จากส่องหล้าถึงบิ๊กโจ๊ก – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

วันนี้ คุยเรื่องบุญก่อนเรื่องบาปซักนิด
๒๔ กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
เป็นวัน “มาฆบูชา”
ตั้งใจจะตาม “คุณบรรพต หงษ์ทอง” ไปสวดมนต์ที่พุทธคยาและที่ “ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน” ในวันมาฆะ

แต่ด้วยเจ็บป่วยท้องไส้เปราะ ไปแล้วเกิดเจ้ากรดไหลย้อนมันกำเริบขึ้นมา ก็จะเป็นปัญหาถ่วงคนอื่นเขา
อีกทั้งบุญวาสาผมน่าจะยังไม่ถึงก็เป็นได้ จึงขออนุญาตท่านปลัดบรรพต ขอสวดมนต์วันมาฆะอยู่เมืองไทยละกัน

วัน “มาฆบูชา” สำคัญอย่างไร?
วันมาฆบูชา คือวันที่ “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรกหลังจากตรัสรู้ ๙ เดือน

“โอวาทปาติโมกข์” เป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น
ประกอบด้วย “หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และวิธีการ ๖”

หลักการ ๓ คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

๑.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐

อกุศลกรรมบถ คือทางแห่งความชั่ว ๑๐ ประการ ความชั่วทางกาย เช่น การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม

ชั่วทางวาจา เช่น พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ และ ชั่วทางใจ เช่น อยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

๒.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างที่เรียก “กุศลกรรมบถ” มี ๑๐ ประการเช่นกัน

ความดีทางกาย เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม

ความดีทางวาจา เช่น ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ และ

ความดีทางใจ เช่น ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

๓.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สลัดหลุดจากนิวรณ์ คือเครื่องปิดกั้น ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ

ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

ทั้ง ๓ หลักการข้างต้นนี้ สรุปใจความสำคัญได้ว่า
“ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์” นั่นเอง

(ที่มา-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)

ชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็น ๓ เสาหลักค้ำจุนชาติให้ดำรงคงความเป็นไทย

ดินแต่ละก้อน อิฐแต่ละแผ่น พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์นับแต่ยุคสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงยุคราชวงศ์จักรี
ร่วมจิตวิญญานอาณาประชาราษฎร์ ก่อร่างสร้างขึ้นเป็นบ้านเมือง

ใช้เนื้อและกระดูกถมทับรวมกันแทนดิน ทั้งตอกตรึงเป็นเสาเข็มค้ำยันเป็นฐานรากประเทศ
ใช้หยาดเหงื่อแต่ละหยด ใช้เลือดแต่ละหยาด แทนน้ำปูนชะโลมทาแผ่นอิฐ แผ่นหิน แผ่นดิน ให้ยึดแน่นเป็นนครา
สืบๆ ต่อมา……

จนแต่ละนครา “รวมเลือดเนื้อ” เป็นราชอาณาจักร “ชาติเชื้อไทย” หนึ่งเดียวกันตราบทุกวันนี้

ฉะนั้น….
เมื่อ “มวลสาร” สู่ความเป็น “ประเทศไทย” ประกอบด้วย ๓ คือ “ชาติ-ศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์” เช่นนี้

ถ้า “ส่วนใด-ส่วนหนึ่ง” สูญหายไป….
ไทยก็จะไม่เป็นไทย ประเทศจะวิบัติและล่มสลายกลายเป็น “แผ่นดินจัดสรร” ของพวก “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” แบ่งกันไปครอง!

คุยในส่วนบุญเพื่อชาติแล้ว มาถึงบุญในส่วนของเรากันบ้าง

“หลวงพ่อทวด” ที่ช่วยกันสมทบเงินกว่า ๑๗ ล้าน สร้างต่อให้เต็มองค์ หลังจากหลวงพ่อผัน สร้างค้างไว้ครึ่งองค์มานานกว่า ๒๐ ปี ที่วัดทรายขาว ทุ่งหวัง เมือง สงขลา นั้น

การเททอง “ปฐมฤกษ์” ในชิ้นส่วนแรก สู่การเติมให้เต็มองค์ สำเร็จไปแล้ว เมื่อ ๘ กุมภา.

“พระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์” เจ้าอาวาสวัดทรายขาว แจ้งมาว่า

วันมาฆบูชา ที่ ๒๔ กุมภา.นี้ จะประกอบพิธีเททอง “ชิ้นส่วนที่ ๒” จึงขอเชิญพี่น้องชาวสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงไปร่วมพิธี-และอนุโมทนาร่วมกัน

ส่วนเรื่อง “พระกริ่งหลวงพ่อทวด” รุ่นเต็มองค์ ที่แพรนด้า จิวเวอรี่ มีศรัทธาสร้างถวาย ๑๐,๐๐๐ องค์ ให้ผู้มีศรัทธานำไปบูชานั้น

มีบางท่านติดต่อมาที่ผม ขอเรียนว่า พระกริ่งหลวงพ่อทวดทั้งหมด เข้าพิธีพุทธาภิเษก อยู่ที่วัดทรายขาวแล้ว

“คุณปราโมท เตียสุวรรณ์” แห่งแพรนด้า ผู้หล่อถวาย แจ้งว่า เพื่อการบริจาค ๘๙๙ บาท ต่อ ๑ องค์

เงินที่ได้ทั้งหมด นำไปสมทบสร้างวิหารประดิษฐานสรีระสังขาร “หลวงพ่อผัน” คู่ขนานกับการสร้างหลวงพ่อให้เต็มองค์

“หลวงพ่อผัน” คือ “พระเทพญาณโมลี” อดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้วและสรีระท่านแข็งเป็นหินอยู่ที่วัด ทุกวันนี้

ฉะนั้น ท่านที่ต้องการ “พระกริ่งหวงพ่อทวด” รุ่นเต็มองค์ แกะแบบและหล่อโดยฝีมือช่างแพรนด้า ระดับเวิลด์ คลาส
โอนเงิน ๘๙๙ บาท เข้าบัญชี “กสิกรไทย” เลขบัญชี ๑๗๕-๘-๙๖๕๐๓-๘
ชื่อบัญชี “พระครูสังฆรักษ์พิเชษฐ์” เจ้าอาวาสวัดทรายขาว

หรือติดต่อ Line fang 3559 หรือโทรศัพท์ คุณฟาง เบอร์ ๐๙-๑๒๙๙-๒๖๙๘ เพื่อแจ้งสถานที่จัดส่งได้เลย

เอาละ…
ทีนี้มาเข้าส่วนบาปกันบ้าง หรือจะเป็นบุญก็ได้นะ เพราะคนที่คุยถึง ต้องนับว่าเป็นคนมีบุญ “ล้นบ้าน-ล้นเมือง” จริงๆ
นั่นคือคุณ “ทักษิณ”!

ต้องขอบคุณ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน” ที่ทำให้ได้เห็นโฉมหน้า “ผู้ป่วยวิกฤต” อันอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ตามแพทย์รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์แถลง

สมเด็จฮุนเซนมาเยี่ยม “พี่ชาย” ถึงจันทร์ส่องหล้าเมื่อวาน ก่อนกลับ….
โพสต์เฟซรูปคู่ทักษิณ ทำให้เห็นหน้าคนป่วยขั้นวิกฤตชัดๆ

ต้องร้อง โอ้โฮ… “นี่น่ะหรือคนป่วยขั้นวิกฤต?”
หน้าตาอิ่มเอิบ วรรณะผ่องเป็นยองใย ประกายตาเท่านั้น ซ่อนแววหม่นไว้ในความกังวลเต็มใบหน้า

สมเด็จฮุนเซน ที่เรียกตัวเองว่า “น้องมาเยี่ยมพี่ชาย” ด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกัน น้องชายดูจะหงำและโทรมศรีกว่าคนเป็นพี่ชายซะอีก!

เว้นแต่แววตาสมเด็จฮุนเซนที่ทอประกายสุข-สำเร็จ-สมหวัง ที่ส่งมอบตำแหน่งนายกฯ เป็นมรดกอำนาจครองเมืองให้ลูกชายผ่านพ้นไปด้วยดี

สมเด็จฮุนเซนโพสต์ด้วยภาษาเขมร สื่อเขาถอดความมาเป็นไทยได้ประมาณว่า

“ได้มาเยี่ยมบ้านของทักษิณ ชินวัตร ที่กรุงเทพฯ แม้ว่าท่านจะเจ็บป่วย แต่ยังมีความเป็นพี่น้อง
โดยมีอุ๊งอิ๊งลูกสาวคนเล็ก และเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพ ยังได้เชิญอิ๊งไปเยือนกัมพูชา ในวันที่ 14-15 มีนาคม 2024

เมื่อ 2 อดีตนายกฯ ได้พบกัน ไม่คุยเรื่องการเมือง แต่ชวนให้นึกถึง 32 ปีแห่งมิตรภาพ ที่อยู่มาด้วยกันตั้งแต่ปี 1992 ขอบคุณพี่ชายและหลานสาวที่ต้อนรับ”

ยุคเพื่อไทยของทักษิณเป็นรัฐบาลนี่….
ดูเหมือนสมเด็จฮุนเซนคล้ายถูกหวยรางวัลที่ ๑ สองงวดซ้อน

