เปลว สีเงิน
ทีหลังอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ…คุณหมอทวีศิลป์
แหม…
ทำเอาพ่อยก-แม่ยกแทบช็อกหน้าจอไปตามๆ กัน ที่เปิดฉากขึ้นมาเมื่อวาน (๘ มค.๖๔) ก็บอกว่า
“ขออภัย..ขอโทษ ผมพร้อมพิจารณาตัวเอง ท้ายแถลงจะบอกข้อสรุปของการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” นั่นน่ะ!
ทุกคนตีความว่าคุณหมอจะแถลงลาออก ผมพลอยสะดุ้งตกเตียงไปด้วย เพราะไลน์มันดังรัวเหมือนลูกอ่อน
“คุณหมอติดโรค…คุณหมอติดโรค” สายข่าวรัวๆ!!!
“หา….โควิดหรือ?”
“ไม่ใช่”
“โรคน้อยใจ น่ะ เรื่องแอป “หมอชนะ” แถลงวันก่อน แล้วมีคนจับแง่-จับมุมไปถล่มหมอเสียๆหายๆ”
ฟังจบ งัวเงียในใจ นักข่าวตกร่องจิตวิทยาของจิตแพทย์ซะแล้ว แค่นี้ลาออก ก็เสียยี่ห้อ “หมอทวีศิลป์” หมดน่ะซี
มันเป็นจิตวิทยาของจิตแพทย์…ผมคิด
ศิลปะสื่อสารเป็นน้ำจิ้มล่อ ให้ดูหนังต่อเร้าใจจนจบเรื่องนั่นละมากกว่า
ในทีมแพทย์-พยาบาล และผู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับโควิดมาตั้งแต่กุมภา.-มีนา ๖๓ จนจะกุมภา.๖๔ กรำศึกโชกเลือดกันมา มีเป็นพัน-เป็นหมื่นวีรบุรุษ-วีรสตรีในการแพทย์ และการสาธารณสุข
ถ้าใครบอกผมว่า ไหนลองเนมชื่อหมอที่ “ฝังจำ” ด้วยประทับใจให้ฟังเป็นตัวอย่างซัก ๕-๖ ชื่อซิ!
ได้เลย จากจำสู่มือจิ้มคอมฯ (นามสกุลค้นทีหลัง) ได้ทันที
-คุณหมอประสิทธิ์ วัฒนาภา
-คุณหมออุดม คชินทร
-คุณหมอปิยสกล สกลสัตยาทร
-คุณหมอยง ภู่วรวรรณ
-คุณหมอสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย
-คุณหมอโอภาส การย์กวินพงศ์
-คุณหมอโสภณ เอี่ยมศิริถาวร
-คุณหมอธนรักษ์ ผลิพัฒน์
-คุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน และฯลฯ
เห็นมั้ย หมอทวีศิลป์ “จิตแพทย์” รักษาโรคระบาดไม่เป็นหรอก คนละดิวิชั่นกับท่านอื่นๆ อีกหลายท่านด้วยซ้ำ
แต่แฟนๆข่าวสาร ติดดาวให้เข้าอันดับ เพราะอะไร?
ไม่ใช่เพราะรูปหล่อแน่ พูดถึงหล่อ ผมหล่อกว่าตั้งเยอะ แต่ที่เข้าอันดับ เพราะหมอทวีศิลป์เข้าลักษณะ Put the right man on the right job
-สามารถนำเรื่องยากมาสื่อความให้ชาวบ้านฟังแล้วเข้าใจง่าย อย่างหนึ่ง
-บุคลิกและการพูดจา “ไม่มาก-ไม่น้อย” แต่ทรงภูมิ สร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้ฟังอีกอย่างหนึ่ง
-การแปลงความเป็นหมอสู่ความเสมอเหมือนชาวบ้านในการพูดจา ผู้ฟังประทับรับรู้ในด้าน “คุณหมอให้เกียรติ”
ชาวบ้านจึงเปิดใจให้หมอทวีศิลป์เข้าไปนั่ง และนั่น ทำให้ข่าวสารจากภาครัฐ (ศบค.) ด้านปฏิบัติการโควิด เป็นข่าวสารตอนใกล้เที่ยง ที่…..
