เห็นพม่าตีหม้อก็ตีตาม – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

พักนี้มีเรื่องวุ่นๆ เยอะครับ

            ม็อบสามนิ้วตีหม้อ คาดหวังว่าจะได้อานิสงส์จากสถานการณ์ชุมนุมประท้วงการรัฐประหารที่เมียนมา ซึ่งทำท่าจะบานปลาย

บวกกับปัจจัยเสริมในประเทศ พอให้ได้งับเต็มคำ

            นับๆ ดูก็มีอยู่หลายเรื่อง หลายประเด็นร้อน

            การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยืดออกไป เพราะรัฐสภาเสียงข้างมากมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจและหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ ด้วยมติที่เห็นแล้วเสียว

            ๓๖๖ ต่อ ๓๑๖ งดออกเสียง ๑๕ คน

            เกินเสียงของฝ่ายค้านมานิดหน่อย

            นั่นแสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. เสียงแตก!

            มหกรรมซักฟอกรัฐบาล ๑๖-๑๙ กุมภาพันธ์ พุ่งเป้าไปที่  ๑๐ รัฐมนตรี ฝ่ายค้านเขียนญัตติมีเนื้อหาพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

            แต่อาจต้องเลื่อนออกไป เพราะ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากเป็นญัตติที่หมิ่นเหม่ต่อการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นการเมือง

            ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล นัดกันแล้ว วันนี้ (๑๐ กุมภาพันธ์) เสนอแก้ไข ม.๑๑๒ อ้างว่าเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

            “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำทีม ยื่นให้นายหัวชวน

            พร้อมกับแก้กฎหมายสำคัญอีก ๒ ฉบับคือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ

            อ้างว่าคุ้มครอง และประกันเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ตามหลักการขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย

            แต่ในโลกความเป็นจริง นี่คือการเปิดทางให้ม็อบ ๓ นิ้วสามารถชุมนุม และเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมาย

            ก๊วน “พิธา” คงได้เจอกับทีม “หมอวรงค์” ที่นัดหมาย  “นายหัวชวน” ไว้เช่นกัน เพื่อยื่น ๑๐๑,๕๖๘ รายชื่อ เป็นตัวแทนประชาชนส่วนใหญ่ แสดงเจตนารมณ์ คัดค้านการแก้ไขมาตรา ๑๑๒

            ส่วนแกนนำม็อบ ๓ นิ้วนั้น หลังเกิดปรากฏการณ์กระบวนการยุติธรรมจับแล้วปล่อย

            จนถูกตั้งคำถาม จะจับปล่อยไปถึงเมื่อไหร่?

            สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (๙ กุมภาพันธ์) ถูกส่งไปดูงานเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย

            และไม่รู้เมื่อไหร่จะปล่อย!

            เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, ปติวัฒน์  สาหร่ายแย้ม-หมอลำแบงค์ และสมยศ พฤกษาเกษมสุข คอตกไปเรียบร้อยแล้ว หัวเกรียนกันอีกรอบ

            มีอยู่ ๒ สำนวนครับ

            สำนวนแรก (คดีชุมนุมม็อบเฟสต์) มีผู้ต้องหารายเดียว คือเพนกวิน ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.๑๑๒, ยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.๑๑๖ และชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

            อีกสำนวน (คดีชุมนุม ๑๙-๒๐ ก.ย.๖๓ ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง) ในข้อหาตาม ม.๑๑๒,  ม.๑๑๖, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.๒๑๕,  ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวม ๑๑ ข้อหา

            คำสั่งศาลก็ตามนี้….

            “….พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ  ต่างกรรมต่างวาระ ตามข้อกล่าวหาเดิมหลายครั้งหลายครา

                กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ทราบและคืนหลักประกันทั้งสองสำนวน….”

            ม็อบเย็นวันนี้ก็จะเหลือ “รุ้ง” กับ “ไมค์” คู่จิ้นตีหม้อเป็นหลัก

            ตามสูตรนี้ “ไอ้เฒ่า” ที่อยู่หลังม็อบ ๓ นิ้วประเมินว่าเข้าทาง แม่น้ำหลายสายบรรจบกันตั้งแต่ช่วงกลางเดือนนี้เป็นต้นไป

            ๓ นิ้วจะทะลัก! ไม่น้อยหน้าม็อบในเมียนมา

            เขาว่างั้นนะ!