ในความเป็นพี่-เป็นน้องที่เป็น “เจ้าของรัฐบาล” เหมือนๆ กัน จึงนึกจะมา-ก็มา, นึกจะไป-ก็ไป
นึกจะพูด นึกจะโพสต์อะไร ก็ไม่ต้องมากมรรยาท พูดได้-โพสต์ได้ โดยไม่ต้องเห็นหัวใคร

คิดดูซี คนรวยระดับแสนล้าน ล้านล้านบาท มีถมไป
แต่จะมีซักกี่คนในโลก รวยแล้วยังมีแถมได้เป็น “เจ้าของรัฐบาล”

ฉะนั้น ต้องเรียกว่า เมื่อวาน ๒ อภิชน ผู้มีรัฐบาลเป็นสมบัติตระกูลตัวเองมาพบกัน
รอทักษิณ ส่ง “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเป็นนายกฯ อีกขั้น ทีนี้ก็…เขมร-ไทย ไม่มีใครน้อยหน้าใคร

“ทักษิณ-ฮุนเซน” ต่างมีรัฐบาลเป็นของตัวเองและต่างมีลูกเป็นนายกฯ บริหารประเทศเสมอเหมือนกัน

พูดแล้วอิจฉา ชาติหน้ามีจริง ขอเกิดเป็นฮุนเซนบวกทักษิณ ผูกขาดอำนาจ แต่คุกไม่เอา ซัก ๑๐ ชาติเถิด!

ขอแถมท้ายหน่อย เพราะค่ำวาน…
ฟังข่าว “พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว” รองผู้บญชาการสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์คดี “เครือข่ายเว็บพนันมินนี่”

ท่านพูดประโยคหนึ่ง จี๊ดใจผมเลย ท่านว่า
“แมวอาจมี ๙ ชีวิต แต่จะไม่มีชีวิตที่ ๑๐”!

คนอื่นฟังไม่สดุ้ง
แต่บิ๊กโจ๊ก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รองผบ.ตร.ที่ใครๆ บอกว่าท่านเป็น “แมว ๙ ชีวิต” ต้องสะดุ้งแน่!

เพราะพล.ต.ต.จรูญเกียรติบอก คดีมินนี่ แยกเป็น ๒ สำนวนคดี
คดีแรก ผู้ต้องหา ๖๑ นาย มีทั้งตำรวจและไม่ใช่ตำรวจ

ส่วนอีกคดี เป็นการ “สืบสวนขยายผล”
พบผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มอีก ๕ ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้องทุกข์กล่าวโทษสำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.แล้ว

๑ ใน ๕ รายนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ รับว่ามี “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” หรือบิ๊กโจ๊ก รวมอยู่ด้วย
ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา ๑๕๗และ ๑๔๙!

ต้องยอมรับว่า นายตำรวจที่มาแรง-แซงทุกโค้ง เป็นขวัญใจชาวบ้านตอนนี้ ต้องยกให้ “พล.ต.ต.จรูญเกียรติ”

ท่านพูดถึงคดี “เว็บพนันมินนี่” ทีไร
ไม่รู้ท่านไปกินดีหมี-ดีเสือมาจากไหน ใส่เกียร์ ๕ ชนแหลก ไม่เกรงหน้าอินทร์-หน้าพรหม

ก็ขอให้ทำจริงตามพูดเถอะ ผมเชียร์มิดด้ามเลย ศักดิ์ศรีและศรัทธาความเชื่อมั่นในองค์กรตำรวจ ต้องบอกว่า ตอนนี้ มีแต่ท่านคนเดียว

เป็น “ความหวังชาวบ้าน” ในการกู้ให้ศรัทธาคืนกลับ!

ฟังสำเนียงพูดท่าน กระเดียดทางเพชรบุรีคนใกล้บ้านผม วันนี้คุยเท่านี้ ขอไปศึกษาปูมประวัติท่านดูก่อน แล้วจะนำมาคุยกันต่อ

ตำรวจดี มีที่ให้ยืน…ไม่พอ
ต้องมีประชาชนเป็น “กำแพง” ให้พิงด้วย

ฉะนั้น ต้องช่วยกันเป็นกำลังใจให้มือปราบ “แมว ๙ ชีวิต” นะพวกเรา!

เปลว สีเงิน
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Written By
More from plew
ธรรมนัสกับจริยธรรม – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เมื่อ ๕ พค.๖๔ นั้น “ดีนักหนา” “ดี” ถึงขั้นต้องบอก...
Read More
0 replies on “จากส่องหล้าถึงบิ๊กโจ๊ก – เปลว สีเงิน”