เปลว สีเงิน
หน้าร้อนแล้ว!
สิ่งมากับหน้าร้อนยุคนี้ ไม่ใช่ทะเล-น้ำตก แต่เป็น “ไฟป่า-ฝุ่นพิษ และหมอกควัน”
โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ตั้งแต่ตากขึ้นไปถึงเชียงใหม่-เชียงราย-ลำปาง-น่าน-แม่ฮ่องสอน
ผมอยากให้ดูข่าวนี้…….
พฤหัสบดี ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เวลา ๑๒.๐๐ น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชิญพวงมาลาไปวางที่หน้าหีบศพ
เด็กหญิงณัฐวลัญช์ อนุสรณ์พนา อายุ ๑๓ ปี
ณ บ้านเลขที่ ๒๓๔ หมู่ที่ ๓ บ้านแม่แฮเหนือ หย่อมบ้านแม่แฮน้อย ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
และต่อมา เวลา ๑๓.๐๐ น.ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพ เป็นกรณีพิเศษ ณ ที่บ้านแห่งนั้น
ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
จัดอาหารว่างและน้ำดื่มพระราชทาน จำนวน ๒๐๐ ชุด แจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร่วมงาน.
หลายท่านคงทั้งทราบและไม่ทราบความเป็นมา ผมจะนำเรื่องมาสรุปให้ทราบกันคร่าวๆ ดังนี้
เด็กหญิงณัฐวลัญช์ หรือ “น้องเบอรี่” เป็นนักเรียนชั้น ม.๑ โรงเรียนบ้านแม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
เธอเป็น “เด็กดอย” ชนเผ่าปกาเกอะญอ ที่มีสำนึกต่อส่วนรวมด้วย “จิตอาสา” สูงมาก
เมื่อ ๒๐ กุมภา.ทางหมู่บ้านประกาศให้ชาวบ้านและผู้มีจิตอาสา ไปช่วยกันทำ “แนวกันไฟ” หมู่บ้าน
เผื่อว่า “ไฟไหม้ป่า” จะได้ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามเข้ามาถึงหมู่บ้าน
น้องเบอรี่กับครอบครัว ก็ออกไปทำแนวกันไฟร่วมกับชาวบ้าน
“คุณอารีย์” แม่น้องเบอรี่เล่าว่า เธอแยกไปทำหน้าที่แม่ครัว เพื่อทำอาหารมาเลี้ยงกัน
ต่อมา เพื่อนๆ ลูกวิ่งมาบอก น้องเบอรี่ เป็นลม ขณะกวาดใบไม้แห้ง อาเจียน และหมดสติ กำลังช่วยกันนำลงจากดอยไปหาหมอ
เธอเข้าใจว่าถูกเจ้าป่า-เจ้าเขาทำ ตามความเชื่อดั้งเดิมบอกกล่าวแล้วน่าจะดีขึ้น
แต่ทั้งบอกกล่าวทั้งปฐมพยาบาลก็ไม่ดีขึ้น จึงนำส่งโรงพยาบาล สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
แพทย์ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ รักษาอาการน้องเบอรี่ได้เพียง ๑ คืน ก็เสียชีวิต
แพทย์ลงความเห็น เธอป่วยด้วยอาการโรคทางสมอง!
เรื่องราวน้องเบอรี่ ……..
เป็นเด็กมีจิตอาสา “เสียสละเพื่อส่วนรวม” เป็นแบบอย่างคู่ควรแก่การสรรเสริญ แม้อยู่ในป่า-ในดงดอย ห่างไกลขนาดนั้น
แต่หาได้ห่างไกลพระเนตร-พระกรรณ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ที่ทรงสอดส่องดูแลสุข-ทุกข์พสกนิกรตลอดเวลา
จึงเป็นที่มาของ “พวงมาลาพระราชทาน” หน้าหีบศพและพิธีพระราชทานเพลิงศพน้องเบอรี่ เมื่อ ๒๕ กุมภา.ที่ผ่านมา
ครับ….
