ขอคนละชื่อ ไล่ปิยบุตรทำได้ไหม

เมื่อวันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ บันทึกเทป ในการขอชัดชัด ตอนที่ 2 ในประเด็น “ขอคนละชื่อ ไล่ปิยบุตร ทำได้ไหม” ออกอากาศทาง ช่อง Top News ระหว่างเวลา 22.20 น.- 23.10 น.ดำเนินรายการโดย วรเทพ สุวัฒนพิมพ์ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า

มีประชาชนเป็นจำนวนมากร้องเรียนเข้ามาเกี่ยวกับการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริมของนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ เพราะประชาชนทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของนายปิยบุตร ซึ่งเหยียบย่ำทำลายหัวใจของคนไทยทั้งชาติ โดยออกมาเคลื่อนไหวในวันจักรี ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560

การที่นายปิยบุตร มักจะเรียกว่า ระบอบประยุทธ์ ผมขอเรียนว่า ระบอบประยุทธ์ไม่มี เพราะประเทศไทยมีแต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากนายปิยบุตรไม่พอใจการทำงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ควรใช้กลไกตามหลักสุจริต และกติกามารยาททางการเมือง เช่น การอภิปราย นายกรัฐมนตรี หรือการร้องเรียนตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย หรือกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ออกมาให้ข้อมูลเท็จด้านเดียว ด้วยการขายฝันว่า หากมีการแก้ไข รัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้ชาวบ้าน กินดีอยู่ดีมากขึ้น ซึ่งสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมอย่างเช่นทุกวันนี้

สิ่งที่ถูกสิ่งที่ผมอยากบอกพี่น้องประชาชน ก็คือรัฐธรรมนูญ สามารถแก้ได้ หากแก้ไขแล้วเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการอำนาจของตนเองและพวกพ้อง หากพิจารณาให้ถ่องแท้ จะเห็นได้ว่าผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญนั้น ต้องการเรียกร้องผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องทั้งสิ้น เช่น ล้มวุฒิสภาเดินหน้าสภาเดียว โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ เลิกยุทธศาสตร์ชาติแผนปฏิรูป ล้างมรดกรัฐประหาร การแก้ไขบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง จำนวน 2 ใบ ต้องการให้นักการเมืองไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และสามารถเข้าไปแปรงบประมาณเข้าท้องถิ่นของตนเองได้ ซึ่งไม่มองเรื่องของส่วนรวม หรือ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อพี่น้องประชาชนบ้างเลย

ความต้องการแก้รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ว่าด้วยบททั่วไป และหมวดที่ 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ โดยมุ่งหวังการแก้ไขมาตรา 112 จนมีผู้กล่าวว่า การจาบจ้วงสถาบันยังได้รับโทษน้อยกว่าการด่าบุพการีของเพื่อน กล่าวคือ มีโทษปรับ 200,000 บาท จำคุก 2 ปี แต่จาบจ้วงสถาบัน มีโทษปรับ 100,000 บาท จำคุก 1ปี และหากเป็นการ วิพากษ์วิจารณ์โดยนักวิชาการเพื่อประโยชน์สาธารณะสามารถทำได้โดยได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง ทั้งที่ ปวงชนชาวไทยทราบกันดีอยู่แล้วว่าพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ตั้งแต่พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาโดยพระมหากษัตริย์ได้คืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับแรกก็ระบุไว้ชัดเจนว่าประชาชนจะฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ไม่ได้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนหรือเพื่อส่วนรวมสามารถกระทำได้ หากประชาชนเห็นด้วย ขอยกตัวอย่าง คนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “ผู้ต้องขัง” ซึ่งอาจจะพลาดพลั้งกระทำผิดไป คนกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 300,000 – 400,000 คน ทั้งผู้ต้องขังเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณา รวมไปถึงนักโทษทางการเมืองรวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ต้องขังในเรือนจำเหล่านี้ไม่มีโอกาสเลือกตั้งเลย แต่กลับไม่มีใครพูดถึง

ในเมื่อการเลือกตั้งเป็นอำนาจของประชาชน ดังนั้น ผู้ต้องขัง หรือนักโทษก็ถือเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีสิทธิในการกำหนดนโยบาย กำหนดกลไกของประเทศได้ และเมื่อมีการถกเถียงกันในเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญก็ควรจะมองผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่มองเพียงเรื่องที่มาของอำนาจหรือแก้กฎหมายเพื่อให้ใครมีอำนาจมากขึ้น

เมื่อนายปิยบุตรไม่พอใจประเทศไทย ไม่พอใจกฎหมายไทย แต่ทำไมยังอยู่ในเมืองไทย ซึ่งในต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา หากพลเมืองไม่ยอมรับกฎหมายของรัฐนั้นๆเขาก็จะย้ายถิ่นที่อยู่ ไปยังรัฐอื่น เมื่อนายปิยบุตรคิดว่า คนไทยทั้งชาติเป็นคนไม่ดี ทั้งที่ตนเองก็เป็นคนไทย นายปิยบุตรควรรู้จักและเคารพจารีตขนบธรรมเนียม หน้าที่พลเมือง หากไม่รู้จัก ก็ไม่ควรอยู่ในประเทศนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะตั้งโต๊ะ รวบรวมรายชื่อ ขับไล่นายปิยบุตรออกนอกประเทศ ตามฉันทามติของประชาชน เพราะนายปิยบุตร ไม่เคารพกติกาทางการเมืองชอบสร้างปั่นป่วน วุ่นวาย ให้ข้อมูลเท็จด้านเดียว จนประชาชนไม่ให้ราคากับนายปิยบุตร และขนานนามเปรียบเปรยว่า มวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น วันนี้หากนายปิยบุตร กลับตัวกลับใจยังทันเวลา ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และเมื่อประชาชนทั้งประเทศทนไม่ไหว อาจจะลงรายชื่อเสนอขับไล่นายปิยบุตรออกนอกประเทศ เพราะความไม่พอใจของประชาชนบ่มเพาะมานานแล้ว

ทั้งนี้ภายหลังการออกอากาศรายการดังกล่าว​มีแฟนคลับ​ จำนวนมาก​ออกมาให้กำลังใจ​และชื่นชมนายสามารถ​ เจนชัยจิตรวนิช​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ที่ออกมาปกป้องพลเอก​ ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ และขับไล่นายปิยะบุตร​ แสงกนกกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โดยแฟนคลับได้ส่งข้อความสนับสนุนจำนวนมาก​ อาทิ

ให้ประชาชนรู้ข้อมูลที่ถูกต้องรัฐบาลแจ้งข้อมูลเยอะๆว่าทำอะไรบ้างความดีย่อมชนะความชั่วแน่นอน

คุณสามารถ มาขอชัดๆวันนี้พูดดีเข้าท่ามากนะคุณต้นถามไม่ทันเลยตอบรวดเร็วเข้าประเด็นดีมากๆ ว่าแต่จะลงชื่อไล่ปิยบุตรเมื่อไหร่

เห็นด้วยหนึ่งเสียงกับคุณสามารถที่จะรวบรวมรายชื่อขับไล่ไอ้เนรคุณปิยบุตร ธนาธร พรรณิกาออกนอกประเทศโดยเร็วที่สุดรอมานานแล้วข้อเสนอนี้!

สวัสดีค่ะคุณต้นและคุณสามารถ ชอบมากๆค่ะ ดีใจที่ทางรัฐบาลออกมาพูดอย่างหมดเปลือก

ขอทราบว่า คุณสามารถ​ จะเริ่มเมื่อไหร่ผมขอลงชื่อด้วยคนครับทั้งบ้าน 4 คน

ทำเลยครับคุณสามารถผมว่ามีคนลงชื่อเป็นสิบล้านแน่ๆ

คุณสามารถพูดเก่งและมีสาระหนูลงชื่อไล่ปิยบุตรด้วยคนค่ะ

คุณสามารถพูดน่าฟังมีเหตุผล

สวัสดีค่ะคุณสามารถถ้าคุณตั้งโต๊ะไร้ปิยบุตรบอกดิฉันด้วยนะคะจะไปลงคะแนนด้วย 1 เสียงค่ะ ฯลฯ

Written By
More from pp
ข่าวดี คนไทยเฮ เตรียมได้นั่งรถบัสโดยสาร Euro5 หลัง สแกนเนีย เผยยอด นิว บัส เจเนอเรชั่น Euro5 พุ่งเกินคาด ผู้ประกอบการ-ผู้ให้บริการรถบัสโดยสาร แห่จองเกลี้ยงล็อตแรก ส่วนล็อตสองถึงไทยเร็วๆ นี้
นายพรต โชตินันทน์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถโดยสารสแกนเนีย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดรถบัสโดยสาร หลังภาครัฐมีการประกาศให้รถใหม่ที่ผลิตหรือนำเข้าตั้งแต่ 1 มกราคม 2567...
Read More
0 replies on “ขอคนละชื่อ ไล่ปิยบุตรทำได้ไหม”