เปลว สีเงิน
น่ารักดีจัง!
“ม็อบสามสัส” ยกพล “เรือเป็ด” ขึ้นบก บุกรัฐสภา
ตำรวจเห็น ทุเรศ-ทุรัง เลยจัดหา “น้ำ” มาบริการให้เป็ดว่าย
ก็เกิดปรากฏการณ์…….
สามนิ้วข้างนอกเย็นกาย แต่สส.ข้างใน “ก้าวไกล” สามนิ้วแนวร่วม กลับร้อนตูดแทนเหมือนถูกน้ำร้อนราด
นั่งไม่ติด ลุกขึ้น…ท่านประธานครับ
ตำรวจทำรุนแรง ฉีดน้ำใส่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย!
โถ แค่ให้น้ำเป็ด บอกรุนแรง
ถ้าเป็น ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา ดินแดนประชาธิปไตยบานฉ่ำ ไม่แค่ฉีดน้ำหรอก เจอตะบอง เจอกระสุนยาง เจอเข่ากดคอ นั่น อย่างนั้นค่อยว่ารุนแรง
ที่สส.ก้าวไกล เล่นบทตัวแทนม็อบ โวยในสภาว่า ข้างนอก ตำรวจทำรุนแรงนั้น เป็นการยก “ปลายเหตุ” มาโวย เชิงป้ายสี
ใครตอบ ก็เท่ากับ “ปลาติดเบ็ด”
คือต้องตอบตามเบ็ดลาก ถ้าจะให้ตรงประเด็น ต้องถามกลับพวกก้าวไกลและเพื่อไทยบางสส.ไปว่า
แล้วพวกม็อบทำอะไรล่ะ ตำรวจเขาถึงได้ฉีดน้ำใส่?
นั่งปั่นหูอยู่ในที่ที่เขาจัดให้โดยสงบ
หรือเพราะ มากันแบบทิดกร่าง ก้าวร้าว รุนแรง พังโน่น-นี่ พยายามบุกเข้าไปในรัฐสภา สร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นล่ะ?
มันกระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงรัฐ ทั้งละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพผู้อื่นใช่มั้ย?
เพราะอย่างนั้นแหละ เรือเป็ดถึงเจอน้ำ พูดแต่ผล ทำไม ไม่ยกเหตุที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นมาพูดบ้างล่ะ!
ตำรวจเขาปฏิบัติตามขั้นตอน
เตือนแล้ว ขอร้องแล้ว เจรจาแล้ว ก็ยังทำห้าว จะบุกเข้าไปให้ได้ ตำรวจฉีด ปิ๊ดๆ เตือนครั้งที่ ๑ ก็แล้ว ปู๊ดๆ ครั้งที่ ๒ ก็แล้ว
ก็ยังห้าว ทั้งที่แต่ละคน จาวยังอ่อน!
เขาก็เลยต้อง “จัดเต็ม” ต้มยำ “เผ็ดกลาง” มีแก้สน้ำตาปรุงรสเข้าไป ซึ่งมันก็เป็นไปตามขั้นตอนในมาตรการของเขา
ติดรส “มะเขือเผา” จากปฏิบัติการตำรวจจนเคยตัว คราวนี้เจอรส “ตะพดเผา” ทำเป็นดรามา โอดโอย…ตำรวจทำรุนแรงกับประชาชน
ทีเอาคีมเหล็ก เอาอะไรมิต่ออะไรประเคนกบาล สาดสี-ตีกะโหลกตำรวจ จนหามเข้าโรงพยาบาล ไม่เห็นท่านสส.สามนิ้วโวยบ้างเลยว่า ม็อบทำรุนแรงกับตำรวจ
หลักการ “เสมอภาค” สามสัส ทำไมมัน ๒ มาตรฐานนักล่ะ?
โวยเพื่อม็อบได้….
ก็ควรต้องโวยเพื่อตำรวจเค้าบ้าง หน้าหนาได้ แต่ใจอย่าหนา ถ้ารักประชาธิปไตย “สิทธิ-เสมอภาค” จริง หัวใจต้องไม่ตอแหล!