ก็พอเข้าใจกันแล้ว กรณีน้องเบอรี่ เป็นบทสะท้อนหลายด้านทางสังคมปัจจุบัน
“ไฟป่า” โดยธรรมชาติ กับการ “เผาป่า” โดยมนุษย์
ในเกือบทุกภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ ปัจจุบันนี้ มันเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้ว!
ก่อนๆ ทางเหนือ พอเข้าหน้าร้อน หลับตาเห็นความเย็นสบาย สายเมฆ-ม่านหมอก ท้องฟ้าใส หมายตา-หมายใจ ไปเล่นน้ำสงกรานต์เชียงใหม่
แต่เดี๋ยวนี้ หน้าร้อน เมืองเหนือ มาพร้อมไฟป่า ม่านหมอกจากไอเย็น กลายเป็นหมอกควันจากไฟป่า รู้เหตุ-รู้ปัญหา แต่หมดปัญญาแก้
ไฟธรรมชาติเผา พอแก้ได้
แต่ไฟมนุษย์เผา ทั้งเผาซังซากทำไร่ ทั้งเผารุกเอาที่ป่า-ที่เขา ทั้งเผาทางการเมือง
เฉพาะไฟแก้ได้ แต่สันดานมนุษย์ มันแก้ไม่ได้!
ก็ต้องทนกันไป พูดกันไป แก้กันไป อยู่อย่างนี้ ทำไงได้
แต่จากกรณีน้องเบอรี่ มีประเด็นหนึ่งจากบอก
คือเมื่อปลายปีก่อน ……..
พบ “ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ” เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ชื่อยาว-จำยาก
จำแต่ชื่อย่อ “คปภ.” ก็แล้วกัน เห็นอักษร ๓ ตัวนี้ที่ไหน ก็รู้ไว้ หมายถึง “ดร.สุทธิพล” ผู้กำกับดูแลประกันภัยทุกชนิด
เขามีสายด่วนด้วยนะ ภัยมักเกิดฉุกเฉิน ฉะนั้น จำเบอร์สายด่วนเขาไว้เลย
คปภ.1186 www.oic.or.th
สมมติรถชนเปรี้ยง ไร้ญาติ-ขาดมิตร เคว้งคว้างอยู่กลางถนน โทรหาประกันก็แสนย้ากยาก บางรายกว่าจะมาไม่ไวเหมือนตอนประกัน
กดสายด่วน 1186 นั่นเลย เขาจะจี้ตูดและจัดการให้!
ก็นอกเรื่องไปนิด มาเข้าเรื่องไฟป่ากันเลย
ขอยกกรณี “น้องเบอรี่” เป็นตัวอย่าง…….
การมีจิตอาสา “ดับไฟป่า” เป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนไม่มีประสบการณ์ดับไฟป่า อยากให้ฟังตรงนี้สักนิด
มันไม่ใช่เรื่องง่าย เห็นไฟป่าที่ไหน ก็เข้าไปช่วยดับ จะดับด้วยวิธีไหนก็ช่างเถอะ
ขอบอกว่าการทำอย่างนั้น “ตายเอาง่ายๆ” ด้วยทั้งขาดอากาศหายใจ ทั้งสำลักควันไฟ ทั้งถูกไฟล้อม ออกมาไม่ได้ ถูกครอกตายชนิดคิดไม่ถึง
การอาสาสมัคร “ดับไฟป่า” ด้วยจิตอาสา นั้น ประเสริฐแท้ แต่จะประเสริฐยิ่งขึ้น ถ้าทำให้ถึงพร้อมความปลอดภัย
ต้องศึกษาวิธีดับไฟป่าให้เข้าใจก่อน
โดยไปแจ้งกับทางอำเภอ ตำบล หมู่บ้านนั้น ๆ และลงทะเบียน “กลุ่มอาสาดับไฟป่าเพื่อชาติ” ไว้
ที่ผมแนะนำเช่นนี้ ประการแรก เพื่อรับการฝึกอบรมวิธีดับไฟป่าที่ถูกต้องก่อน ประการที่สอง อันนี้สำคัญ เพราะจะเป็นประโยชน์คุ้มครองให้กับทุกคนที่ลงทะเบียน
เลขาฯคปภ. “ดร.สิทธิพล” บอกผมว่า …..
