หลวงพ่อก็ไม่มีอะไรที่จะกล่าวหรือว่าอำนวยอวยพรให้ลูกหลานทุกคนให้เป็นผู้ตั้งต้นใหม่ คิดใหม่แล้วก็ทำใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ไม่ใช่คิดใหม่ไปในทางที่ชั่วนะลูกหลาน คิดใหม่ ทำใหม่ คิดในทางเป็นสัมมาทิฏฐิ อันไหนเป็นสัมมาทิฏฐิเราต้องคิดไปในทางทางนั้น
ในเมื่อเราคิดไปในทางที่สัมมาทิฏฐิ การกระทำก็เป็นสัมมาทิฏฐิ การพูดออกไปของเราก็เป็นสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐินี้คือความถูกต้อง คือความเป็นธรรม คือความเห็นเป็นชอบ แต่ว่าชอบคำนี้แหละอีกเหมือนกันนะลูกหลานนะ
ตัวเองคิดว่าชอบจึงพูดออกไป แต่ว่าถ้าเราไม่ได้คิดเอากฎกติกา กฎเกณฑ์ เอาใจคนอื่นมาใส่ใจของเรา ไม่ได้เอากฎกติกา กฎหมายหรือหลักพระธรรมวินัยเข้ามาเป็นแบบฉบับ โดยมากมันจะผิดนะ
คิดว่าตัวเองพูดถูก แต่มันพูดถูกก็จริงอยู่ แต่มันผิด ผิดกฎกติกาการอยู่ด้วย การอยู่ร่วมกัน ผิดศีลและวินัย ผิดกฎหมายพูดง่ายๆ ในเมื่อมันผิดกฎหมายแล้วนั่นน่ะ ถึงตัวเองเข้าใจว่าตัวเองพูดถูกขนาดไหนก็เถอะ ต้องทบทวนๆ
นี่แหละบางคนก็ว่าตัวเองพูดถูก พอที่สุด พอขึ้นไปในศาลแล้วเขาก็บอกว่า คุณพูดถูก ถูกอยู่ ถูกเรียก แต่มันเป็นทำร้ายทำลายคนอื่นเขาอีก แต่คนพูดก็ต้องรับโทษที่คุณได้พูดออกไปนั้นต้องรับผิดชอบนะ อันนี้ก็คือการการพูด คือการกระทำของตัวเอง มันก็ต้องเอาหลักกฎกติกา หรือเอาหลักพระธรรมวินัยมาเป็นพื้นฐาน
อย่างพวกเรา พระสงฆ์ก็เหมือนกันที่ไปปฏิบัติภาวนาอยู่ในป่าดงพงไพร ตัวเองก็ภาวนาว่าภาวนาถูก แต่ผลให้สุดมันเป็นวิปัสสนูปกิเลส มันไปทาง มันไปทางผิด มันเป็นไปทางกิเลส มันไปทางวิปัสสนู ไม่ใช่วิปัสสนา มันมีหมดทุกทางนะลูกหลานนะ
ถ้าว่าเป็นฆราวาสญาติโยมก็เหมือนกัน ถ้าคิด ตัวเองว่าคิดดี และก็คิดว่าถูก แต่เราลืมมอง ลืมมองกฎกติกา ลืมมองหลักจริยธรรม ลืมมองกฎหมาย แล้วก็เลยเราเลยคิดว่ามันถูก แต่ตามที่จริงพอทบทวนดูแล้ว พิจารณาดูแล้วมันผิดทั้งดุ้นเลย จะทำยังไงเราก็ต้องถอยหลัง เราจะเดินหน้าไม่ได้ มันผิดน่ะ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ตั้งเข็มทิศให้ใจ”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