วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความกังวลของฝ่ายการเมือง ตอบประเด็นการได้มาซึ่งวัคซีน covid-19 ระบุว่า ทุกวันนี้แผนการจัดหาวัคซีนของไทยก็ยังไม่สะดุด อาจจะมีกล่าวถึงความขลุกขลักบ้างเล็กน้อยแต่แผนหลักแผนรองก็ยังเป็นไปตามเป้าหมาย เราจะได้วัคซีนล็อตแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์ประเด็นก็คือ ยังไม่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์แต่กลับมีการวิพากษ์วิจารณ์แล้วว่าทางผู้ที่เกี่ยวข้องทำงานล้มเหลว
ทั้งที่ข้อเท็จจริง การหารือกับผู้ผลิตวัคซีน จากประเทศจีน ความคืบหน้าล่าสุด ได้จ่ายเงินมัดจำ และออกใบสั่งซื้อแล้ว ตามแผนมีกำหนดส่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ขณะที่วัคซีนซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตได้เอง ก็มีเอกสารกำหนดส่งวัคซีนเช่นกัน ระบุว่า จะได้ภายในกลางปีนี้
จะเห็นว่า ทางการไทยทำทุกอย่างได้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระบวนการจัดหาวัคซีน เป็นไปตามหลักวิชาการ มีนายแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญคอยพิจารณาอยู่เบื้องหลัง ซึ่งกาารคิดคำนวณ ต้องดูทั้งเรื่องราคา ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล การเก็บรักษา และอีกหลายปัจจัยเพื่อให้เหมาะสมกับประชาชนคนไทยและประเทศไทยมากที่สุด
หากได้วัคซีนแบรนด์หนึ่งมาแต่ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำมากๆ ประเทศไทยพร้อมทุ่มงบเรื่องการจัดเก็บหรือไม่ ถ้าซื้อจำนวนมากๆ ประเทศไทยจะยอมรับความเสี่ยงกับการที่วัคซีนหมดอายุหรือไม่ และการทุ่มงบซื้อ แบบรวดเดียวจบ จนทำให้เราไม่มีโอกาสเลือกวัคซีนที่จะออกมาในอนาคตประเทศไทยจะยอมรับได้หรือไม่
ขอย้ำว่าทีมพิจารณาวัคซีนเลือกบนพื้นฐานหลักวิชาการเลือก บนพื้นฐานด้านการสาธารณสุข เพื่อให้ประเทศไทยได้วัคซีนที่เหมาะสมและดีที่สุด หากย้อนกลับไป ประเทศไทย เป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคที่บรรลุข้อตกลงจัดหาวัคซีนในปริมาณมหาศาล จากผู้ผลิต ในยุโรป
ซึ่งสถานการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 แผนการของไทยนับว่าสมบูรณ์แบบมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดการระบาดรอบใหม่ ประเทศไทยจึงได้มีการวางแผนเพิ่มเติมขึ้นมาในการจัดหาวัคซีนเพื่อให้เกิดความอุ่นใจกับผู้ปฏิบัติงาน กลายเป็นความพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และแผนการดังกล่าวก็ยังดำเนินต่อไปตามที่กล่าวมา ในส่วนแผนการกระจายวัคซีน จะฉีดได้เดือนละ 10 ล้านโดส ประเทศไทย จะฉีดให้ประชาชนได้ตามเป้าภายในปี 2564
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องไทยไม่ได้รับวัคซีนจากโครงการ Covax ว่า ประเทศไทย เลือกวัคซีนแบรนด์หนึ่งเป็นหลัก และที่สุดแล้ว Covax ก็เลือกวัคซีนแบรนด์นั้น มาอยู่ในตัวเลือก ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้พิจารณา ประเด็นคือการซื้อผ่านโครงการ Covax จะมีค่าธรรมเนียม เพิ่มขึ้นมาจากมูลค่าวัคซีน
แต่ไทย ซื้อ กับผู้ผลิตโดยตรง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าว ส่วนที่บอกว่า หากซื้อกับ Covax จะได้วัคซีนเร็วกว่า ก็ต้องดูว่า ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ได้ไปหรือยัง จะได้เมื่อไร และได้เท่าไร ภายในกลางปีนี้ หากเทียบในภูมิภาคนี้ จะมีใครได้ล็อตใหญ่ 61 ล้านโดสเหมือนไทยหรือไม่
ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาว่ารัฐผูกขาดวัคซีน ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันนี้เป็นการจัดหาภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่รัฐ จะเป็นฝ่ายควบคุมการจัดหา ให้บริการวัคซีนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สอดรับกับความจริงทีว่าวัคซีนที่โลกกำลังใช้อยู่ เป็นวัคซีนที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ยังมีข้อกังขาเรื่องความเสถียร ซึ่งสมควร ที่รัฐ จะต้องเข้าไปจัดการอย่างเป็นเอกภาพ เป็นสิ่งที่ทั่วโลก ล้วนปฏิบัติเหมือนกัน
แต่เมื่อวันหนึ่ง วัคซีน ได้รับการพัฒนาจนมั่นใจว่ามีความปลอดภัย 100% รัฐก็จะคลายกฎข้อบังคับ และให้เอกชนเข้ามาทำหน้าที่จัดหาและบริการได้
