ผักกาดหอม
เริ่มหนาวแล้ว
และอาจได้หนาวถึงขั้วหัวใจกันทั่วหน้า หากยังมีความคิดจะโค่นรัฐธรรมนูญ
วันนี้เสียงเรียกร้องบอกว่า อยากจะแก้รัฐธรรมนูญ มาในแบบลับลวงพรางเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ไปหลอกชาวบ้านว่า เป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ สืบทอดอำนาจ
ที่สำคัญไปบอกว่า หากยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็อดอยากปากแห้งกันต่อไป
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๐
ใช้มา ๒ ปีครึ่ง ทุรนทุรายเหมือนผีโดนข้าวสารเสก
จะต้องล้มล้างให้ได้
ลองไปสำรวจดูว่ามีข้ออ้างอะไรบ้าง อยากจะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญกันเหลือเกิน
เริ่มจาก…………รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ยกร่างโดยคณะร่างที่ตั้งโดย คสช.
เพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.
เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำประชามติ ภายใต้ปากกระบอกปืนของ คสช.
ถือเป็นเป็นประชามติกำมะลอ
อ้างว่าผู้ที่เห็นต่างถูกทหาร คสช.คุกคาม ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนไม่น้อยถูก
นำไปดำเนินคดีภายใต้ศาลทหาร
จึงเป็นรัฐธรรมนูญ ของ คสช. โดย คสช. และเพื่อ คสช.
อ้างว่าผลของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สร้างทางหลวงใหญ่ยาวเอาไว้ให้เผด็จการ คสช.ใช้เดินทางต่อไป
จนอาจจะครบ ๒๐ ปีตามที่ คสช.วาดหวังไว้
การเลือกตั้งมีแต่ปัญหา
บังคับให้ประชาชนเลือกตั้งโดยบัตรใบเดียว อันเป็นการทำลายอำนาจทางการเมืองในการเลือก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อโดยตรงทิ้งไป
ใช้วิธีนับคะแนน “จัดสรรปันส่วนแบบผสม” เพื่อเปิดช่องให้พรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการสามารถเข้าสภาได้แม้ว่าคะแนนจะไม่ถึงคะแนนอันพึงมีของพรรคอื่นก็ตาม
อ้างว่าได้เพียง ๑,๗๐๐ คะแนนก็เข้ามาเป็น ส.ส.ได้แล้ว ทั้งที่พรรคอื่นๆ ต้องได้รับคะแนนถึงกว่า ๗๐,๐๐๐ ก็ตาม
จึงได้มาซึ่งรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช.
นอกจากนี้การกำหนดให้ ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ถึง ๒๕๐ คน เท่ากับครึ่งหนึ่งของ ส.ส.
และมีอำนาจทางการเมืองแทบจะไม่ต่างอะไรกับ ส.ส.
ส.ว.มีอายุการทำงานครอบคลุมการเลือกตั้งถึงสองสมัย
อ้างว่านี่เป็นการแสดงออกซึ่งอำนาจเผด็จการของ คสช.ที่ยังคงฝังอยู่ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ นี้
อ้างว่าการบังคับให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และการปฏิรูปประเทศที่ร่างโดยพวก คสช.
กำกับบงการโดยคณะกรรมการที่ตั้งโดย คสช.
ก็เท่ากับบังคับให้ทิศทางการเมืองไทยต้องเดินไปตามทิศทางที่ คสช.ขีดเส้นไว้เท่านั้น
อ้างว่าองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญล้วนแล้วแต่แต่งตั้งโดย คสช.และทำงานตามทิศทางและอำนวยประโยชน์ให้แก่ คสช.ทั้งนั้น
อ้างว่า เมื่อเป็น รัฐธรรมนูญ ของ คสช. โดย คสช. และเพื่อ คสช.เช่นนี้แล้วไซร้ ประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจึงมีความชอบธรรมที่จะเรียกร้องและผลักดัน ให้มีการ แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
อ้างว่าผู้ที่คัดค้านการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ล้วนแต่เป็น กลุ่มพวกที่ได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
อ้างว่าคือบรรดาสมุนบริวารลิ่วล้อของ คสช.นั่นเองแหละ
เป็นสมุนรับใช้ที่ซื่อตรงสุดจิตสุดใจ………..
ครับ……นั่นคือเหตุผลในการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ก่อปัญหาจริงอาจจะเป็นระบบการเลือกตั้ง
อย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญเพิ่งใช้ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะขลุกขลักบ้าง หากคิดว่ามีปัญหา ก็แก้กลับไปใช้แบบเก่าได้
แต่พรรคอนาคตใหม่คงไม่ชอบใจแน่ เพราะเก้าอี้ ส.ส.จะหายไปครึ่ง
สำหรับประเด็นอื่นดูเหมือนเน้นไปที่บทเฉพาะกาล
โดยเฉพาะวุฒิสภา
เมื่อกางรัฐธรรมนูญก็พบว่า ส.ว.ชุดนี้หมดอำนาจตามบทเฉพาะกาลในอีก ๒ ปีครึ่งข้างหน้านี้
ทั้งอำนาจเลือกนายกฯ อายุวุฒิสภาที่ระบุเอาไว้ว่า ๕ ปี ก็จบลงแค่นั้น
ส.ว.ชุดต่อไปก็ไปว่ากันตามหมวดวุฒิสภา ถือว่าเข้าสู่โหมดปกติ
แต่หลายคนทนรอไม่ได้ คิดจะเผาบ้านเพื่อไล่ ส.ว.
