เปลว สีเงิน
หนักใจแทนนะ…ทอน!
ไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้ ใครเสีย” ในเกมล้มเจ้าของคุณหลายวันก่อนนั่นน่ะ
เมื่อวาน (๓๑ มค.๖๔) เห็นข่าว “ศาลอาญา” สั่งให้ระงับคือให้ลบไลฟ์สดที่เผยแพร่ทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์
ศาลระบุ “กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร”
แบบนี้ หนีไม่พ้นมาตรา ๑๑๒ และพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา ๑๔(๓)
และไม่เพียงที่ฝ่ายกฎหมายกระทรวงดิจิทัลไปแจ้งความไว้ที่ปอท.แค่นั้นนะ
เห็น “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” แกนนำกลุ่มไทยภักดี บอก จะไปแจ้งความให้ดำเนินคดีทอน ตามมาตรา ๑๑๒ อีกราย
หมอวรงค์ มีหมายเหตุทัดหูไว้ด้วย….
Next Station “ปิยบุตร ตามด้วยแอมมี่กับทราย”!
ทรายนี่ เค้าหน้าเหมือนพ่อคือ “รุจน์ รณภพ” นะ
รุจน์เป็นดาราหนัง หล่อม้ากกก มีเสน่ห์ในตัว หญิงติดเกรียว
นอกจากเล่นหนังเก่ง ยังแทงสนุ๊ก-แทงบิลเลียดเก่งอีกตะหาก เห็นพวกผมเล่นกัน คุณรุจน์ยืนดูยิ้มๆ
แทงให้ดู ขนาดเขย่งขา-หลับตาข้าง หลุมร้องโอ๊ยยยทุกหลุม!
พ่อน่ารัก ไม่นึกว่าลูกสาวที่ชื่อทราย จะน่าชังขนาดนี้!
ทำไม ธนาธรจึงคลั่งแค้นและริษยา-อาฆาตเจ้า?
ถึงขนาดนำเรื่องวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา ไปผูกโยงกับสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นแค่โรงงานที่แอสตราเซเนกา “จ้างผลิต” ส่งให้เขา
ไปพูดบิดเบือนเป็นว่า “วัคซีนพระราชทาน” แล้วขมวดเป็นคำถามชี้นำ ว่า”ใครได้-ใครเสีย”?
มันมองเป็นอื่นได้เลย นอกจาก “จงใจบิดเบือนด้วยข้อมูลเท็จ” หวังให้คนฟัง หลงเข้าใจ ว่า….
รายการนี้ รัฐบาลผูกขาดให้ “บ.สยามไบโอฯ” ทั้งผลิต-ทั้งขาย “ได้ทั้งเงิน-ทั้งกล่อง” เจ้าเดียว ส่วนประชาชน มีแต่เสียกับเสีย เพราะเงินที่ซื้อ “ภาษีประชาชน”
ซึ่ง” ไม่ใช่เลย”!
ที่เป็นจริง คือ รัฐบาลจองซื้อกับ “แอสตราเซเนกา” เหมือนประเทศอื่นๆ เพียงแต่แอสตราเซเนกาว่าจ้างให้บ.สยามไบโอฯ ผลิตวัคซีนให้เขา
และภูมิภาคอาเซียนนี้ แอสตราเซเนกาให้สยามไบโอฯ เป็นผู้ผลิตจำหน่ายแต่ผู้เดียว ในราคามนุษยธรรม คือ “ราคาถูก”
นั่นคือ สยามไบโอฯ เป็นของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในหลวงรัชกาล ที่ ๑๐ ถือหุ้น ๑๐๐%ตามกฎหมายก็จริง
ก็ไม่มีสิทธิ์และไม่สามารถนำวัคซีนที่ผลิตออกจำหน่ายจ่ายแจกให้ใครอื่นได้
จะถือว่า เป็นบริษัทของไทย “ผลิตเอง-ซื้อเอง-ขายเอง” ได้ตามใจชอบ จะเอาเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่ง “มันไม่ใช่” อย่างนั้น อย่างที่ธนาธรชี้นำให้คนหลงเข้าใจอย่างนั้น
ข้อเท็จจริง คือ สยามไบโอฯ เป็นเพียง “โรงงานรับจ้างผลิต”
ผู้จ้างผลิต คือ”บริษัท แอสตราเซอเนกา จำกัด”
วัคซีนที่ผลิตนี้ เจ้าของ คือ “แอสตราเซเนกา”
นั่นคือ ใครจะซื้อ ต้องไปสั่งซื้อกับแอสตราเซเนกาโดยตรง และแอสตราเซเนกา จะเป็นผู้ส่งมอบวัคซีนให้ ตามล็อตที่สั่งซื้อ
แม้กับไทยเราเอง…..
ตกลงซื้อกับแอสตราเซเนกาไว้จำนวนเท่าไหร่ ก็ต้องรอรับจากที่แอสตราเซเนกาจะส่งมอบให้เท่านั้น
ไม่มีสิทธิ์ไปสั่ง-ไปซื้อกับสยามไบโอฯ ได้โดยตรงเลย!
ดังนั้น ปัจจุบันนี้ “วัคซีนพระราชทาน” จึงไม่มี ไม่จริงตามธนาธรพูด
มีแต่วัคซีนรัฐบาลใช้เงินงบประมาณสั่งจองซื้อกับแอสตราเซเนกาในราคามนุษยธรรม
ด้วยข้อเท็จจริงนี้…….
การที่นายธนาธร ใช้คำว่า “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้ ใครเสีย?” โดยใช้ลีลาพูด โยงเรื่อง-เชื่อมคำ หวังให้คนเข้าใจผิด ว่า เงินภาษีซื้อแท้ๆ แต่คนได้ชื่อ-ได้หน้าเป็นว่า “วัคซีนพระราชทาน”
เนี่ย….
