“สามสัส” ผู้มีความเสี่ยงสูง

ผักกาดดอง

แม่ยกใจหายวูบ!

โอปป้าศิลป์ ต้องกักตัวในฐานะ “ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ”

            เพราะพิธีกร จากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ทีมแถลงข่าว ศบค. เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง

            ครับ…นี่คือบรรทัดฐานที่ทุกคนต้องปฏิบัติ

            ใครที่รู้ตัวว่ามีความเสี่ยงอาจติดโควิด สิ่งที่พึงกระทำเพื่อสังคมโดยรวมคือ กักตัวเอง รอตรวจโรค

            อย่าเพิ่มความเสี่ยงให้กับประเทศ

            แต่บรรทัดฐานนี้คงใช้กับสามสัสไม่ได้

            ตั้งหน้าตั้งตาป่วนไม่เลิก

            ประเด็นคือ ธนาธร และลิ่วล้อ สงสัยว่า สยามไบโอไซเอนซ์ ที่มีในหลวงถือหุ้นนั้นจะค้ากำไรจากวัคซีน โควิด-๑๙ ที่ผลิตให้ AstraZeneca

            พวกนี้กำลังปล่อยความเท็จว่าในหลวงเอาเปรียบพสกนิกร

            คนที่มีความคิดเช่นนี้ต้องเป็นคนแบบไหน?

            เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีน COVID–๑๙ โดยการจองล่วงหน้ากับบริษัท AstraZeneca จำกัด ที่ทำเนียบรัฐบาล

            คำพูดของ “ลุงตู่” ในวันนั้นคือ…

                “….ต้องมีการเตรียมการภายในประเทศรับวัคซีน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย ทำการผลิตต่อ แจกจ่ายหรือบรรจุ ซึ่งต้องมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ และวันนี้ทุกอย่างถือว่าพร้อมรับหากวัคซีนผลิตได้สำเร็จ นอกจากที่ดูแลและจ่ายประชาชนในประเทศ ยังมีสัญญากับอาเซียนว่าจะต้องดูแลซึ่งกันและกัน และวัคซีนจะต้องเป็นสินค้าสาธารณะเพื่อให้คนทุกคนนั้นเข้าถึง….”

            คณะสามสัสมาดัดแปลงว่า “วัคซีนพระราชทาน”

            นัยว่าจะตีความหมายเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ได้ เพราะ “ลุงตู่” เป็นคนพูดคนแรก

            ที่จริงก็ไม่ผิด!

            แต่คำเดียวกัน คนพูดต่างกัน บางครั้งความหมายก็ไม่เหมือนกัน

            “วัคซีนพระราชทาน” ที่ชาวบ้านทั่วไปพูดและฟัง ต่างจากที่สามสัสแสดงออกราวฟ้ากับเหว

            เหมือนปราบโกง ถ้า “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เป็นคนพูด เครดิตเป็นศูนย์

            ฉันใดก็ฉันนั้น “วัคซีนพระราชทาน” ในความหมายของสามสัสคือต้องการดิสเครดิต เว้นเสียว่าคนพวกนี้ตอแหลปฏิเสธว่าไม่ใช่

            เพราะไลฟ์สดของ “ธนาธร” นอกจากใช้คำว่า วัคซีนพระราชทานแล้ว ยังต่อท้ายด้วย “ใครได้ ใครเสีย”

            “วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ ใครเสีย”

            นี่จึงเป็นที่มาว่า สามสัส มีเจตนาเช่นไร

            สามนิ้วไปขยายความเท็จ กลายเป็นเรื่องผูกขาดวัคซีน

            นั่นคือข้อเท็จจริง ที่ก๊วนสามสัสสามนิ้วสร้างขึ้นมา

            ทำไมถึงตั้งคำถาม “ใครได้ ใครเสีย”

            เมื่อพยายามอธิบายกันแล้วว่า “สยามไบโอไซเอนซ์” ไม่ใช่บริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อค้ากำไร

            และประวัติของ “สยามไบโอไซเอนซ์” ถูกบันทึกว่า เป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้ขูดรีด

            เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าเรื่องที่สามสัสและสามนิ้วพึงรู้

                …น้อยคนที่จะทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธิทันตนวัตกรรม ทรงมอบให้ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อผลิตอาหารอ่อนที่มีสารอาหารครบถ้วน เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีปัญหาทางช่องปาก ไม่สามารถรับประทานอาหารปกติได้ นับเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศที่ผลิตอาหารแบบนี้

