เปลว สีเงิน
โควิด-๑๙ กำลัง “คลีนนิ่ง” โลก
ตายเข้าล้านที่สอง
ป่วยใกล้ร้อยล้าน ไทยเราเอง รักษาป้อมค่ายได้แข็งแกร่งมาร่วมปี
สุดท้าย เสร็จมัน!
โควิดพรางตัวเข้ามาทางบ่อนพนันและแรงงานเถื่อนใน “ระบบส่วย” แล้วเจาะทะลุกำแพงค่ายได้แบบน่าคันหัว
เผอิญ “นักรบเสื้อกาวน์” แพทย์-พยาบาลการสาธารณสุขของเรา ผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก ยันสถานการณ์อยู่
แต่ก็เถอะ ยอดบาดเจ็บรอบนี้ไม่น่าหนีหลักหมื่น ส่วนยอดตาย ประปรายแค่คน-สองคน
พูดภาพรวม….
ในความเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ใครผิด-ใครถูก เป็นเรื่องทีหลัง การช่วยกันแก้ไข เป็นเรื่องต้องทำก่อน
แต่เห็น “เพื่อไทย” ฝ่ายค้าน แถลงเมื่อวาน (๖ มค.๖๔) จะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ๗ วัน ๗ คืน ในสมัยประชุมนี้
เฮ้อ…
“เล่นการเมือง” เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ก็ตั้งหน้า-ตั้งตา “ล้มรัฐบาล” อย่างเดียวโดยไม่แยกแยะ มันคือหน้าที่ตายตัวของสส.อย่างนั้นหรือ?
ชาวบ้านเขายังแยกแยะได้ ไม่คิดคับแคบ ไม่แบ่งเขา-แบ่งเรา ยามนี้ ทางการมีปัญหาด้านสถานที่ใช้งานในภาวะเร่งด่วน
บางราย อย่างคุณวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ทางการต้องการสถานที่เรอะ อาคารของเขามี ยกให้ใช้เลย
แรงงานยังป่วยอีกมาก มีที่ดิน ๘ ไร่ ลงมือปรับเป็นโรงพยาบาลสนามให้อีก ใช้เงินตัวเองตั้ง ๕-๖ ล้าน ทางการไม่ต้อง
อีกราย “สมยศ สหพรอุดมการ” โพสต์เฟซ ปวารณาเลย
“ผมมีที่ดินอยู่พระรามสองขาเข้าก.ม.43 กว่า 7 ไร่พร้อมบ้าน พร้อมที่ให้สร้างร.พ.สนามให้ใช้ฟรี มีไฟฟ้า 3 สายพร้อม 09-2645-4565”
สถานการณ์ที่มหาชัย…….
การตรวจค้นโรครายตัวแรงงานตามโรงงาน พบป่วยจนเกินกำลังแพทย์-พยาบาลจะดูแลทัน
โน่น…แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพะเยา จังหวัดพะเยา
บินข้ามถิ่น-ข้ามภาคมาช่วยทันที!
บอกว่าพะเยา-ภาคเหนือ ทุกคนจะรู้สึกเรื่องสี แต่ยามนี้ ทุกคนที่พะเยา ที่ภาคเหนือ
“ไม่แบ่งสี”
มีแต่ “พี่น้องไทย-ประเทศไทย” ด้วยกัน ยามเป็น-ยามตาย อันดับแรก ต้อง “ร่วมแรง-ร่วมใจ” ช่วยกันก่อน
แล้วแบบนี้ เพื่อไทย “ฝ่ายค้าน” ไม่ละอายใจบ้างหรือ อ้างประจำ “ผมตัวแทนประชาชน…ประชาชนเลือกผมมา”
แล้วไง….?
เลือกให้มาตั้งหน้า-ตั้งตากระหน่ำ-ซ้ำเติมให้ประเทศชาติคะมำคว่ำจม ขวางทุกอย่างที่รัฐบาลกำลังทำ ล้มแม่งมันไปเดี๋ยวนี้ โดยไม่สนไหนตูด-ไหนสะดืองั้นหรือ?
