“รพ.ไม่ใช่ธุรกิจ แต่ควรเป็นสถานที่เพื่อบริการสาธารณชน” จากแนวคิดเบื้องต้นของผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล จนถึงบัดนี้เกือบ 4 ทศวรรษแล้วที่ โรงพยาบาลวัฒนา – อุดรธานี หรือ โรงพยาบาล นอร์ทอีสเทอร์นวัฒนา เปิดให้บริการด้วยวิสัยทัศน์ ทำโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพยกคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงชาวลาว
ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ ถือเป็น โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกๆ ของจังหวัด ก่อตั้งในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2528 เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กขนาด 25 เตียง จนในปี 2532 โรงพยาบาลได้ขยายเป็นขนาด 100 เตียง เพื่อรองรับกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากคนไข้ แถมยังมีโรงพยาบาลในเครืออีกสองแห่ง ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของเจเนอเรชั่นที่สอง ซึ่งตั้งใจสานต่อวิชั่นเดิมคือเป็น “โรงพยาบาลเอกชนเพื่อสาธารณชน”
ดร.ณัฐธิรา ตั้งสืบกุล ผู้บริหารโรงพยาบาลวัฒนา-อุดรธานี ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วย, บุคลากร, และชุมชนของเรา โดยที่ผ่านมาเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางที่วางไว้ ซึ่งต้องการเป็น ผู้นำโรงพยาบาลคุณภาพ สู่ลุ่มแม่น้ำโขง (ไทย ลาว)พันธกิจ (MISSION) ที่ผ่านมากว่าสี่ทศวรรษ โรงพยาบาลมีความตั้งใจในการพัฒนาการบริการด้านสุขภาพ ให้กับผู้รับบริการ มีการผนึกมาตรฐานการรักษา ระดับสากล อีกทั้งบุคลากรของเราทุกคน ให้บริการอย่างใส่ใจแก่ผู้ป่วยและญาติในแบบเดียวกัน ในทุกๆการกระทำของเรา มุ่งผลลัพธ์ในระยะยาว ตามค่านิยมที่ยึดถือ คือ Compassion มีความเมตตา นึกถึงประโยชน์ของผู้อื่น Courage ความกล้าในการทำให้ดีขึ้น Credibility เป็นที่ไว้วางใจ Connectivity เชื่อมต่อความสัมพันธ์ไม่สิ้นสุด”
เท 50 ล้าน เพิ่มเป้าหมาย “คุณภาพชีวิตดี คุณภาพการรักษายอด
เราเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่ผ่านการรับรองคุณภาพการรักษาและการให้บริการแก่ผู้ป่วย HA (Hospital Accreditation) ระดับสาม ซึ่งสูงมากถ้าเทียบกับโรงพยาบาลเอกชนอื่นในจังหวัดอุดรธานี เป้าหมายต่อไป โรงพยาบาลวัฒนา-อุดรธานี ต้องการยกระดับคุณภาพการให้บริการและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ขึ้นไปอีก ปีที่ผ่านมาจึงได้ลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมใหม่ เช่น เพิ่มบริการทางการแพทย์ที่หลากหลายให้ครอบคลุมความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน รวมไปถึงขยายศักยภาพในการรองรับผู้ใช้บริการ, เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ยังเพิ่มการให้บริการต่างๆ ให้ครอบคลุม รองรับสังคมสูงวัยและสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันด้วย อาทิ บริการวัฒนาโฮมแคร์ ซึ่งให้บริการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยภายหลังจากการรักษาตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีบริการ Home-visit ซึ่งเป็นบริการเยี่ยมผู้ป่วยถึงบ้านเพื่อการดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาลคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging Clinic) คลินิกเบาหวาน (Diabetes Mellitus Clinic) รวมไปจนถึงการขยายบริการของแผนกไตเทียมสามารถรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว พร้อมพัฒนาคุณภาพการฟอกไตด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยด้วยการจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องฟอกไตชั้นนำจากต่างประเทศ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังให้บริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่เพิ่มขึ้น อาทิ บริการคลินิกผู้มีบุตรยาก (Infertility Clinic) ตอบโจทย์ที่ประชากรในวัยเจริญพันธุ์มีแนวโน้มในการแต่งงานช้าลงและมีความต้องการในการมีบุตร คลินิกผิวหนัง (Skin Clinic) และการศัลยกรรมเพื่อความงามต่างๆ รวมไปถึงคลินิกต่อมไร้ท่อและฮอร์โมนเด็ก (Pediatric Endocrine Clinic) ซึ่งมีกุมารแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยดูแลปัญหาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทั้งเร็วหรือช้ากว่าปกติ ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย และโรคเกี่ยวกับฮอร์โมนต่างๆ เช่น โรคไทรอยด์ซึ่งเป็นภาวะที่พ่อแม่ในปัจจุบันมีความวิตกกังวล