มาที่ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
ทั้งนักการเมือง ทั้งนักประชาธิปไตยใจแคบ พากันประโคมว่า คือมรดกเผด็จการที่จะสืบทอดไปอีก ๒๐ ปี
แถมมีคนเชื่อด้วย!
เคยเข้าไปศึกษากันหรือเปล่าว่า ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี คืออะไร ต้องการให้ประเทศเป็นอย่างไร
อธิบายไปหลายรอบแล้วเหตุที่ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ก็เพราะในอดีตประเทศไทยเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย
เปลี่ยนรัฐบาลที นโยบายก็เปลี่ยนตาม
ไร้ยุทธศาสตร์ ไร้ทิศทาง
ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเพียงกรอบการพัฒนาประเทศในทุกด้านแบบกว้างๆ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการ แต่นักการเมืองกลัวเพราะหากไม่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติมีความผิด
จึงไปโกหกชาวบ้านว่า ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี คือการสืบทอดอำนาจ คสช.ไปอีก ๒๐ ปี
มันคนละเรื่อง
ก็ฝากไปยังกรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้นมาศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าใครจะเป็นประธาน “อภิสิทธิ์” หรือ “สุชาติ” ระวังผลที่จะตามมา หากศึกษาแล้วไปเคาะว่า ต้องตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เอางี้…..
ใครที่คิดจะตั้ง ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้กลับไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๑๘-๒๒/๒๕๕๕ ให้ตกผลึกก่อน
ถ้าคิดว่าต้องตั้ง ส.ส.ร.ให้ได้ ก็ลองดู
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนั้นระบุว่า
“…..การแก้ไข รธน.ตามมาตรา ๒๙๑ สามารถยกเลิก รธน.ทั้งฉบับได้หรือไม่?
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า อำนาจในการก่อตั้งองค์กรสูงสุดทางการเมืองหรืออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของประชาชนอันเป็นที่มาโดยตรงในการให้กำเนิดรัฐธรรมนูญ
เมื่อองค์กรที่ถูกจัดตั้งมีเพียงอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญให้ไว้และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้องค์กรนั้นกลับไปแก้รัฐธรรมนูญเหมือนการใช้อำนาจแก้ไขกฎหมายธรรมดา
เนื่องจากประเทศไทยใช้หลักประมวลกฎหมาย ยึดหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ จึงต้องกำหนดวิธีการและกระบวนการแก้ไขที่ต่างจากกฎหมายทั่วไป
การตรารัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ผ่านการลงประชามติโดยตรงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
ประชาชนจึงเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้
ดังนั้น การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๙๑ แม้จะเป็นอำนาจของรัฐสภาก็ตาม แต่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา ๒๙๑ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้มาโดยการลงประชามติของประชาชน
ก็ควรจะได้ให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
หรือรัฐสภาจะใช้อำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตราก็เป็นความเหมาะสมและเป็นอำนาจของรัฐสภาที่จะดำเนินการดังกล่าวนี้ได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา ๒๙๑ ด้วย…..”
นั่นเป็นเรื่องเมื่อปี ๒๕๕๕ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยกระเหี้ยนกระหือรือจะแก้โค่นรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐
มาคราวนี้จะล้มล้างกันอีก
ก็เห็นกันแล้วว่า หากจะตั้ง ส.ส.ร. สิ่งที่ต้องทำคือ….
ประชามติ
ไปถามประชาชนก่อนว่า จะให้ทำหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ก็ผ่านการทำประชามติด้วยเช่นกัน
ก็คงสนุกดี บ้านเมืองกลับเข้าสู่บรรยากาศ พวกมึง พวกกู แบบชัดเจนอีกครั้ง
โชคร้ายหน่อย อาจมีม็อบลงบนถนน
ฝั่งหนึ่งจะล้มรัฐธรรมนูญ
อีกฝ่ายยืนกรานห้ามแก้
แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
จะเอาอย่างฮ่องกงมั้ย วันนี้จุดไฟเผาทั้งเป็นกันแล้ว
ประท้วง ปะทะ กันรายวัน
นักท่องเที่ยวหาย
เศรษฐกิจไม่ต้องพูดถึง
กับแค่รออีก ๒ ปีครึ่ง บทเฉพาะกาลหมดฤทธิ์ ส.ว.หมดสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างกลับไปใช้บทบัญญัติปกติ
มันจะตายมั้ย!