เรียบเรียงบทความโดย : อาจารย์ฐานุวัชร์ รินนานนท์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา
คณะการทูตและการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต
ตามสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในประเด็นพื้นที่ชายแดน จะเห็นแนวทางที่ชัดเจนของทั้ง 2 ประเทศ คือไทยอยากจะเจรจาทวิภาคี (คุยกัน 2 ประเทศ) แต่กัมพูชาอยากจะลากประชาคมโลกมาร่วมด้วย แบบพหุพาคี กัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลกไปแล้ว และไทยแก้เกมส์ด้วยการปฏิเสธอำนาจของศาลโลก ซึ่งก็เท่ากับว่าเกมส์ที่กัมพูชาพยายามจะใช้ประชาคมโลกนั้นยากยิ่งขึ้น
ดังนั้นการยั่วยุจึงเกิดขึ้นในทุกวัน เพราะหากใครยิงก่อนหรือเริ่มก่อน (โดยไม่มีเหตุอันเหมาะสมที่รับฟังได้จริงๆ และมีหลักฐานชัดเจน) จะตกเป็นผู้ร้ายในประชาคมโลกผ่านสนธิสัญญาระหว่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ โดยทันที! และผลที่ตามมาจะเป็นไปในวงกว้างเป็นอย่างมาก อาจลุกลามถึงการถูกโดดเดี่ยวในประชาคมโลก ซึ่งผลกระทบก็มีมากขึ้นเป็นวงกว้าง (ไทยเองจึงทำอะไรตามอารมณ์ของคนในไทยแบบรวดเร็ว รุนแรงให้สะใจตามอารมณ์คนมากไม่ได้ … บางคนบอกเราเก่งกว่า ถล่มไปเลยวันเดียวเรียบ ใช่ ศักยภาพเราอาจทำได้ แต่ผลกระทบระยะต่อมามีมากมายมหาศาลกว่านั้น และจะเข้าทางกัมพูชา (นึกภาพละครน้ำเน่า เมียหลวงผู้วางตัว เมียน้อยผู้น่าสงสาร และพระเอก))
ดังนั้นจะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เหตุการณ์ปะทะจริงระหว่างกันที่เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะเข้าทางกัมพูชา เพราะไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการปะทะ ก็มีจดหมายจากนายกฮุน มาเนตไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยทันที (เนื้อหาก็ตามจดหมายในภาพ ซึ่งก็เนินย้ำว่ากัมพูชาต้องการความสงบ และไทยเป็นผู้รุกราน และโจมตีก่อน … สอดคล้องกับที่ภาคประชาชนไปคอมเมนต์ในแหล่งข่าวต่างประเทศทุกที่!)
แต่ทว่าล่าสุด ไทยเองก็มีการวางแผนมาดีเช่นกันก่อนการประกาศเรียกทูตกลับและส่งทูตกัมพูชากลับประเทศ (Persona Non Grata) เพราะมีการเปิดเผยว่า กัมพูชามีการส่งจดหมายดังกล่าวนี้ไป UNSC แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เดินทางไปนิวยอร์ค (สำนักงาน UN) แล้ว ซึ่งถือว่าทำได้ดี เพราะระดับ รมว. อยู่ที่สำนักงาน UN แล้ว ดังนั้นการเจรจา ชี้แจง ย่อมจะทำได้ดีกว่า และแสดงให้เห็นว่าไทยยังมีความจัดเจนในทางการทูตอยู่ มีการวางแผนดักทาง เตรียมป้องกันไว้ค่อนข้างดี
UNSC คืออะไร? มีอำนาจอะไร?
