ไม่อยากอยู่จึงอยู่ไม่เป็น

ผักกาดหอม

เก็บมาเล่า…..

วันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนบอกว่า โลกหมุนรอบ “ธนาธร-ปิยบุตร”

เพราะ ๒ คนนี้คือผู้นำเหล่านักรบต่อสู้กับเผด็จการ

เป็นผู้กอบกู้ประชาธิปไตยจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจทหาร

“ธนาธร-ปิยบุตร” จึงได้รับการเชิดชูจากสาวกดุจ “ผู้สร้าง”

นำมาซึ่งข้อสงสัยที่ว่า บรรดาผู้ศรัทธาในพรรคอนาคตใหม่ มองประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ในมิติไหนกันแน่

หรือมันเกิดภาวะหลงใหลในตัวผู้นำ

และนั่นอาจนำไปสู่ลัทธิบูชาบุคคล

สโลแกน “อยู่ไม่เป็น” ดึงดูดเอาเหล่าคนที่ไม่พอใจในสถานะปัจจุบันของตนเอง ให้ไหลไปรวมกันรายล้อม “ธนาธร-ปิยบุตร” ที่ เจเจ มอลล์ ถนน กำแพงเพชร ๒

และนั่นคือความรู้สึกของบรรดาสาวก มองว่า ๒ คนนี้คือศูนย์กลาง

มันก็ตรงตามที่นิยามกันไว้

ลัทธิบูชาบุคคล (cult of personality) เกิดขึ้นเมื่อปัจเจกบุคคลใช้สื่อมวลชน โฆษณาชวนเชื่อ หรือวิธีการอื่นเพื่อสร้างภาพลักษณ์อุดมคติ วีรกรรม

และบางครั้ง มักผ่านการประจบและสรรเสริญโดยปราศจากข้อสงสัย

ในอดีตโซเวียตใช้การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองผ่านภาพยนตร์

เป็นหลักของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ในการสร้างอิทธิพลทางความคิด

ที่จริงวิธีนี้ใช้กันมานมนานแล้ว

เช่นใช้เพื่อสร้างความเชื่อร่วมกันในพระเจ้าองค์เดียวกัน

จนมาถึงความเชื่อทางการเมืองเดียวกัน

หลังโซเวียตปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์เมื่อปี ๒๔๖๐ การเผยแพร่การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองมีบทบาทสำคัญอย่างมาก

ในฐานะเครื่องมือของพรรคคอมมิวนิสต์

มีบทบาทอะไร?

บทบาทที่ว่าคือ ควบคุมสังคม

ใช้การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ตามลัทธิมาร์กซ์-เลนิน

ทำให้การโฆษณาชวนเชื่อแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของประชาชน

การเลือกใช้ภาพยนตร์ ก็เพราะเป็นสื่อที่ขยายแนวคิดได้รวดเร็ว ในสมัยนี้คงเทียบได้กับการใช้โซเชียลเป็นสื่อกลาง นำความคิดไปสู่ประชาชน

โดยเฉพาะการใช้ตู้รถไฟฉายภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อ เป็นเรื่องแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจ ของชาวโซเวียตในสมัยนั้น

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีที่พรรคอนาคตใหม่ใช้ ไม่ต่างไปจากที่พรรคบอลเชวิกใช้ในอดีต

ที่จริงหลายพรรคการเมืองในปัจจุบันต่างใช้โซเชียลเป็นสื่อกันทั้งนั้น แต่ของพรรคอนาคตใหม่นั้นต่างออกไป เพราะรากฐานของพรรคอนาคตใหม่คือโซเชียล

สาวกส้มหวานต่างก็เติบโตมากับยุคออนไลน์

จนมีคนไปค่อนแคะ “ธนาธร” ว่าเป็นนายกฯ โซเชียล

ก็ไม่ได้ผิดอะไรที่พรรคอนาคตใหม่จะใช้ช่องทางนี้ เพียงแต่รูปแบบที่ใช้ เริ่มจะหนักไปทางการสร้างลัทธิบูชาบุคคล คล้ายกับโซเวียตในอดีต