มันเพื่อประชาชน หรือเพื่อตัวเอง หรือเพื่อคนกระตุกโซ่ให้เห่าล้มบ้าน-ล้มเมืองและสถาบัน?
ตอบให้ประชาชนที่พวกคุณอ้างได้ทราบแบบมียางสำนึกหน่อยซิ?
ทุกคนรู้-ทุกคนเห็น ว่าโควิดรอบนี้ ต้นเหตุปัญหามาจากส่วนไหน เพ่งสายตาไปที่นายกฯ ประยุทธ์อยู่แล้ว ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง หลังสะสางวิกฤติเฉพาะหน้านี้เข้าที่-เข้าทาง
ถึงตอนนั้น….
เพื่อไทย ในฐานะฝ่ายค้าน ค่อยมาทำหน้าที่ “ตัวแทนประชาชน” ซักฟอกในสภา ราคาก็จะมีในสายตาชาวบ้าน
จะจับนายกฯ หรือรัฐมนตรีแล่เนื้อเอาเกลือทา ก็เอาให้สม ไม่มีใครว่า รู้จักจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลังด้วยวุฒิสำนึกบ้างไหม?
เป็นนักการเมืองแบบนี้ จึงไม่แปลกใจ ยิ่งเล่นพรรคยิ่งแตก-ยิ่งตาย คงต้องรอทักษิณเกิดใหม่ “ชาติหน้าบ่ายๆ” นั่นแหละ ค่อยมาคิดหวัง “รับจำนำทุกเมล็ด” ให้อิ่มหนำกันอีก!
พูดกันตรงๆ นะ…..
ใช่นักหรือ เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ร้อยเรื่องที่รัฐบาลทำ มันต้องไม่ดี มันต้องเลว มันต้องใช้ไม่ได้ ต้องค้าน-ประจาน-ด่า มันไปทั้งร้อยเรื่อง
ผมเห็นตื่นขึ้นมาแต่ละวัน ต้องให้โฆษกหญิง ชื่ออะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี การศึกษาก็ดี ออกมาแถลง
แทบทุกครั้งก็นายกฯ โง่ นายกฯ ออกไป ด่าดิบๆ มันด่าโดยสันดาน ด่าสร้างสรรมันต้องใช้ปัญญา
อยากบอกคุณเธอว่า แต่ละครั้งที่แถลง มันไม่ใช่แถลง แต่คือโมหะสำราก ตรงข้ามกับหน้าตา “หมดราคา” เลยจริงๆ
มีการศึกษา…..
แต่ถ้าจะค้านแบบแม่ค้า ไปเรียนด่าแบบมีเนื้อหาสาระเป็นเหตุผลจากแม่ค้าที่ระยองนั่นไป๊
เอาคลิปที่คุณแม่ค้า “ด่าสั่งสอน” ไมค์ ระยำวันก่อนมาศึกษาก็ได้ว่า
“ด่าแบบมธุรสวาจา” คือด่าแบบไหน ที่คนฟังรับได้ และคนถูกด่าไปไม่เป็น!
