วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 – นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐได้ออกมาให้กำลังใจนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และสส.พรรคก้าวไกลอีก 4 ท่านที่ได้โหวตสวนมติของพรรคก้าวไกล
ซึ่งถือเป็นการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างดียิ่งในการเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน
นายสามารถ ฯ กล่าวว่า จากการที่ตนได้รู้จักนายคารม ฯ ตนสัมผัสได้ว่านายคารมฯเป็นนักการเมืองที่มีหัวใจจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเห็นได้ว่าในการโหวตสวนมติพรรคในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ประมวลอาญา ซึ่งนับเป็นความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ต่อบูรพมหากษัตริย์ที่ต่อสู้เพื่อปวงชนชาวไทยจนมีราชอาณาจักรไทยทุกวันนี้
นายสามารถกล่าวเพิ่มเติมว่าตนเคยกล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลอยู่หลายครั้งว่า อย่าทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคของตนเอง และอย่าเห็นบุคคลอื่นหรือบุคคลภายนอกดีกว่าสมาชิกพรรค
ดังเช่นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนางสาวพรรณิการ์ วานิช นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดกลุ่มม็อบราษฎร
เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคและการรับฟังบุคคลอื่น หรือเป็นร่างทรงให้ผู้อื่นแบบไม่มีจุดยืนในการปกป้องสมาชิกพรรคของตนเองอาจจะทำให้ถูกยุบพรรคได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ตนมีความห่วงใยในเรื่องกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลมากเพราะตนเองก็มีคาดหวังเหมือนกับประชาชนทั่วไปที่มองมาจากภายนอก ตั้งแต่วันแรกที่นายพิธา ฯเข้าสู่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความโดดเด่นในการอภิปรายโมเดลกระดุม 5 เม็ด แต่มาวันนี้ ตนมองว่ากระดุม 5 เม็ดที่นายพิธาเคยวาดฝันไว้นั้นพังทลายไปหมดแล้ว ตนต้องการให้นายพิธาฯได้ทบทวนและอย่าได้ลงโทษสมาชิกพรรคทั้ง 4 ท่านที่ได้ออกมาใช้สิทธิอันชอบธรรมของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นายสามารถฯกล่าวเพิ่มเติมว่าตนมั่นใจว่า สส.พรรคก้าวไกลอีกจำนวนมากจะออกมาตบเท้าฝืนมติของนายพิธาฯทุกครั้งที่มติพรรคนั้นสวนความรู้สึกของพ่อแม่พี่น้องประชาชน อย่าลืมนะครับว่า “ส.ส.คือ คนของประชาชนไม่ใช่ร่างทรงของคนใดคนหนึ่งครับ”
ตนจึงอยากให้นายพิธาควรทบทวนตัวเองและตัดผมตัวเองเพื่อเป็นการขอโทษพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เลือกเข้ามาเพราะตอนเลือกตั้งก็ไม่เคยบอกพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่าจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ตอนนี้ก็จะมาแก้ มาตรา112 ซึ่งถือว่าทรยศเสียงพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เลือกมาเช่นกัน
ผมจึงขอให้พิธาตัดผมแทนหัวแบบครั้งนึงในสมัยโบราณโจโฉ เคยใช้ ถ้านายพิธาไม่รู้ก็จะบอกให้ว่า ตอนนั้นโจโฉตรากฎห้ามทหารใดทำลายต้นข้าว หากฝ่าฝืนลงโทษประหารตัดหัว แต่แล้วระหว่างเดินทัพม้าของโจโฉตื่นกระต่าย ลุยย่ำนาข้าวเสียเอง โจโฉจึงเรียกให้นายทหารเสนาธิการ ประกาศกฎพร้อมจะตัดหัวตัวเองเซ่นกฎกองทัพ
ในตอนนี้ ซุนฮกจึงเข้าห้ามไว้แล้วบอกว่า “กฎไม่ใช้กับผู้สูงศักดิ์ ” และขอให้นำทัพปราบกบฎ ทำคุณไถ่โทษ โจโฉจึง”ตัดผมแทนหัว” เพื่อคงความศักดิ์สิทธ์ของวินัยทัพ
ตนจึงคิดว่าถ้านายพิธาตัดผมแทนหัวแบบโจโฉก็น่าจะเป็นการหยุดเลือดไหลของ สส พรรคก้าวไกลได้ และ เป็นการขอโทษพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เลือกมา อยากให่นายพิธาได้ทบทวนทุกการกระทำต่อจากนี้ให้ดี นายสามารถกล่าวทิ้งท้าย