และนี่คือปัญหา

เมื่อสาวกส้มหวานมองว่า “ธนาธร-ปิยบุตร” คือศูนย์กลางของจักรวาล

เป็นผลสืบเนื่องจากการโหยหาอัศวินขี่ม้าขาว

บอลเชวิก ใช้ภาพยนตร์ตอกย้ำปัญหาชนชั้นในสังคม

ถ่ายทอดเรื่องราวของกรรมกร ชาวนา

รวมทั้งสร้างเรื่องราวการต่อสู้ของวีรชนปฏิวัติและมวลชน

อีกด้านหนึ่งโจมตีฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์

เจ้าของที่ดิน

นายทุน

นักบวช

จารชน

รวมทั้งปลุกชนชั้นกรรมาชีพให้เด่นกว่าชนชั้นอื่น

โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บอลเชวิก

ทีนี้ไปดูนิยามของคำว่า “อยู่ไม่เป็น” ที่ “ธนาธร” พูดเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

                ………..เรามองเห็นความเป็นไปได้ที่ตั้งอยู่บนศักยภาพที่หนักแน่น มั่นคง เราเชื่อในศักยภาพของคนไทยว่าจะสามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้

                รวมทั้งมองเห็นศักยภาพของชาวอนาคตใหม่ที่มีความแน่วแน่ จึงมองไม่เห็นเลยว่า ถ้าเราเริ่มเดินทางตั้งแต่วันนี้ทำไมเราจะทำไม่ได้

                อนาคตใหม่ไม่ใช่สำนักงาน ไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องหรือออฟฟิศ

                แต่อนาคตใหม่คือเจตจำนงที่แน่วแน่

                อนาคตใหม่ไม่ใช่เพียงแค่พรรคการเมือง แต่คือการเดินทาง

                อนาคตใหม่ไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ส่วนบุคคล

                แต่คือผู้คนที่มีปลายทางการเดินทางไปที่เดียวกัน อนาคตใหม่ไม่ใช่ผม แต่คือพวกเรา ที่พร้อมเดินทางไปด้วยกัน

                ปลายทางของเราคือ ทุกคนในสังคมไทยมีสิทธิและเสรีภาพ ได้รับสวัสดิการที่ดี

                เราต้องการเห็นเทคโนโลยีก้าวหน้าที่ไม่ต้องพึ่งต่างชาติ มีอุตสาหกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเปี่ยมไปด้วยความหมาย

                เป็นประเทศที่กระจายอำนาจอย่างเท่าเทียม ไม่มีเศรษฐกิจผูกขาด มีความเข้มแข็งในระดับนานาชาติที่ไม่ใช่การมีเรือดำน้ำ แต่เข้มแข็งเพราะมีมนุษยธรรม ได้รับความเคารพนับถือจากนานาชาติ พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนบ้านยามลำบาก พร้อมที่จะต่อสู้กับความยากจนและเดินไปด้วยกัน…..

ก็ไม่ต่างไปเท่าไหร่

ชนชั้น ทุน ยังถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา

เป็นเรื่องน่าขำ ที่คนพูดคือ “ธนาธร” ดันเป็นนายทุนเสียเอง

และทุนยักษ์ใหญ่อย่างไทยซัมมิทไม่ได้สร้างให้ชนชั้นกรรมาชีพมีความโดดเด่นแต่อย่างใด

ถามหน่อยบริษัทในเครือมีบริษัทไหน เปิดให้พนักงานตั้งสภาพแรงงานบ้าง

ช่วยตอบที

ที่แวะไปหาเรือดำน้ำ ก็ตั้งคำถามง่ายๆ กลับไปยัง “ธนาธร” ว่า ลองไทยซัมมิทไม่จ้างยามดูซิว่าจะมีขโมยขึ้นบริษัทหรือไม่

“ธนาธร” พยายามบอกให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน

แต่…คนของอนาคตใหม่หลายคนถอยห่างไปแล้ว

กลายเป็นสนิมบ้าง ขยะบ้าง

เพราะประจักษ์แล้วว่า โครงสร้างของพรรคอนาคตใหม่นั้น มีชนชั้น

มีการผูกขาดอำนาจการตัดสินใจ

“ธนาธร” บอกว่า อนาคตใหม่ “ไม่ใช่ผม” แต่ช่วยตอบหน่อย

ทำไมอนาคตใหม่ ถึงไปอยู่ในตึกไทยซัมมิท

และมีคนจากไทยซัมมิทไปจุ้นจ้านเรื่องเงิน เรื่องการบริหารจัดการในพรรค

“ธนาธร” บอกว่า พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนบ้านยามลำบาก พร้อมที่จะต่อสู้กับความยากจนและเดินไปด้วยกัน

