เปลว สีเงิน
ดูพวกนักศึกษาที่ยกตัวเป็น “คนรุ่นใหม่” โพสต์แต่ละข้อความแล้วหนักใจ
ดักดานยิ่งกว่าควายจมปลัก!
แล้วยังทะลึ่งสะบัดเขาอวด รุ่นเก่าหลบไป…พวกกูนี่แหละ…รุ่นใหม่ ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำอนาคตชาติ
แล้วดูคนที่จะมานำชาติเขาโพสต์ซี
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมชุม
พฤษภาทมิฬ คือการสังหารหมู่ ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเผด็จการของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร
หรือพ่อของ “แดง” อดีตผบ.ทบ.เจ้าน้ำตา ปัจจุบันได้รับหน้าที่เป็นถึงองคมนตรี
โถ….เวร
ใครวะ เป็นอธิการบดี เป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ยุคนี้ ไปไหน-มาไหน คงต้องเอาปี๊บคลุมหัว
การสอนนักศึกษาให้เป็นควายได้เช่นนี้ ต้องไม่ใช่สิ่งที่เป็นหน้า-เป็นตาของเหล่าอาจารย์และนามสถาบันแน่
ยิ่งเรียนยิ่งโง ยิ่งโตยิ่งเป็นควาย…
จะอิงบรรยากาศพฤษภาทมิฬหากินซักที กลัวใครเขาจะไม่รู้ว่าสถาบันไหนฝึกให้เขาโง้งได้ขนาดนี้
ก็เอา “ยี่ห้อธรรมศาสตร์” ประทับรับรองควายแท้ซะงั้น!
“บิ๊กสุ พ่อบิ๊กแดง”……..
จานธรรมศาสตร์สอนศิษย์มาอย่างนี้น่ะหรือ จึงไม่น่าสงสัย ว่ารุ่นใหม่สามนิ้ว ไม่ต่างควายยกคอก อย่างนั้นจริงๆ?
พอลูกศิษย์เข้าคุก จานจิ้งจอก ทำเป็นห่วงการเรียนศิษย์ ยืนหอนหน้าคุก ห่วงศิษย์ขาดเรียนบ้าง จะสอบแล้วบ้าง ต้องให้ประกันนะ
แล้วแบบนี้น่ะนะ ความรู้ที่สอนกัน….
“บิ๊กสุ พ่อบิ๊กแดง” พฤษภาทมิฬ คือการสังหารหมู่ ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเผด็จการ?
การจับแพะชนแกะ หยิบเหตุการณ์ “เฉพาะช่วง” มาตัดตอนพูดเพื่อ ให้คนไม่รู้หลงผิด-เข้าใจผิดนั้น
มันเป็นบาปทางวิชาการ
ทั้งเป็นความน่าละอายยิ่งในศักดิ์๋ศรีอาจารย์-นักศึกษาและนามสถาบัน
ถามจริงๆเถอะ รู้มั้ย ที่ว่า “สังหารหมู่” นั่นน่ะ ความจริงที่เป็นเบื้องหน้า-เบื้องหลัง มันคืออย่างไร?
ตรงนี้ตะหาก ที่วิสัยครูอาจารย์ ต้องสอนให้ศิษย์รู้จัก ศึกษา-ค้นคว้า-วิจารณ์-วิจัย ให้รู้ถึงต้นสาย-ปลายเหตุให้มากที่สุด
ไม่ใช่ หยิบเหตุการณ์ “เฉพาะช่วง” มาตัดตอนพูดเอาโก้ เอามัน ว่า “สังหารหมู่”
ตัวละครในเหตุการณ์ยังอยู่ครบ จานก็พาศิษย์ไปศึกษามาบันทึกให้มันเป็นประวัติศาสตร์จากตัวบุคคลในเหตุการณ์จริงซี
อย่างที่โพสต์ข้อความนี้ แสดงว่า ไม่รู้เรื่อง-รู้ความ ทั้งไม่ได้ศึกษา-ค้นคว้าเอกสาร ตำรับ-ตำรา อะไรเลย
เห็นเขาถุยคำว่า “สังหารหมู่” คู่กับพฤษภาทมิฬ ก็เลียที่เขาถุย แปลงเป็นครุยบัณฑิต โพสต์อวด
ไปจับเข่า พลตรีจำลอง พลเอกชวลิต หรือนายวีระ มุสิกพงษ์ และนายจตุพร พรหมพันธ์ กระทั่ง นายอุทัย พิมพ์ใจชน ถามก็ได้
เพราะเหตุการณ์นั้น รวมดาวประชาธิปไตยใต้ฟ้าเมืองไทยและนักกิจกรรมไปรวมกันอยู่ทั้งหมด
บอกเขาว่า…….