แบบนี้ “เจตนา-จงใจ” ต่อสถาบันชัดๆ บวกกับพฤติกรรมดังที่รู้-ที่เห็นผ่านขบวนการล้มเจ้า
มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแล้ว ประเด็นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา ๑๑๒ หรือไม่ ไม่ต้องตีความอะไรเลย!
แก๊งนี้เขาชอบพลิ้วคำหวังเลี่ยงกฎหมาย แต่พุ่งตรงเป้าหมาย อย่างทอน “วัคซีนพระราชทาน”
ปิยบุตร ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายสำนักตูลุสเหมือนกัน ไลฟ์สดวันต่อมาจากธนาธร
ตั้งหัวข้อเรื่องว่า “การปฎิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีและตำแหน่งกษัตริย์”
แล้วใช้ลีลาภาษาพลิ้ว ให้คนฟัง สรุปเข้าใจเอาเองตามกระสุนวิถีโค้ง ที่เขาปูเรื่อง โยงใย ให้ไหลคิดไปตามทางนั้น
เช่นที่เขาไลฟ์สดว่า……
เหตุใดประมุขของรัฐในแทบทุกประเทศต้องมีการปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง?
ข้อความและเนื้อหาของถ้อยคำปฎิญาณตนมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
และต้องปฏิญาณเพื่อแสดงสัญลักษณ์ใด?
หลายประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ต้องปฏิญาณตนต่อหน้ารัฐสภาหรือในที่สาธารณะ
ประเทศที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขก็ต้องปฏิญาณตน แต่ในประเทศไทยผู้เข้ารับตำแหน่งต่างๆ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือตำแหน่งที่ต้องใช้อำนาจรัฐ ก็ล้วนต้องทำการปฏิญาณตน
แต่มีตำแหน่งเดียวที่ไม่ได้กำหนดไว้!
แหม….
ทำเป็นคลาสสิกภาษา เจตนาจิกถึงใคร แน่จริงก็พูดไปตรงๆซี
“ตำแหน่งเดียว” ที่ปิยบุตรพูดถึง เจตนาถึงผู้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ใช่มั้ย?
ปิยบุตรนึกว่าไม่มีการปฏิญานตนในการสถาปนาหรือการพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์งั้นรึ?
ก่อนตอบ ขอถามปิยบุตรเป็นความรู้คำ
คนที่คุณเรียกว่า “พ่อ” นั้น เขาได้ปฏิญานตนเป็นพ่อคุณหรือเปล่า?”
ถ้าปิยบุตรตอบตรงนี้ได้ ก็ตอบในเรื่องที่คุณตั้งประเด็นนี้ได้
ในสังคมชาติ เป็นประเพณีการปกครองสืบต่อกันมาในคำว่าชาติไทย เริ่มแรกแต่ยุคพ่อขุนบางกลางท่าว ประมุข คือผู้นำสังคมชาติ ได้รับการเคารพยกย่องขึ้นอยู่ในสถานะ “พ่อ”
เป็นพ่อในจิตวิญญานเคารพนบนอบของประชาชน จำเป็นอะไร ต้องให้พ่อปฏิญานตน หือ…ปิยบุตร?
พ่อก็คือพ่อ มีหรือ (วะ) เป็นพ่อผ่านทางปฏิญานตน หรือพ่อของปิยบุตร ได้เป็นพ่อผ่านทางการปฏิญานตน ไม่ใช่พ่อที่เป็นพ่อของปิยบุตร?
นี่พูดตามนัยโจทย์ของปิยบุตรนะ
แต่พูดตามครรลองครองธรรมที่เรียกประเพณีแล้ว มี…ใช่ว่าไม่มี
เรียกว่า “พระราชปณิธาน” หรือ “พระปฐมบรมราชโองการ”
เมื่อ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นต่อหงสาวดีอีกต่อไป ที่เมืองแครง พ.ศ.๒๑๒๖
ทรงหลั่งพระน้ำเต้าทองคำ ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดิน เป็นพระราชปณิธาน ว่า
“ขออัญเชิญเทพยดา อันมีมหิทธิฤทธิ์ ทิพยจักขุ ทิพยโสต จงลงมาเป็นทิพย์พยาน ด้วยพระเจ้าหงสาวดีคิดไม่ซื่อ ประพฤติพาลทุจริต เสียสามัคคีรสธรรม
นับแต่บัดนี้ กรุงพระมหานครศรีอโยธยาและหงสาวดี หาได้เป็นสุวรรณปฐพีเดียวกันเฉกเช่นกาลก่อน ขาดกันแต่นี้ไป ตราบชั่วกัลปาวสาน”
เห็นมั้ย…ปิยบุตร!
คำปฏิญานตนก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งประมุข ตำแหน่งพระมหากษัตริย์ ต่างกับพระราชปณิธานหรือพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตรงไหน?
มีทุกยุค-ทุกสมัย-ทุกรัชกาล เป็นศาสตราจารย์เสียเปล่า เขายาวคนเดียวไม่พอ ยังลากเขาอวดไปทั่ว
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ดี สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็ดี เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ ก็ทรงประกาศพระราชปณิธานทุกพระองค์
กระทั่ง “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาล ที่ ๑๐ วันพระบรมรชาภิเษก ก็ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ หรือพระราชปณิธาน
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
จำไม่ได้หรือปิยบุตร?
อืมมมม ถ้า “จิตคด” ก็ยากจำเนอะ !
เอาเถอะ วันหลังจะยกมาให้ปิยบุตรท่องจำให้ครบทุกรัชกาลเลย.