ทุกวันนี้ มันไม่ใช่รุ่นใหม่ เพื่อประชาธิปตง-ปไตยที่ไหนหรอก ก็เห็นแล้ว เป็นร่านรุ่นใหม่ “สามสัส” ไขลาน ไร้คิด-ไร้สำนึก บัดสี-บัดเถลิงบ้านเมือง
และนับวัน เหิมเกริมเกินอภัย ใช้กริยา-วาจา จ้วงจาบหยาบช้าต่อองค์พระมหากษัตริย์หนักขึ้นทุกวัน
ดูที่ อานนท์ เพนกวิน รุ้ง กระทั่งธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ พูด เขียน โพสต์ ก็จะเห็น อย่างเมื่อวาน ทั้งข้อความในโพสต์ บนบอลลูนที่ชุมนุม
มันเกินอภัย เพราะมันจงใจพูด-จงใจทำ ไม่ต้องใช้คำว่า “เข้าข่าย” จ้วงจาบสถาบัน เพราะมันตรงๆ โจ่งแจ้ง
ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโอนอ่อนให้ “ตีตั๋วเด็ก” ร่ำไป ที่เด็กทำจะกลายเป็นรอยปริแยก ให้ไอ้-อี ตัวการ ทั้งในสภา-นอกสภา และนอกประเทศ
ตอก-กระแทก ให้สถาบันต้องแตกสลายในที่สุด!
ทุกอย่างต้องมี “บทเรียน”
การสุมไฟใส่สถาบันและบ้านเมืองของขบวนการ ๓ นิ้ว-๓ สัส นั่นเหมือนกัน
ภาครัฐ-ภาคประชาชน ปล่อยให้เหิมเกริมมานาน จนเห็นเนื้อแท้แล้วว่า เป็น “รุ่นใหม่สวะเมือง” ชัดเจน
ถึงเวลาก็ต้องได้รับ “บทเรียน” ในการคิดคดกบฏชาติด้วยเช่นกัน!
กรณี พยายามจะบุกเข้าไปในรัฐสภา หวังใช้ความบ้าคลั่ง กดดันสมาชิกรัฐสภารับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ “ไอ้ลอว์-ไอ้จอน” ที่สมาชิกรัฐสภาหลายท่านจับแก้ผ้าให้เห็นเนื้อในล่อนจ้อนเมื่อวาน นั้น
กรณีเช่นนี้ มันมีบทเรียนมาแล้ว เมื่อปี ๕๓ ปล่อยให้นปช.เสื้อแดงทักษิณ บุกที่ประชุม “สุดยอดผู้นำอาเซียน” ที่พัทยา
ผลคือ โรงแรมพังเละ
ผู้นำอาเซียนหนีตายกระเจิด-กระเจิง ชื่อเสียงประเทศไทยยับเยิน
และเมื่อเดือนกันยา.ในการประชุมเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี่แหละ ผลออกมาไม่ตอบสนองม็อบสามสัส ก็ปิดล้อมทางเข้า-ทางออกรัฐสภา “สัปปายะสภาสถาน” ทั้งทางบก-ทางน้ำ
ใช้ความเถื่อน ตรวจค้นรถทุกคัน หวังบ้อมวุฒิสมาชิก!
เนี่ย……
เหตุมันเคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อตำรวจโอนอ่อนเอาใจม็อบ ครั้งนี้เหมือนกัน ถ้าโอนอ่อนอีก ใครจะรับประกันได้ว่า ม็อบสามสัสเข้าไปชุมนุมประชิดติดสภาแล้ว
เมื่อไม่เป็นดังใจ จะไม่ฮือเข้าไปในรัฐสภา กระทั่งทำร้ายสส.-สว.ที่ไม่หนุนร่างไอลอว์ “เงินทุนต่างชาติ”?
พูดกันอีกด้าน…….