ใครก็ได้ช่วยตอบที ไทยซัมมิททำ CSR แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เหมือนที่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง ปตท. เอสซีจี โตโยต้า ฯลฯ ทำบ้างหรือเปล่า

เพราะไม่ผ่านตาจริงๆ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทำไมชนชั้นนำพรรคอนาคตใหม่ที่ขึ้นปราศรัยพากันสวมเสื้อยืดสีดำ สีต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติที่จะไปฮ่องกงในช่วงนี้

ไม่เช่นนั้นจะถูกเหมารวมว่าคือผู้ชุมนุม

ถ้าเป็นเรื่องบังเอิญก็ไม่ว่ากัน

แต่หากตั้งใจส่งสัญญาณ ก็อย่าลืมต้องมีความรับผิดชอบตามมาด้วย

เพราะสมัยนี้จบม็อบ แกนนำติดคุก

มาถอดรหัสคำพูด “ปิยบุตร” กันบ้าง

เชื่อว่ากลั่นออกมาจากใจจริงๆ

                “……..คำว่าอยู่เป็นและอยู่ไม่เป็น กลับมาเป็นคำที่อยู่ในกระแสสังคมทั้งในโลกออนไลน์และในโลกออฟไลน์ช่วงนี้ ๒-๓ อาทิตย์ที่ผ่านมา

                คำนี้ปรากฏขึ้นบ่อยๆ หลังรัฐประหาร ๒๕๕๗ มีการทะเลาะกัน แซวกันเล่นๆ ว่า พวกนักกิจกรรมนิสิตนักศึกษา พี่น้องประชาชน นักวิชาการ ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของคณะ คสช. แล้วออกไปต่อต้านนั้น เป็นพวกอยู่ไม่เป็น พวกนี้

                ถ้าอยู่เป็นบ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อยดี คสช.จะบริหารประเทศได้ต่อไป ซึ่งก็มีคนที่ทนสภาพสังคมแบบนี้ไม่ได้ แต่พวกเขามีศักยภาพ เบื่อประเทศนี้ก็ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ

                ประเทศไทยในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เหลือทางเลือกของคนไทยเพียง ๒ ทางคือ ๑.คืออยู่ให้เป็น  เอาตัวรอดให้ได้ในสังคมต่อไป หรือ ๒.ถ้าทนไม่ไหว มีศักยภาพเพียงพอ ก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศ…………”

คุ้นๆ มั้ย

อ่านแล้วนึกถึงอะไร?

วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ผศ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า

“มารับภริยาผมที่ดอนเมือง เธอส่งรูปมาให้ดู นี่คือการต่อแถวที่ ตม.ที่ทุเรศทุลักทุเลที่สุด นี่หรือประเทศที่มีรายได้อยู่ที่การท่องเที่ยวเป็นหลัก”

                กลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นาน ผมอยากกลับไปฝรั่งเศสอีกแล้ว หรือขอไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เดนมาร์กก็ได้ สิงคโปร์ก็ได้

                ภริยาผมบอกว่า เธอไม่อยากอยู่ประเทศนี้แล้วจริงๆ

                เมื่อก่อนเธอไม่เคยพูดแบบนี้ พึ่งมาปีนี้แหละที่ผมได้ยินบ่อยๆ

                ผมเอง ก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่เท่าไหร่

                และถ้ามีลูก ผมไม่มีวันให้ลูกผมเรียนและเติบโตที่นี่แน่นอน

                ครับ….แค่แถว ตม.ยาวไปหน่อย ถึงขั้นไม่อยากอยู่ ไม่อยากให้ลูกได้เติบโตที่นี่

ดันทนอยู่มาถึงวันนี้

Written By
More from pp
“ราเมศ” เผย นัด ประชุมใหญ่ ประชาธิปัตย์ 23 ก.ค. ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่
16 กรกฎาคม 2566 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566...
Read More
0 replies on “ไม่อยากอยู่จึงอยู่ไม่เป็น”