เปลว สีเงิน
ทอน….ขอจับมือที!
นายเจ๋งอ่ะ
ที่ตัดสินใจออกมา “ชูธง” นำหน้าเด็ก “ชนเจ้า” แทนซุกหลังอย่างที่ผ่านมา
อย่าแผ่วเป็นม้าซีนต้นล่ะ
เมื่อตัดสินใจเปิดหน้าชน ต้องลุยให้เต็มสตีมนะ อย่าให้เสียยี่ห้อ “ลูกแม่สมพร” เป็นอันขาด
จำได้มิใช่หรือ ที่แม่สมพรให้สัมภาษณ์ไว้ตอนส่งตัวเข้าชนในเวทีการเมือง เมื่อปี ๖๑ ที่ว่า
“ลูกชายของฉัน ฉันก็หวังว่าเขาจะเป็นเปาบุ้นจิ้นเมืองไทย ไม่มีการโกงกิน หรือเป็นสีจิ้นผิง ในเมืองไทยก็ได้
เขาอุทิศตัวมาช่วยประเทศ ไม่ใช่เข้ามากอบโกย…ฉันเลี้ยงลูกมาก็สอนลูก ให้ลูกซื่อสัตย์ ห้ามขโมยของเพื่อนที่โรงเรียนกลับบ้าน” นั่นน่ะ
แต่ทอนคงเป็นไม่ได้แล้วหละ ทั้งเปาบุ้นจิ้นและสีจิ้นผิง เพราะทั้ง ๒ ท่านนั้น
ไม่ซุกหุ้นสื่อ ไม่ปล่อยเงินกู้พรรคตัวเองกินดอก ไม่ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน
ที่สำคัญ ไม่ “มักใหญ่-ใฝ่สูง” ที่จะเป็นฮ่องเต้!
ฉะนั้น ทอนเป็นทอนของน้องๆ ราษฎรสามนิ้ว ที่วันๆ หมกมุ่นแต่ว่า วันนี้จะไปก่อระยำคนที่ไหน อย่างนั้นน่ะ สมสันดานทอนแล้วหละ
ทอนลอนช์ “โครงการชนเจ้า” ใหม่ ในคอนเซ็ปต์ “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้-ใครเสีย” วันก่อน
มหาชนตอนรับ ด้วยการอยากตื๊บทอน!
ทอนก็ออกมาใช้ประเด็น “ภาษีประชาชน” เป็นสีข้างเข้าถูว่า “การตรวจสอบโครงการที่ใช้ “ภาษีประชาชน” เป็นสิ่งที่สามารถทำได้”
และเฉไฉให้รัฐบาลเปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด รวมทั้งสัญญากับแอสตร้าเซเนก้าทั้งหมด นั้น
ทั้งที่ประเด็นเหล่านี้ มีเป็นข้อมูลสาธารณะ ใครอยากรู้ คลิกดูเมื่อไหร่ก็ได้
ปรากฏว่า คณะราษฎรสามนิ้ว ของทอน รับมุกไปสานต่อสนิทสนมกลมกลืน เขียนป้าย เที่ยวไปตะกายตึก ที่โน่น-ที่นี่ เป็นกิจกรรมประจำวัน
อย่างวาน (๒๕ มค.๖๔) ทั้งเพนกวิน ทั้งเบนจา เกรด A มธ.ในนามคณะราษฎร ระยำธรรมดา พวกจานบอกไม่สะใจ
ครั้งนี้ ต้องซูเปอร์ริยำ…….
บุกไปที่อาคารศรีจุลทรัพย์ เชิงสะพานยศเส ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ตั้งอยู่ที่นี่
เพนกวินและเบนจา ใช้ประเด็น “ภาษีประชาชน” ตามธนาธร เขียนป้ายด้วยข้อความเท็จชูประท้วง หน้าอาคาร
เจตนาให้คนที่ไม่รู้ “หลงเชื่อ” ตาม และเกิดทัศนคติด้านลบต่อสถาบัน
โดยใช้คำว่า “วัคซีนภาษีไพร่แจกจ่ายในนามเจ้า” ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีชัดๆ
ที่เขียนเช่นนั้น ก็เพื่อให้กลุ่มคำตามป้ายนั้น มีน้ำหนักเสริมหนุนประเด็นที่ธนาธรตั้งเป็นโจทย์ไลฟ์สดว่า “วัคซีนพระราชทาน:ใครได้-ใครเสีย”?