เอาละ……
ไหนๆ เดือนหน้า วัคซีนล็อตแรกก็มาแล้ว และจะทยอยมาทั้งหมด ๖๓ ล้านโดส ตอนกลางปี เรียกว่าพอเพียงกับทุกคน และฟรี
ก็อย่างว่า มาช้า-มาเร็ว, มามาก-มาน้อย คนด่า มันก็ด่าวันยังค่ำ
ได้อ่านที่มีคนนำโพสต์คุณ Bow Nuttaa Mahattana มาลง เห็นเป็นเหตุ-เป็นผลน่ารับฟัง ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ
Bow Nuttaa Mahattana
บอกไว้ล่วงหน้าว่ารัฐบาลไม่ควรไปบ้าจี้หาทางเอาวัคซีนมาฉีดฟรีให้ทุกคนนะคะ ทรัพยากรต้องใช้อย่างมีเหตุผล
มันมีฐานคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์อยู่ค่ะว่าคนมีภูมิกี่เปอร์เซ็นต์แล้วโรคจะหยุดระบาด
และมีวิธีแบ่งกลุ่มเรียงลำดับความสำคัญ แล้วเติมจนครบเปอร์เซ็นต์นั้นได้
หากคุณอยู่ในกลุ่มนั้นก็ควรจะได้ฉีดฟรี ที่เหลือใครอยากฉีดเองก็จ่ายเงินฉีดไป ไม่ได้เป็นปัญหา
และไม่ควรมีใครฉวยโอกาสเอาคำว่าความเหลื่อมล้ำมาหากินกับเรื่องแบบนี้ งบประมาณต้องเกลี่ยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ป.ล.1 โควิดไม่ใช่โรคร้ายแรงที่อยู่ในลิสต์วัคซีนขั้นพื้นฐานที่แพทย์กำหนดให้ฉีดทุกคน
แต่การฉีดเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการระบาด เหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีการอัพเดทเป็นระยะ
หรือวัคซีนบางโรคที่มีคำแนะนำว่า ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรต้องฉีดบ้าง
เพราะแต่ละโรคก็มีศักยภาพต่อสภาพร่างกายและ/หรือช่วงวัยที่ต่างกัน จึงสามารถวางแผนและตั้งเกณฑ์การฉีดตามหลักระบาดวิทยาได้
เหมือนการสั่งปิดพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่ควรต้องหว่านแห เพื่อจะสามารถเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้ดีขึ้น ในกรณีที่ไม่ได้มีงบประมาณเหลือจนจ่ายเยียวยาทุกคนได้ครบเหมือนบางประเทศค่ะ
ป.ล.2 ตอบเรื่องวิธีการเรียงลำดับเท่าที่จำได้จะประมาณนี้ค่ะ >บุคลากรทางการแพทย์ – ผู้สูงวัย – มีโรคประจำตัว – คนทำงานพื้นที่สาธารณะ เช่น ขับแท็กซี่ ร้านอาหาร เป็นต้น
(อันนี้ยังไม่ได้เช็คลำดับนะคะ แต่มันมีเหตุผลแบบนี้เพราะวัคซีนมันทยอยผลิตได้จำนวนจำกัด และอีกสักพักใหญ่ๆ ก็คงต้องผลิตตัวใหม่ตามสายพันธุ์)
เธอยังได้ตอบคอมเมนต์ที่มีคนถาม ว่า….
ทำไมบางคนมีสิทธิ บางคนไม่มีสิทธิฉีด ทั้ง ๆ เสียภาษีเหมือนกัน จะฉีดแต่บุคลากรการแพทย์ ผู้สูงอายุ คนมีโรคประจำตัว แล้วคนไม่เข้าเงื่อนไขต้องจ่ายเงินเอง ทรัพยากรต้องใช้อย่างมีเหตุผล
นี่ผมนึกไปถึงงบซื้ออาวุธ และงบประมาณสถาบันเลย ปีละตั้ง 36,000 ล้าน คือไม่ได้ไม่เข้าใจ ว่าถ้าเปอร์เซ็นต์คนฉีดวัคซีนระดับนึง มันจะควบคุมการระบาดได้
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมกับสิทธิผลประโยชน์ประชาชน ถึงต้องคิดเล็กคิดน้อย
นี่คือคำตอบของ Bow Nuttaa Mahattana
“เพราะในบริบทนี้ วัคซีนคือเครื่องมือในการป้องกันโรคระบาด ก็ต้องมีแผนในการฉีดเพื่อหยุดการระบาดด้วยเหตุผลที่อธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ค่ะ
วัคซีนไม่ใช่สิทธิรักษาโรคขั้นพื้นฐานที่ควรมีให้ทุกคน ไม่มีความจำเป็นต้องไปฉีดทิ้งฉีดขว้าง งบประมาณมีที่จำเป็นให้ใช้อยู่
และการใช้เหตุผลว่า ทีงบก้อนโน้นก้อนนี้ยังใช้ได้แบบไม่สมเหตุสมผลเลย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะทำแบบเดียวกันกับงบก้อนนี้ด้วย”
เออ….
ผมว่า ความคิดแยกแยะแบบ “คุณโบว์ ณัฏฐา” ถ้าเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย น่าจะสร้างราคาให้พรรคได้มากกว่าคนปัจจุบันนะ.