ทุกคนต้องเปิดช่อง ๒ กรมประชาสัมพันธ์ คอยสบตา ว่าวันนี้ ทวีศิลป์ “สุดที่รัก” จะแถลงอะไร?
ประเด็นสุดท้าย….
ด้วยจิตของหมอโรคจิต มันเป็นจิตที่ฝึกมาให้พิชิตพวกวิปริตทางคิด-ทางอารมณ์โดยตรงอยู่แล้ว
ดีซะอีก ที่ถูกพวกจิตวิปริตแขนงการเมืองปล่อยเมือกใส่ จะได้ฉวยโอกาสใช้ “โรคบ้า” ด้วยริษยาโมหะเป็นอาจารย์ใหญ่วิจัยต่อยอดไปอีกแขนง
ฉะนั้น ไม่มีเหตุผล ที่ทั้งตัวหมอทวีศิลป์ ทั้งตัวแฟนๆ สารพัดวัย จะคิดไกลไปถึงเรื่อง “ลาออก” จากโฆษกศบค.
คุณหมอทวีศิลป์ครับ …..
อย่าหาว่าคนโรคจิตอีกประเภทอย่างผมสอนจิตแพทย์ตัวจริงเลยนะ คืออยากบอกว่า
ในสังคมนี้ มันมี ๒ ทางเท่านั้้นต้อง “เลือก” แล้วคุณหมอจะเลือกเดินทางไหนล่ะ?
ระหว่าง…..
-อยู่แบบให้เขาสมเพช-เวทนา เพราะบ่มิไก๊
หรือ……
-จะอยู่แบบให้เขาอิจฉา-ริษยา เพราะว่ามีกึ๋น?
เรื่องง่ายๆ ในสังคมจริง อย่าไปทำให้มันเป็นเรื่องยาก โลกนี้ ทำดี-มันก็มีคนด่า, ทำไม่ดี- มันก็มีคนด่า
ในเมื่อถูกด่าทั้งขึ้น-ทั้งล่อง ทำดีไว้จะไม่ประเสริฐกว่าหรือ?
อย่างน้อย มโนธรรมสำนึก จะบอกตัวเอง ดี-ชั่ว เพราะปากเขา หรือ ดี-ชั่ว เพราะตัวเราทำ
หนามทื่อ ไม่เคยทำให้ใครต้องยกตีนดู
แต่หนามแหลม เหยียบปุ๊บ ทิ่มแปล๊บ มันต้องหยุด แล้วยกตีนส่องหน้ามันเอง เพื่อบ่งหนาม
ก็เพราะความแหลมคมคุณหมอทวีศิลป์หรอก การทำหน้าที่สื่อสารประสิทธิผลถึงสังคม จึงเป็นหนาม ทำให้เหล่าอสัตย์ “เร่าร้อน-เจ็บปวด” ด้วยริษยา
ส่องกระจก หนามก็ตำตา ส่องตีน หนามก็ตำใจ ไม่รู้จะแก้ยังไง เอะอะโพสต์เฟซด่าลูกเดียว
ยิ่งด่า คุณหมอยิ่งเพิ่มฤทธิ์เป็น “หนามพุงดอ” ตำปากมัน พุงดอนั้น ยิ่งแคะ ยิ่งดูดเข้าเนื้อ ไม่ตายด้วยหนาม แต่ใจมันจะหลัดหนอง เอาไปเพาะเชื้อทำวัคซีนป้องกันโรคบ้าสามนิ้วได้
เนี่ย…
เพราะคุณหมออ้อนใจเมื่อวาน ทำให้ผมต้องไปเพิ่มยอดโหลดแอป “หมอชนะ” กว่าจะได้ วุ่นวายค่อนวัน ด้วยไม่เคยเปิด เลยลืมไอดีแอปเปิลไป
เอาหละ หลายท่านอาจไม่ได้ฟังคุณหมอแถลงเมื่อวาน จะลอกจากข่าวมาให้อ่าน ดังนี้
“ก่อนอื่นต้องขออภัย ขอโทษในเรื่องที่ตนได้สื่อสารไปในหลายๆ เรื่อง ในช่วงภาวะวิกฤตที่มีข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเจตนาที่ต้องการพูดคุยออกไปในเรื่องแอปพลิเคชัน หมอชนะ