UNSC มีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ (ที่มีสิทธิ์ VETO ตีตกประเด็นใดๆ ก็ได้ในโลก) นั่นคือสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย บวกกับสมาชิกไม่ถาวร (ไม่มีอำนาจ VETO) ที่ผลัดกันเป็นอีก 10 ประเทศ รวมกันเป็น 15 ประเทศ
UNSC ถือเป็นหัวใจของ UN … ตามมาตรา 24 และ 25 ของกฏบัตรสหประชาชาติ ระบุว่า
(Article 24 [1]) [The UN nations] agree that in carrying out its duties under this responsibility the Security Council acts on their behalf”
(Article 25)
[The UN nations] agree to accept and carry out the decisions of the Security Council in accordance with the present Charter”
นั่นหมายความว่า มติหรือข้อตกลงใดๆ ของ UNSC จะถือเป็นการประกาศใช้ในฐานะขององค์กรสหประชาชาติโดยรวมทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งทุกประเทศสมาชิกและองค์กรภายใต้ UN ทุกองค์กร
ทีนี้เมื่อมีประเทศใดประเทศหนึ่ง (ที่อยู่ในความขัดแย้ง) ยื่นเอกสารเพื่อขอให้ UNSC พิจารณาความขัดแย้ง (ซึ่งไม่ต้องรอดูท่าทีของฝ่ายตรงข้ามขัดแย้งคนตนเองเหมือนศาลโลก) … UNSC ก็จะมีอำนาจในการออกมติหรือดำเนินการใดๆ เพื่อให้ประเทศต่างๆ เหล่านั้นยุติความขัดแย้ง … ดังนั้นส่วนนี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่ไทยต้องระมัดระวัง
เส้นทางของการพิจารณา หลักๆ แล้วทาง UNSC ก็จะพ้าจารณาคำร้องก่อน > เห็นสมควร ก็ตั้งคณะกรรมการ (มาตรา 33) ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น (มาตรา 34) > พยายามให้แนวทางที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหา (ซึ่งมักจะเริ่มด้วยเชิงการทูต เพื่อแก้ปัญหาด้วยสันติภาพ (มาตรา 36, 37, 38) > พิจารณาพฤติกรรมของชาติทื่ขัดแย้งว่ามือะไรที่ขัดต่อการสร้างสันติภาพบ้าง (มาตรา 39) > เรียกผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งมาอภิปรายเพื่อหามาตรการทางออก (มาตรา 40), และออกใช้มาตรการ (มาตรา 41) … ซึ่งหากไปถึงปลายทางแล้ว มติว่ายังไง ไทย็คงต้องทำตาม เพราะเป็นรัฐสมาชิก UN และอยู่ในประชาคมหลักของโลกในระเบียบโลกปัจจุบัน (ซึ่งก็หมายความว่า กัมพูชาสามารฤลากไทยเข้าสู่รูปแบบเจรจบพหุพาคีได้สำเร็จ)
ทีนี้ในระหว่างการพิจารณาต่างๆ ตามขั้นตอนข้างต้น ก็ต้องดูว่าใครฝ่ายใคร โดยเฉพาะสมาชิกถาวร UNSC (หลายคนมากว่า ไม่ต้องใส่ใจก็ได้ ดูรัสเซีย-ยูเครน หรือ อิสราเอล-อิหร่าน ไม่เห็นมีอะไรชัดเจน … อย่าลืมว่าประเทศขัดแย้งเหล่านั้น มี Backup เป็นสมาชิกถาวร UNSC ที่มีอำนาจ VETO ดังนั้นเรื่องก็ตีตกไป … ไทยเองมีความสามารถและความสัมพันธ์กับ 5 ชาตินั้นขนาดไหน ก็ต้องประเมินกันต่อ)
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงอาจตีความได้ว่าเป็น approach ที่กัมพูชาวางไว้ และก็ดูเข้าทางเสียด้วย (ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่มีกระแสข่าวว่าเครื่องบินส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซ็นบินไปยังประเทศจีน … จีนเป็น 1 ในสมาชิกถาวร UNSC และมีบทบาทในกัมพูชาเป็นอย่างมาก)
เรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายของไทยในเกมส์การเมืองโลกเป็นอย่างมาก และยากขึ้นไปอีกเพราะเกิดในยุคที่ไทยเองขาดเสถียรภาพทางการเมือง แต่อีกฝ่ายเสถียรภาพทางการเมืองแข็งแกร่งมาก
ไทยต้องรีบดำเนินการเชิงรุกในองค์กร UN และต้องเร่งสื่อสารเชิงรุกต่อประชาคมโลก และแสดงท่าทีชัดเจนในปฏิบัติการณ์ต่างๆ ของไทยว่าเป็นไปเพื่อสันติภาพ และอาจต้องไม่ใช่ในลักษณะทางการอย่างเดียว อาจต้องมีอีกทีม ที่ต้องสื่อสารกึ่งทางการที่กระชับ เร็ว (แต่ต้องชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าภาพ ไม่อย่างนั้นสะเปะสะปะเหมือนตอนนี้) เพราะสื่อเดี๋ยวนี้เร็ว ไทยต้องตั้งวอร์รูมสื่อสารนานาชาติหลายภาษา และต้องทันเหตุการณ์ (instant)
เหงื่อตก
แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย
อ่านรายละเอียดอำนาจของ UNSC
https://www.securitycouncilreport.org/atf/cf/%7B65BFCF9B-6D27-4E9C-8CD3-CF6E4FF96FF9%7D/the-un-security-council-handbook-by-scr-1.pdf