ที่มีเหตุถึงขั้นมีคนเจ็บเมื่อคืน เป็นความจงใจให้เกิดเหตุการณ์เป็นภาพ-เป็นข่าวของขบวนการสามสัสมากกว่า เพราะถ้าไม่มีอะไรที่เรียกว่า “ความรุนแรง” เกิดขึ้น
๑.ไทย-พีบีเอส ที่แช่ภาพ-แช่กล้องทั้งวัน ก็เสียเที่ยว
๒.ม็อบสามสัส “ไปต่อ” ยาก
๓.การสุมกระแสเพื่อให้แนวร่วมโลกเข้ามาแจม ก็ยาก
๔.นายอานนท์ โพสต์ส่งซิกล่วงหน้าแล้วว่า “วันนี้ใช้สันติในการชุมนุมนะครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยยอดรักและตามด้วยสายัณห์” ครับ
ฉะนั้น……
เมื่อ “สามสัสฟิล์ม” ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเล่นกันให้ถึงบท เมื่อไม่ถึง ก็ต้องพยายาม “สร้างเหตุ” ต่อยอดไปให้ถึง
ถึงไหนน่ะหรือ……
ก็ตามรหัสลับอานนท์ “ยอดรัก-สายัณห์” นั่นแหละ
คือ “ตาย” สนองปฏิญญาธนาธร “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส”!
และสู้เพื่อ เจ้าของเงินทุน ๕-๖ เจ้า เช่น ….
-Open Society Foundation(OSF)ของจอร์จ โซรอส ที่ทำให้ไทยเกิดวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ต้องจำนำประเทศกับ IMF
-Heinrich Böll Stiftung(HBF)มูลนิธิพรรคกรีน เยอรมัน ที่ปฏิบัติการเป็นแนวร่วมล้มเจ้าในไทย
-National Endowment for Democracy (NED)ซีไอเอ ภาคพลเรือนสหรัฐฯ โดยสภาคองเครสจัดงบให้ ทำหน้าที่ไปล้มประเทศที่ไม่เป็นเด็กดี
เหล่านี้แหละที่หล่อเลี้ยง “ไอ้ลอว์-ไอ้จอน”…….
ให้มีแรงร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “เปลี่ยนราชอาณาจักรไทยไปเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีแทนพระมหากษัตริย์” ที่อภิปรายกันไปเมื่อคืน
และจะลงมติ “รับ-ไม่รับ” กันวันนี้แหละ (๑๘ พย.๖๓)
สมาชิกรัฐสภาคนไหน-พรรคไหนจะโหวตรับร่าง “ไอ้ลอว์-ไอ้จอน” อ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๑๔ ให้ดีก่อนนะ เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน
มาตรา ๑๑๔…..
“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ
และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”
ในเมื่อร่างนี้เสนอโดยไอลอว์ ผู้รับเงินทุนต่างชาติ พรรคหรือสส.-สว.คนไหนโหวตให้ ระวัง คำว่า
“ความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ”
จะปฏิเสธว่าไม่รู้ ไม่ครอบงำไม่ได้ เพราะเมื่อวาน สส.-สว.หลายท่าน จัดสาแหรก “ไอ้ลอว์-ไอ้จอน” ว่ามันสายสะดือติดกันกับองค์กร-มูลนิธิ “เงินต่างชาติ” ไหนบ้างให้รู้แจ้งแล้ว
“จอน-เสียงเป็ด” เพราะคอเจาะ ผู้เสนอร่าง ไทย-แต่พูดไทยสำเนียงเนยบูด ลุกขึ้นแก้ตัวหรือแก้ผ้าในสภาก็พอกัน ว่า
“ถึงรับเงินต่างชาติ แต่เจ้าของเงินไม่เคยมาบงการแต่อย่างใด”
พูดให้เชื่อ ก็ต้องเชื่อจอนเค้า
แต่ผมเคยเลี้ยงหมา หลายตัวด้วย เก็บกระดูกใส่ถุงกลับไปให้มันแทะบ่อย ไม่เคยสั่งให้มันกระดิกหางให้เลย
แต่เห็นกระดูกทีไร มันกระดิกหางให้เองทุกที!