ผมถึงขอจับมือทอนไง….
ภาษาป้ายดูพื้นๆ ระดับป.๔ คิด แต่ลึก-แยบยล ระดับป.เอกฝรั่งเศสวางแผน
การนำคำ “วัคซีนจากภาษีประชาชน” ซึ่งเป็นข้อจริง ผนวกรวมกับคำว่า “แจกจ่ายในนามเจ้า” ซึ่งเป็นข้อเท็จ
เมื่อ “จริงครึ่ง-ครี่งเท็จ” รวมเป็นข้อความประโยคเดียวกัน ทำให้เกิดอิมแพ็คทางการโฆษณาชวนเชื่อ เรียกว่า…เปรี้ยง
ผลกระทบ “กระแทกแรก”
คนตั้งแแต่ระดับยอดตึกยันยอดหญ้า เห็นปุ๊บ สัญชาติญานตอบสนองก่อนปุ๊บ!
คือชาวบ้านทั่วไปอย่างผม เห็นปุ๊บ ก็…เออออ เรอะ!
คนมีระดับคิด คนศึกษาหาข้อมูล เห็นปุ๊บ ก็จะร้องในใจ….พวกมึงระยำไม่สุดหางซะทีนะ?
ตอนทำละก็ วางตัวเป็นผู้ใหญ่ เป็นบัณฑิต เป็นทนาย เป็นนิสิต-นักศึกษา จะมานำการเปลี่ยนแปลงประเทศ
แต่พอถูกจับ ถูกหมายเรียก….
“ตีตั๋วเด็ก” ครางเหมือนลูกหมา..รัฐบาลรังแกเด็ก..ตำรวจจับเด็ก!
อย่างกรณีนี้ ผมก็ไม่ทราบว่าทางตำรวจจัดการอย่างไรกับ “ความผิดซึ่งหน้า”
เพราะข้อความในป้ายนั้น เจตนาใส่ร้ายป้ายสีสถาบันชัดๆ หรือชินกันแล้ว?
กระทั่งตำรวจก็คร้านจะจับไปให้ศาลปล่อย หรือสะสมแต้มไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ทยอยส่งหมายเรียกให้มารับทราบข้อหาทีหลัง อาจเป็นอย่างนี้ก็ได้
แต่ผมเกรงนะ…..
เมื่อผู้รักษากฎหมายทำเหมือนอุเบกขา ก็เกรงว่าผู้รักบ้าน-รักเมืองและรักสถาบัน ความอดกลั้นขั้นสุดท้ายของเขาจะขาดผึง
เรื่องที่ไม่ควรเกิดเรื่อง มันก็จะเกิดเป็นเรื่องขึ้น!
เพราะราษฎรสามนิ้วของทอน เมื่อเห็น…ทำแค่นี้ รัฐบาลเฉย…ตำรวจเฉย
เขาจะเพิ่มดีกรีหยาบช้า-ท้าทาย กระแทกใส่สถาบันหนักขึ้น..หนักขึ้น เพื่อให้ภาครัฐตบะแตก แล้วกระทำตอบ
ภาครัฐไม่ทำตอบ เขาก็จะหนักขึ้นอีก ขนาดบุกไปถึงบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ครั้งต่อไป….
จะบุกไปที่ไหน ก็ลองเดาซิว่า เสนาธิการป.เอกฝรั่งเศส จะสั่งให้ไปที่ไหน?
ถ้าขนาดนั้น คิดหรือว่า คนรักบ้าน-รักเมือง เขาจะรักอยู่แต่ในโซเชียล อย่างเบนจา เธอไวไฟ เรียกแขกได้ดีนัก
ถึงจุดระเบิด มันยิ่งกว่าที่อเมริกาซะอีก!
พวกสามนิ้วของทอน คำนึงก็ภาษีประชาชน สองคำก็ภาษีของกู
ก็อยากให้ “กรมสรรพากร” เชิญคนเหล่านี้ ทั้งทอน ทั้งเพนกวิน ทั้งรุ้ง ทั้งไมค์ ทั้งเบนจา และอีกหลายๆทคนในแก๊งสามนิ้วไปที่สรรพากร
แล้วขอดู “ใบเสร็จรับเงิน” ภ.ส.1 ง. แต่ละคนว่ามีมั้ย ถ้ามี เสียภาษีกันคนละเท่าไหร่?