            ไปดูสถานการณ์ของเมียนมากันหน่อยครับ เพราะกำลังเริ่มเข้าสู่วิกฤติ

            โซเชียลที่โน่นเขาเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายๆ ตามนี้

            นายพลอาวุโส Min Aung Hlaing ได้ออกแถลงการณ์ในเวลา ๒๐.๐๐ น. ของวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ โดยมีใจความสำคัญดังนี้

            ๑.จากการตรวจสอบผลการเลือกตั้งพบการทุจริตเลือกตั้ง ๑๐.๔ ล้านรายชื่อ โดยทาง Union Election Committee  (UEC) กำลังตรวจสอบ

            ๒.ทาง State Administrative Council จะดำเนินการเจรจากับชนกลุ่มน้อยเพื่อดำเนินการตามแผนหยุดยิง  (Nationwide Ceasefire Agreement)

            ๓.ทาง State Administrative Council จะเปิดให้มีการเลือกตั้งและคืนอำนาจให้แก่ผู้ชนะการเลือกตั้งในการบริหารประเทศ

            ๔.ประเทศยังเปิดและสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุน

            ๕.ยังดำเนินนโยบายการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชนตามแผนเดิม

            ๖.จะดำเนินการนำชาวโรฮีนจากว่า ๘๔๐,๐๐๐ คน กลับมายังเมียนมาจากชายแดนบังกลาเทศ

            ๗.ขอให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการธนาคารกลับมาให้บริการตามปกติ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินต่อไปได้

            ทางฝั่งประชาชนทั่วประเทศมีการเคลื่อนไหวพร้อมใจกันหยุดงานและเดินขบวนประท้วงต่อเนื่อง เริ่มมีความรุนแรง  ตำรวจยิงน้ำความดันสูง และกระสุนยางใส่ฝูงชน

            มีประกาศห้ามชุมนุมตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป โดยให้อำนาจแก่ตำรวจในการควบคุมฝูงชนและผู้ฝ่าฝืน

            เคอร์ฟิวระหว่างเวลา ๒๐.๐๐-๐๔.๐๐น. ตามเมืองและอำเภอหลักๆ ทั่วประเทศ

            พล.อ.ยอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ( RCSS) และรักษาการประธานคณะทำงานกระบวนการสันติภาพเมียนมา หรือ PPST ประกาศไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร

                PPST ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ๑๐ กลุ่ม

            ปัญหาภายในเมียนมาซับซ้อนกว่าไทยมาก เราไม่มีความขัดแย้งทางชาติพันธุ์

            จะสังเกตเห็นได้ว่าที่ เมียวดี ตรงข้ามแม่สอด ขณะที่ตำรวจเมียนมากำลังสลายการชุมนุม จู่ๆ กองกำลังกะเหรี่ยง  DKBA ติดอาวุธสงครามเต็มพิกัด มาร่วมวงด้วย ก็แตกฮือกันทุกฝ่าย

            ขณะที่ขบวนการกอบกู้รัฐฉาน ไม่ลงรอยกับทหารเมียนมา มายาวนาน และคาดหวังว่า อองซาน ซูจี จะเป็นปากเป็นเสียงให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้

            การแสดงท่าทีของ เจ้ายอดศึก ที่มีความใกล้ชิดกับไทย  จึงเป็นที่กระอักกระอ่วนใจของคณะรัฐประหารในเมียนมา

            จะพบว่าสิ่งที่ต่างระหว่างม็อบไทยกับม็อบเมียนมาประการสำคัญคือ

            เมียนมามีนักการเมืองที่เทียบได้กับผู้นำทางจิตวิญญาณคือ “ซูจี”

            ส่วนไทยเราไม่มีผู้นำมวลชน หรือนักการเมืองแบบนั้น

            คิดได้แค่นัดตีหม้อเลียนแบบเมียนมา.

Written By
More from pp
ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไป 2 เดือน และขยายเวลาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่นำไปผลิตกระแสไฟฟ้า ออกไป 6 เดือน
ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 เห็นชอบขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไปอีก 2 เดือนและขยายเวลาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาที่นำไปผลิตกระแสไฟฟ้า ออกไปอีก...
Read More
0 replies on “เห็นพม่าตีหม้อก็ตีตาม – ผักกาดหอม”