นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 รัฐบาลหมดปัญญาที่จะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การแก้ปัญหาของรัฐบาลคือการวิ่งตามปัญหาซึ่งไม่มีวันจบ การระบาดของไวรัสโควิด เกิดมาตั้งแต่ปลายปี 62 จนถึงปัจจุบันรัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ ตั้งแต่การควบคุมโรค ไปจนถึงการจัดหาวัคซีน รัฐบาลใช้เงินมหาศาล อ้างเอาไปฟื้นฟูประเทศ สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์ เศรษฐกิจประเทศไร้ทางฟื้น ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชน
รายได้ประเทศหายไป รัฐบาลจัดเก็บภาษีพลาดเป้า 3 ปีติดต่อกันเพราะเศรษฐกิจล่มสลาย นอกจากนี้ประเทศไทยหวังรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่ในวันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมา ขณะที่คนไทยก็ไม่กล้าที่จะเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับเชื้อไวรัสหรือไม่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่มีความเชื่อมั่นในตัวพลเอกประยุทธ์ ทั้งๆ ที่หากสามารถจัดการวัคซีนได้ตั้งแต่เดือนมกราคม เชื่อว่าถึงเวลานี้สถานการณ์ของประเทศจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายนิยม กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศแบบไม่บริหาร รวมทั้งยังทำวิกฤตของประเทศให้เป็นวิกฤตที่หนักขึ้น ทั้งไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายทั่วประเทศ คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละ 3,000 คน ตายวันละ 30 คน ทำระบบสาธารณสุขล้มเหลว ประชาชนหมดกำลังใจ หมดความเชื่อมั่นในรัฐบาล รัฐบาลบอกหมอพร้อม ประชาชนต้องพร้อม แต่สุดท้ายวัคซีนไม่พร้อม ทั้งนี้เพราะการจัดสรรวัคซีนที่ ล้มเหลว และการกระจายวัคซีนที่ไม่เป็นธรรม บางพื้นที่ได้วัคซีนเพียง 1 ขวดฉีดให้ประชาชนแค่ 5 คนจากความต้องการมากกว่า 2,000 คน หากบริหารแบบนี้ถึงสิ้นปี 64 ที่ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส คงไม่มีทางเป็นไปได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดมาจากพลเอกประยุทธ์ ยังคงทำตัวเป็นปัญหาของประเทศ ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ เป็นการสร้างทุกข์หนักให้ประชาชน จนลำบากกันทั่วประเทศ