แก๊งสามนิ้วนี้ เท่าที่สังเกต “หนาตา” ด้วยพวกเอ็นจีโอ ที่หากินอยู่กับการรับทุน-รับโครงการ
กรมสรรพากร ช่วยตรวจสอบด้วย ว่าคนดีศรีสังคมเหล่านี้ เสียภาษีกันถูกต้องหรือไม่ เห็นนำเรียกร้องกันเหลือเกิน เอะอะก็ “ภาษีกู..ภาษีกู”
ถ้าเสียภาษีกันถูกต้อง ช่วยบอกด้วย จะได้นำรายชื่อมาสรรเสริญให้เป็นแบบอย่าง สมกับที่เป็น “คนดีเพื่อสังคม”
ธนาธร นั่นเหมือนกัน…
เมื่อตั้งประเด็นว่า “วัคซีนจากภาษีประชาชน” คุณไม่ใช่ประชาชนคนเดียวหรอก คนอื่นๆ รวมทั้งผมก็เสีย แต่ผมอาจเสียไม่เท่าคุณ เพราะรายได้น้อยกว่า
คุณกับธุรกิจคุณ มีรายได้เป็นหมื่นๆ ล้าน
แม่สมพรบอกสอนให้ลูกซื่อสัตย์ ไหน…โชว์ซิ ปีที่ผ่านมา ทั้งแม่-ทั้งลูก เสียภาษีกี่ร้อยล้าน?
สรรพากรช่วยไปตรวจไทยซัมมิททีเหอะ แล้วนำความซื่อสัตย์มาบอกสังคม จะได้ช่วยกัน อนุโมทนาสาธุ ในความซื่อสัตย์ ให้ไทยซัมมิทเจริญยิ่งๆ ขึ้น
อย่าว่างู้น-งี้เลย ……….
เมื่อวาน เห็นคุณวัชระ เพชรทอง ไปยื่นหนังสือช่วยจำถึงกองปราบ เรื่องคดี “นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธาน บ.เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด”
ในข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อได้เช่าที่ดินโดยไม่ต้องผ่านการประมูลนั่นน่ะ
ในสำนวนสอบสวนกองปราบฯ มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า เช็คที่สกุลธรเซ็นใบแรก จำนวน ๕ ล้าน ให้จำเลย ๒ คน ที่ติดคุกไปแล้ว
เป็นเช็ค บริษัท เรียลแอสเสทฯ ของแบงก์ไทยพาณิชย์ สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ลงวันที่ ๖ มีค.๖๐
ผมไม่ถามเรื่องสินบน….
แต่อยากถามในฐานะการลงบัญชีบริษัท ในเมื่อบอกว่าไม่ใช่สินบน เป็นการถูกหลอก เมื่อถูกหลอก แล้วทำไมจึงไม่แจ้งความ?
เมื่อไม่แจ้งความ เงิน ๕ ล้านนั้น จะลงบัญชีว่าไง เพราะสมัยทักษิณ ผมเคยโดนสรรพากรไล่บี้มาแล้ว มีผู้ลงโฆษณาเขาเบี้ยว ไม่จ่ายเงิน
สรรพากรบอก ต้องเอาหลักฐานเป็นใบแจ้งความมายืนยัน ไม่งั้น ไม่เชื่อว่าเขาเบี้ยว บริษัทไทยโพสต์แหละเบี้ยว รับเงินมาแล้วไม่ลงบัญชี หรือไม่ก็ซูเอี๋ยกัน เพื่อหลบเลี่ยงภาษี
ปี ๖๐ แม่สมพรกับสกุลธรเป็นกรรมการ ซึ่งแจ้งต่อสำนักทะเบียนฯ ว่าแม่สมพรหรือนายสกุลธรเป็นผู้ลงชื่อผูกพันบริษัท
แล้วลงบัญชียังไง สรรพากรถึงไม่ว่าอะไร
ผมก็อยากเห็นแม่สมพร โชว์ความเป็นแม่ตัวอย่าง ที่สอนลูกว่า
“อุทิศตัวมาช่วยประเทศ ไม่ใช่เข้ามากอบโกย” ให้สมกับที่ลูกชายเที่ยวอ้าง “ภาษีกู” เอากับกระทั่งพระมหากษัตริย์ให้ดูหน่อยเถอะ
เอาละจบ….
จากกู…ผู้เสียภาษีคนหนึ่ง!