ขอให้พูดตรงๆ ตอบตรงๆ เพื่อประวัติศาสตร์บันทึกที่ไม่บิดเบี้ยว
ที่เกิดปะทะจนมีตายกันขึ้นนั้น มันเกิดจากแผนของใครบางคน ทั้งๆ ที่เรื่องจบแล้ว พลตรีจำลองถูกจับไปแล้ว แต่ไม่ต้องการให้จบ ใช่หรือไม่?
โดยฉกฉวย “สานต่อ” สถานการณนั้น ….
มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายโผล่ขึ้นมา ขี่มอเตอรไซค์ป่วนเมือง เผาดะ ปะทะกับเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่ “พฤษภาทมิฬ” ในที่สุด
ใครอยู่เบื้องหลัง….หือ
ที่เรื่องจบแล้ว แต่ไม่ต้องการให้จบ เหมือนเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา.๑๖ นั่นน่ะ?
อีกเยอะแยะคน ที่ในความเป็นบัณฑิตศึกษาควรทำหน้าที่ชำระประวัติศาสตร์พฤษภาทมิฬให้ชัดเจน สมนามสถาบัน
มากกว่าปล่อยให้บางคน-บางพวกอาศัยความคลุมเครือ แบบครึ่งๆกลางๆ ใช้เป็นเครื่องมือหากิน เป็นรายปี
บิ๊กแดง “พลเอกสมพงษ์” ลูกบิ๊กจ๊อด ตอนนั้น อย่างเก่งแค่ ร้อยโท-ร้อยเอก เรียกว่ายัง “หางแถว” และอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย
พวกนักศึกษา ๓ นิ้ว เจตนา “ดึงสถาบันมาเกี่ยว” ก็ไปลากบิ๊กแดงแบบเปะปะมาเป็นชิ่งกระแทก
น่าเวทนา ความตื้นเขินที่หยาบช้าของนักศึกษา ๓ นิ้วเสียจริงๆ
ถ้าเพื่อศึกษาเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อโหนมาโพสต์เสร่ออย่างที่ทำ ไปขอสนทนาวิชาการกับท่านประธานองคมนตรี “พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์” ก็ได้
หรือท่านประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” ก็ได้
พลเอกสุรยุทธ์ ตอนนั้น ถ้าผมจำไม่ผิด….
ท่านเป็น “ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ” ที่เรียกว่า “ป่าหวาย ลพบุรี” ได้รับคำสั่ง ให้นำทหารมาควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองด้วยตลอด
อย่างวันนี้ ๑๙ พฤษภา.ตอนปี ๓๕ ค่ำๆ นี่แหละ
ที่เกิดการเผา การยิงกัน การปะทัน จนมีเจ็บ-มีตาย เป็นเรื่องเป็นราว
ใช่ว่าเหตุการณ์เฉพาะหน้าพาไป หากแต่มันมีแผน “ให้เกิด” อยู่แล้ว!
ปกติ ผมเป็นขาประจำไม่เคยขาด ตั้งแต่กุมภา.พลตรีจำลอง นั่งอดข้าวเป็นเตมีย์ใบ้อยู่หน้าสภา
ก่อนวันปะทะแหลก มีพวกวงในมากระซิบ
“คืนนี้ พี่อย่าไปดีกว่า”!