ทางคปภ.เล็งเห็นตรงนี้ จึงจัดให้มี “กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มอาสาดับไฟป่าเพื่อชาติ” เป็นครั้งแรกในประเทศ
โดยร่วมมือกับ …….
นายกสมาคมประกันชีวิตไทย, สมาคมประกันวินาศกรรมไทย, นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และผู้บริหารบริษัทประกันภัย เช่น เมืองไทยประกันชีวิต, กรุงเทพประกันภัย, ทิพยประกันภัย, อาคเนย์ประกันภัย, วิริยะประกันภัย, เมืองไทยประกันภัย เป็นต้น
จัดทำกรมธรรม์ จำนวน ๓๕,๐๐๐ ราย
มอบให้ “นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์” ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ซึ่งมอบไปเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงบอกให้ทุกคนที่ต้องการช่วยดับไฟป่าที่เชียงใหม่ ไปลงทะเบียนเป็น “อาสาดับไฟป่าเพื่อชาติ” กันไว้
เพราะทุกคน ไม่ว่าหน่วยดับไฟป่าของทางการเองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงประชาชนที่ลงทะเบียนเป็นอาสาดับไฟป่า
ถ้าเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย บาดเจ็บ กระทั่งเหตุไม่คาดคิดอย่างน้องเบอรี่
ทุกราย….
จะได้รับการดูแล คุ้มครอง ช่วยเหลือ จากกรมธรรม์ภัยอุบัติเหตุ เป็นสินน้ำใจ ที่คปภ.มอบให้
ผมเห็นเป็นข่าวสารควรทราบ เพื่อทุกคน ใครก็ได้ จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ด้วยจิตอาสาในสายเลือด ไปเชียงใหม่ จะที่ไหนก็ตาม ไปขอลงทะเบียนกลุ่มอาสาดับไฟป่าไว้
เผื่อเจอไฟป่าหรือเขาประกาศรับผู้อาสาสมัครไปช่วย เราเข้าไป จับพลัด-จับผลู ยังมีกรมกรรม์ประกันภัยให้อุ่นใจได้บ้าง
แต่ค่ำวาน (๒๘ กพ.) ที่ถนนวิภาวดีรังสิต แถวๆ หน้ากรมทหารราบ ที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์
กลางเมืองหลวงแท้ๆ ….
ปรากฏมี “กองโจร” ไม่ทราบฝ่ายหลายร้อยคน ใช้ชื่อ REDEM โดยหัวหน้าขบวนการไม่กล้าเผยหน้าปรากฏตัว
ใช้วิธีนัดหมายและสั่งการผ่านทาง “เทเลแกรม”
ให้กองโจรบุกหมายเข้าไปในกรมทหารราบ ที่ ๑ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไว้
นี่…อย่างนี้
ผู้มีจิตอาสาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ต้องออกมา ให้เป็นหน้าที่ตำรวจ-ทหารเขา
ที่ผมพูดถึงทหาร เพราะกองโจรโจมตีกรมทหาร ก็ดูทหารเขาว่า จะบริหารปัญหาที่เจาะจงกวนตีนได้ด้วยสติปัญญาแบบไหน?
“ไฟป่า” ว่าธรรมชาติเผา
แต่นี่ “ไฟเมือง” กองโจร REDEM มันจงใจเผา เพื่อสร้างสถานการณ์ปะทะ นำประเทศเข้าสู่ “สงครามกองโจร”
จะจะอย่างนี้ ถ้าดับไม่ได้ ใครล่ะจะดับ?