ปั้นต่อ…. วัฒนา New normal
จากปณิธานของโรงพยาบาลที่มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิต และต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงทีมากที่สุด โรงพยาบาลได้ปรับปรุงหน่วย “บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง” ให้มีทีมแพทย์ ศัลยแพทย์ นักรังสีเทคนิค และทีมงานที่พร้อมอยู่ตลอดเวลา พร้อมกันนี้ยังเพิ่มเครือข่ายโรงพยาบาลพันธมิตรเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการรักษาที่เหมาะสม รวดเร็ว พร้อมสร้าง referral network ระหว่างโรงพยาบาลทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โรงพยาบาลวัฒนา-หนองคาย และ Alliance International Medical Centre (สปป.ลาว)
ชูจุดเด่นนโยบาย “ประกันไม่เกิน”
ผู้บริหารยังเผยว่า การปรับโฉมของโรงพยาบาลวัฒนา-อุดรธานี ในรอบสี่ทศวรรษนี้ นอกจากในแง่ของภาพลักษณ์ และบริการที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังรวมไปถึงการขยายศักยภาพในการรองรับผู้ใช้บริการ (capacity) อีกด้วย ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้เพิ่มขึ้นอีกถึง 50% เนื่องจากมีการปรับเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ แพทย์-พยาบาล และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เมื่อสามารถรองรับได้มากขึ้น ก็ทำให้เราสามารถปรับกลยุทธ์ด้านราคาได้อีกด้วย โดยปรับราคาลงในบางกลุ่มโรคเพื่อให้ผู้รับบริการในพื้นที่สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่ดีได้ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการที่มีประกันสุขภาพ โรงพยาบาลยังได้จับมือกับบริษัทประกันชั้นนำ ในการทำโครงการโรคทั่วไป “ใช้ประกัน ไม่มีส่วนเกิน” ให้ผู้รับบริการสามารถรับบริการทางการแพทย์ที่ดีในวงเงินประกันสุขภาพที่เขามีอยู่โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย
ย้อนเส้นทางแห่งตำนาน 4 ทศวรรษ “โรงพยาบาลวัฒนา – อุดรธานี”
โรงพยาบาลนอร์ทอีสเทอร์นวัฒนา ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2528 โดย รศ.ดร.พิพัฒน์ ตั้งสืบกุล และ พญ.ศุภวรรณ ตั้งสืบกุล พร้อมด้วยกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในจังหวัดอุดรธานี ในตอนนี้ทั้งหมดได้ร่วมวิสัยทัศน์กันที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ เพื่อยกคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงรวมไปถึงชาวลาวด้วย โดยเริ่มก่อตั้งในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2528 เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาด 25 เตียง และเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกๆของจังหวัด จนในปี 2532 โรงพยาบาลได้ขยายเป็นขนาด 100 เตียง เพื่อรองรับกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากคนไข้
ด้านมาตรฐาน โรงพยาบาลก็ได้ผ่านมาตรฐานการรับรองและบริการผู้ป่วย ISO9001 เวอร์ชั่น 2001 ต่อไปในปี พ.ศ. 2550 ทางโรงพยาบาลได้เข้าร่วมกับ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลเพื่อเสริมสร้างคุณภาพในการบริการคนไข้ อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่ผ่านการรับรองคุณภาพการรักษาและการให้บริการแก่ผู้ป่วย HA (Hospital Accreditation) ระดับสาม ทั้งนี้ โรงพยาบาลมีปรัชญาที่จะบริการคนไข้และญาติของผู้ป่วยและมีส่วนร่วมในการรักษาสุขภาพของชุมชนในบริเวณและ เราจะเป็นโรงบาลเอกชนคุณภาพเพื่อสาธารณชน
ปัจจุบัน เครือโรงพยาบาลวัฒนา มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลากหลายสาขา พร้อมให้บริการวินิจฉัยและรักษาครอบคลุมโรคต่างๆ อาทิ แผนกผิวหนังและความงาม, แผนกทันตกรรม, แผนกหู-คอ-จมูก, แผนกอายุรกรรม, แผนกสูตินรีเวช, แผนกจักษุ, แผนกศัลยกรรมกระดูก, แผนกกุมารเวช, แผนกศัลยกรรมทั่วไป, คลินิกพิเศษโรคเบาหวาน (ศูนย์เบาหวาน รพ.วัฒนา), ศูนย์ตรวจสุขภาพ และ WELLNESS CENTER, คลินิกผู้มีบุตรยาก, คลินิกโรคติดเชื้อ, คลินิกโรคไต, คลินิกศัลยกรรมหลอดเลือด และ วัฒนาโฮมแคร์ รับดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล โดยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง