ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เปิด (ตัว) ฉายแล้วตั้งแต่เย็น-4 เมษา.
ผมหมายถึง “เดอะ รีเทิร์น ออฟ คางคก” หนัง (การ์ตูน) สยองขวัญโดย “เงา” แห่งผู้จัดการออนไลน์น่ะ!
เห็นผู้กำกับฯ ที่รับเล่นบท “พระเอก” ด้วย คุยโวตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแล้วว่า “คน (ดู) จะมืดฟ้ามัวดิน” ก็ไม่รู้เป็นเช่นนั้นรึเปล่า?
เพราะขณะปั้นบทความนี้ (12.30น.) ยังไม่ถึงเวลาที่กำหนดไว้ (เย็นย่ำ) ตรงบริเวณอนุสรณ์สถานพฤษภา 35. ผู้คนจึงน่าจะบางตาอยู่!
ซึ่งหากคนดูไม่เข้าเป้า พูดง่ายๆ “หนังเจ๊ง” ผู้กำกับ-พระเอก ได้ประกาศไว้แล้วว่า “จะพิจารณาตัวเอง” ส่วนจะพิจารณาแบบไหน-อย่างไร ก็คอยดูไป..
แต่จะให้ถึงขั้น “ฮาราคีรี” อย่างนักรบ-นักสู้ซามูไรญี่ปุ่นนั้น เห็นจะยาก!
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ต้องเห็นผู้กำกับ-พระเอก ต้องผิดหวัง-ตรอมใจกับหนัง “เดอะ รีเทิร์น ออฟ คางคก” ผมจึงหวังและภาวนา ให้เย็นย่ำของวันที่ 4 เมษา. อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยคนดู..
หรือหากถึงกับ “มืดฟ้ามัวดิน” ได้ก็ยินดีด้วย!
นี่..จะว่าไป ผมก็ให้รู้สึกเอียน รำคาญ หงอยๆ กับการต้องเฝ้าดูหนังตลกปัญญาอ่อนบ้าบอๆ เรื่อง “สามสัส-สามกีบ” มาหลายเดือน..
การมี “หนังสยองขวัญ” ของผู้กำกับ-พระเอกขวัญสยองระดับตำนานออกมาในห้วงนี้ จึงน่าจะทำให้เกิดความตื่นตัว-ตื่นเต้น กระฉับกระเฉงขึ้นมาไม่มากก็น้อย!
อย่างน้อย การได้เห็น “ดารารุ่นเก๋า” ทั้งตัวร้าย-ตัวดี-ตัวตลกหวนคืนจออย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง ก็พอจะช่วยให้คลายความคิดถึงลงได้บ้าง จะให้กังวลก็แต่..
เรี่ยวแรง กำลังกาย-กำลังใจยังจะเหมือนเดิมอยู่หรือไม่เท่านั้น?
ต้องไม่ลืมว่า แต่ละคนก็โรยราไปตามวัย บางคนก็มีโรคประจำตัว การเล่นหนังสยองขวัญจึงค่อนข้างมีความเสี่ยงอยู่มาก แค่ออกแรงพูด (ตามบท) ที่ต้องให้สยองๆ ขนหัวลุกก็น่าจะเหนื่อย-หอบแล้ว
และไหนยังจะมีฉากแอ๊คชั่น “เล่นจริง-เจ็บจริง” ตามที่นายทุนสั่ง (ต้องการ) แถมปัจจุบันมีฉาก “ตู้คอนเทนเนอร์” เข้ามาเสริม..แค่คิดก็เหนื่อยแทน!
ยิ่งไปกว่านั้น “ค่าตัว” นักแสดงก็ไม่รู้จะได้มาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนก่อนหรือไม่ แต่เท่าที่ดูอาการ “พลิกไป-พลิกมา” ของผู้กำกับ-พระเอก (คางคก)..
ถ้าลองตัดสินใจหันกลับไปรับหน้าที่กำกับและรับเล่นเองด้วยอย่างนี้ ได้ทุน 100-200 ล้านก็ดูจะน้อยไป!
ก็..ตามดูว่าหนัง “เดอะ รีเทิร์น ออฟ คางคก” จะถูกเด็ดหัวทิ้งเสียแต่สัปดาห์แรกฉายหรือไม่ เพราะการที่แฟนคลับ-คนดูทั้งเหนือ อีสานหลายจังหวัดประกาศจะไม่ลงมาดูก็ให้น่ากังวลใจอยู่
สำคัญไปกว่านั้น ดาราตัวจี๊ดอย่าง “แรมโบ้” ที่แยกตัวออกมาจากสังกัดเดียวกัน ก็คอยจ้องจะแฉทุกเรื่องในการทำงานของผู้กำกับฯ
ทั้งรวยคนเดียว ทั้งอมค่าตัวนักแสดง ทั้งพาแฟนคลับ-คนดูไปตาย โดยเฉพาะกรณีหลัง ถือเป็นจุด “ไคลแม็กซ์” ทั้งของหนัง ทั้งของผู้กำกับฯ..
“สยองขวัญ”แน่!