ผมมันศิษย์กิน-นอนกลางราชดำเนิน ๔ โมงเย็นก็ไปแล้ว สมัยนั้น เรียกม็อบมือถือ สมัยนี้ ทวิตเตอร์ เทเลแกรม ทางนัดหมาย
เป็นพัน-เป็นหมื่นคน มีสแลนปูให้นั่ง-นอน ตั้งแต่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ยันผ่านฟ้า
๕-๖ เวที ตั้งปราศรัยกันเป็นจุดๆ พี่กี้-อริสมันต์ ก็ผมนี่แหละทำให้เกิดโดยไม่ตั้งใจ
กับเพื่อน เป็นโปรดิวเซอร์อยู่ห้องอัดเสียง เป็นศิษย์ราชดำเนินด้วยกัน คืนหนึ่ง ราวๆ ตี ๒ ตี ๓
เห็นเวทีหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชักกร่อย คนเหลือหรอมแหรม เพื่อนเขาว่า เดี๋ยว…ผมไปดูที่ห้องอัดดีกว่า ว่ามีนักร้องอยู่บ้างมั้ย?
พักใหญ่ ก็กลับมาพร้อมพี่กี้อมฮอลล์นี่แหละ ตอนนั้นยังโนเนม ขนาดนอนรออัดเสียงหน้าห้องอัด
พี่กี้ขึ้นไปร้องเพลงอะไรก็จำไม่ได้ จำได้แต่ว่า หนังสือพิมพ์กรอบบ่ายวันรุ่งขึ้นที่เด็กวิ่งขาย
เพลงที่พี่กี้ร้อง เนื้อหาเข้าบรรยากาศการเมืองตอนนั้น
พี่กี้-อริสมันต์ ดังเปรี้ยงไปเลย!
ต้นเหตุ มันก็มาจาก “รุ่น ๕-สุจินดา” “รุ่น ๗-จำลอง” ที่เป็นงูเห่ากับพังพอนกันมาตลอดนั่นแหละ
แล้วแตกดอกออกลูกเป็น “เผด็จการ-ประชาธิปไตย” ออกมารวมญาติกันหมด
หมอเหวง-หมอสันต์ กระทั่งปริญญา เทวานฤมิตรกุล จานสามนิ้ว ตอนนั้นวัยละอ่อน เป็นหัวหน้านักศึกษา ก็เอากะเขาด้วย
นี่ก็เป็น “คนในเหตุการณ์” น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการต่อติดหน้าประวัติศาสตร์ช่วงเหตุการณ์ที่กะรุ่ง-กะริ่งเป็นตอนๆ ให้เข้ามาต่อกันได้
จะว่าไป ชนชั้นจานอย่างปริญญา ที่ร่วมเหตุการณ์เรียกร้องให้สุจินดาลาออกตอนนั้น
ไม่น่าปล่อยให้ลูกศิษย์ ๓ นิ้ว “โชว์โง่” ประจานหน้าคนเป็นจานแบบนี้เลย!
“พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ์”……
เป็นคนที่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างได้ดีที่สุด ถ้าท่านไม่ต้องการให้เบื้องหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ-สังหารหมู่ อย่างที่พูดกัน “ตายไปพร้อมตัวท่าน”!
คิดๆ แล้วก็แปลก…..
๑๔ ตุลา.๑๖ ถึงวันนี้ ยังชำระหน้าประวัติศาสตร์ให้จบที่ลงตัวยังไม่ได้ ว่าที่ “จบแล้ว” แต่ไม่จบตอนนั้น เพราะใคร?
พฤษภาทมิฬ ๓๕ นี่เหมือนกัน
เมื่อจบที่จำลองถูกจับ แต่กลับเป็น “จบที่ไม่ยอมจบ” นั่นเพราะใคร และด้วยเป้าหมายใด นอกเหนือจากให้สุจินดาลาออก?
คำตอบมันมี….
แต่ “มีคนไม่อยากตอบ” นั่นละต้นเหตุโรค “อัลไซเมอร์” ละ!