เราต้องการปกป้องพี่น้องประชาชน โดยข้อมูลที่ต้องการสื่อสารคือ กรณีคนป่วยที่ปกปิดข้อมูลและพบว่าไม่มีแอปฯ หมอชนะ ก็จะส่งผลต่อการสอบสวนโรค จึงต้องมีบทลงโทษ
ดังนั้น จึงมีกฎหมายลักษณะนี้ขึ้นมา สิ่งต่างๆ ที่สื่อสารไม่ได้ต้องการให้เกิดความตระหนกอะไรเลย
ผมดีใจที่ได้มายืนตรงนี้เพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชน และได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน
“สิ่งที่อยากฝากคือ ผมได้พิจารณาตัวเองแล้ว โดยผมมีตำแหน่งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ส่วนตำแหน่งโฆษก ศบค. เป็นตำแหน่งเพิ่มขึ้น
“ในฐานะที่มาเป็นโฆษก ตำแหน่งเดิมคือผู้ตรวจการสาธารณสุข มีเงินเดือนอยู่แล้ว มีคนไปค้นเงินเดือน ไปตัดต่อคำ บอกไม่ต้องรับเงินเดือน ผมอยู่ตรงนี้ไม่มีเบี้ยประชุม มาช่วยด้วยใจ เราเองเป็นข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำให้ดีที่สุด
มีคนเข้าใจผิดหาว่าผมได้รับเงิน ได้ค่าตอบแทนหลายแหล่ง หรือเบี้ยประชุม ผมอยากย้ำว่า ตำแหน่งศบค.ผมไม่ได้เบี้ยประชุม ผมมีเงินเดือนจากระบบราชการที่ทำงานอยู่แล้ว
สิ่งสำคัญอยากนำเรียนคือ
เราเป็นข้าราชการ ในเมื่อนายสั่ง ผู้บังคับบัญชาสั่ง เราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ผมมาจากสายทางการแพทย์ ผมก็พยายามเรียนรู้ ทำดีที่สุด แต่ในโซเชียลฯ โยงผมกับการเมือง หาว่าผมติดในอำนาจ เรื่องการเมือง ผมไม่เคยคิดจะไปทางนั้นเลย
ผมอยู่ในหน้าที่ของราชการ ผมจะทำให้เต็มที่ ผมเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำงานเพื่อประชาชน ผมภูมิใจในความเป็นตัวเอง”
“ดังนั้น ตอนนี้หากมีข่าวคราวที่กระทบทั้งครอบครัว ทั้งส่วนตัว ผมต้องขอความเห็นใจ
สิ่งที่ผมทำอยู่อยากฝากกำลังใจนี้ ซึ่งผมก็สร้างกับตัวเอง และเชื่อว่าคนไทยทุกคนสร้างได้
ผมคิดเสมอว่า พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้
และขอน้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช คือ คนที่เกิดมามีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า
ขอน้อมนำคำตรัสถึงทุกท่าน ช่วยผมด้วย เรามีกว่า 60 ล้านคน หากทำพร้อมๆ กันเราชนะได้”
ครับ….
นอกจาก “ถึงหมอ” แล้วยัง “ถึงพระ-ถึงธรรม” ทวีศิลป์คนนี้ “ดีลึก” น่าสนใจ!