                เมื่อทราบว่า บริษัท Siam Bioscience จัดตั้งขึ้นเพื่ออะไรแล้ว ไม่ควรมีคำถามด้วยซ้ำว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียวหรือไม่

                ยอมรับเถิดว่า พวกคุณคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา คอยโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกโอกาสที่มี โดยอ้างว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน…

            ครับ…การจ้องจับผิดเพื่อโจมตี ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับสังคมไทยเลย

            จากนี้ไปคงยากที่จะอธิบายให้คนพวกนี้เข้าใจเรื่องราว เพราะตั้งธงไว้แล้วว่าต้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้

            อีกกรณี อัปยศไม่แพ้กัน

            ปิยบุตร แสงกนกกุล พูดเรื่องเท็จมาหลายวันแล้ว

หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนทั่วไปไม่มีใครตั้งข้อสงสัย

            แต่ “ปิยบุตร” สงสัย และนำเรื่องนี้ไปปั่นกระแส สามนิ้วรับลูกไปโจมตีในหลวงเป็นทอดๆ

            “ปิยบุตร” อ้างว่า

                ….กรณีเอกสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ซึ่งลงพระปรมาภิไธยโดยพระมหากษัตริย์ แต่กลับไม่มีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด


                พร้อมตั้งคำถามและข้อสงสัยถึงปัญหาในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๒ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและระบบราชการ

                รวมทั้งที่ทางของพระราชอำนาจในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เข้ามาเหยียบย่างในพื้นที่ทางการเมือง…

            ข้อเท็จจริงที่ “ปิยบุตร” ไม่นำมาเป็นสาระสำคัญ ตามนี้ครับ

            เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความว่า

            ….พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เนื่องจากทรงมีพระราชดำริว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ต้องให้บริการแก่ผู้ต้องขัง ในกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นจำนวนมาก ยังขาดแคลนบุคลากร เครื่องมือแพทย์ และเวชภัณฑ์ การดูแลสุขภาพของผู้ต้องขังถือเป็นหน้าที่สำคัญของกรมราชทัณฑ์ ในการที่จะให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมตามหลักมนุษยธรรม ทั้งนี้ เมื่อพ้นโทษจะได้มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ออกมาสู่สังคมภายนอกและประกอบอาชีพสุจริตได้อย่างมีคุณภาพ โดยจะพระราชทานความช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ได้เข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือทั้งทางด้านการแพทย์ การพยาบาล การอบรมให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ


            เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการประสบผลสำเร็จตามพระบรมราโชบาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ชุดใหม่ ดังนี้…

            ตรงไหนคือพื้นที่การเมือง?

            คณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินตรงไหน

            รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๒ บัญญัติว่า… “บทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการอันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่ที่มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญ”

            อ่านให้ดีๆ คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ทำอะไร?

            มีหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการประสบผลสำเร็จตามพระบรมราโชบาย

            พระบรมราโชบาย คือ พระราชทานความช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ได้เข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือทั้งทางด้านการแพทย์ การพยาบาล การอบรมให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ แก่นักโทษในเรือนจำ

            ฉะนั้น นี่คือพระบรมราโชบาย ไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน

            “ปิยบุตร” เป็นนักกฎหมายมือหนึ่งในสามโลก ย่อมรู้แก่ใจว่าต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการหรือไม่?

            แปลกครับ วัคซีน ก็ขวาง

            จัดหาเครื่องมือแพทย์ และเวชภัณฑ์ ช่วยเหลือผู้ต้องขัง ก็ขวาง

            นึกถึงวันที่ตัวเองเป็นผู้ต้องขังป่วยโควิดไว้บ้างก็ดีนะ.


Written By
More from pp
APEX Medical Center คว้านวัตกรรม Allurion Gastric Balloonแห่งแรกในไทย มิติใหม่ผู้ช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีแบบฉบับยั่งยืน
APEX Medical Center คว้านวัตกรรม Allurion Gastric Balloonแห่งแรกในไทย มิติใหม่ผู้ช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีแบบฉบับยั่งยืน ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำและคนดังร่วมงานสุดคับคั่ง
Read More
0 replies on ““สามสัส” ผู้มีความเสี่ยงสูง”