่….
คนที่ตูดตุ๊กตุ๊ก กับ Yingluck Shinawatra Forever ที่โพสต์ข้อความเรียกทัวร์ลงตำรวจ ก็คนเดียวกันนะซี!
ตกอันดับถึงขั้นทำป้ายรูปตัวเองติดตูดตุ๊กตุ๊กแห่แล้วหรือเจ๊?
ก็ไม่บอกนี่….
จะทำปก ๔ สี หุ้มหน้า ๑ ไทยโพสต์ให้ เป็นภาพเต้น “กังนัมสไตล์” ที่เกาหลี มีกระสอบข้าวตามโกดัง “ตีโป่ง” เป็นแบ็กกราวด์ แล้วพาดคำว่า Happy Birthday To PU ตัวโตๆ
รับรอง เรตติ้ง ปูแซงตู่ ขึ้นอันดับ ๑ ปรู๊ดเลย!
เกิดวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๑๐ เหรอ ปีนี้ก็ ๕๔ แล้วซี ยังปิ๊งนะ เจอสโนไวท์ สโนไวท์คงไม่กล้าถาม “จงบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี? “
เพราะคำตอบ ก็ต้อง “ยิ่งลักษณ์น่ะซี งามเลิศ”!
เกิด มิย.๒๕๑๐ อายุ ๕๔
หนีคุก ๒๕ สค.๖๐ อายุ ๕๐
อ๋อ…ก็จาก “ช่องทางตามธรรมชาติ” ที่หลอกบุญทรงว่า..พี่รอหนูแป๊บนะ เดี๋ยวถึง วันที่ศาลนัดฟังคำตัดสิน ๒๕ สิงหา.๖๐ แล้วชะแว๊บ..ไปทางช่องทางธรรมชาติ นั่นน่ะ
แป๊บเดียว ๔ ปี แล้วน่ะซี!
ก็คิดถึงนะ ผมยังเก็บเอกสารข่าวที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ออกประกาศวันนั้นไว้เลย นี่ไง
“วันนี้ ๙ นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีดำเลขที่ อม.22/2558
ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลย
เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าได้รับแจ้งจากจำเลยว่าป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง
ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาในวันนี้
โจทก์แถลงคัดค้านว่า
ไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริงเนื่องจากไม่มีใบรับรองแพทย์และอาการป่วยที่อ้างไม่ถึงขนาดที่จะมาศาลไม่ได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่เชื่อว่าจำเลยเจ็บป่วยจนถึงขนาดมาศาลไม่ได้ พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยหลบหนี
จึงให้ออกหมายจับจำเลย
และปรับนายประกันเต็มตามสัญญา และให้เลื่อนไปฟังคำพิพากษา วันที่ 27 กันยายน 2560 เวลา 9.00 น.
เธอหนีไปเอง …..
ไม่มีใครไล่ไปนะ กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ “คุกรออยู่”
บอกพี่โทนาฟด้วยก็ได้ ไม่มีใครเขาไม่ให้กลับเข้าประเทศ “หนีคุก” ไปเองแท้ๆ อย่าขี้จุ๊-ตีขลุม!
เธอเขียน “เส้นทางหนี” แห่ดีกว่า ดังตรึมกว่าแห่ป้ายวันเกิด เชื่อเถอะ เพราะการลอดช่องทางธรรมชาติของเธอ นั้นมัน “คลาสสิก” มาก รู้มั้ย
“ประชาชาติธุรกิจ” ฉบับ ๓๐ สิงหา.๖๐ เขารายงานถึง ๔ เส้นทาง “ยิ่งลักษณ์” สมทบ “ทักษิณ” ยังไม่มีใครคอนเฟิร์มเลย
เขารายงานไว้อย่างนี้….
“เส้นทางหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 กรุงเทพฯ จนถึงมหานครดูไบ รายงานข่าวปรากฏตรงกันว่า
ใช้ “ช่องทางธรรมชาติ” ผ่านชายแดนไทย-กัมพูชา จากเกาะช้าง จ.ตราด ประเทศไทย ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ไปยังเกาะกง ประเทศกัมพูชา
ก่อนนั่งเฮลิคอปเตอร์มุ่งตรงไปยังท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หรือสนามบินโปเชงตง ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร
และนั่งเครื่องบินส่วนตัวต่อไปยังประเทศสิงคโปร์-จุดนัดพบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ
ขณะที่อีกกระแสรายงานว่า….
น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจากประเทศไทยไปยังประเทศสิงคโปร์เลย ไม่ได้เข้าประเทศกัมพูชา
อีกเส้นทางคือ ชายแดนไทย-ลาว ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน
และยังมีอีกกระแส คือนั่งรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพัก มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯไปยัง จ.สระแก้ว
ก่อนจะใช้ช่องทางธรรมชาติ เพื่อผ่านด่านข้ามแดนไปยังบริเวณชายแดนด่านบ้านคลองลึก ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
โดยมีผู้กว้างขวางของกัมพูชาให้การช่วยเหลือ เพื่อต่อเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์
สำหรับประเทศเปลี่ยนผ่านก่อนไปยังปลายทางรายงานข่าวตรงกันว่าคือ ประเทศสิงคโปร์
โดยมีผู้พบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนัดแนะกับพี่ชาย-นายทักษิณ เพื่อมารับและนั่งเครื่องบินส่วนตัว เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง
จุดหมายปลายทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันตรงกันว่า อยู่ที่มหานครดูไบ แหล่งพำนักของนายทักษิณ-พี่ชาย
เนี่ย….
ถึงแม้ปรัชญาสืบสวนมีว่า “ไม่มีอาชญากรใดที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้” ก็จริง แต่การหนีของเธอ มันหลายร่องรอยเหลือเกิน
“คอนเฟิร์ม” ให้มือทำข้าวในคุกได้ชื่นใจซักนิดซิว่า
ร่องรอยไหน ใช่…รอยปูลอด!
ก็ไม่มีอะไร ครบรอบวันเกิด ก็ Birthday ด้วย
และ อ้อ ถามไถ่ด้วยห่วงใย…
“น้ำในหู” ไหลเข้าที่ดีแล้วนะเธอ?
