ผักกาดหอม
ปิดสภาทำไม?
ฝ่ายค้านเขาบอกว่า…ไม่กลัวโควิดสักนิด
รับเงินเดือนมาแล้วอยากทำงานให้ประชาชน บลาๆๆๆ….ว่ากันไป
มันไม่ใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัวโควิด
แต่มันคือมาตรการทางสาธารณสุข ไม่ได้ทำเพราะ ส.ส.กลัวหรือไม่กลัวโควิด แต่ต้องทำเพื่อไม่ให้โควิดระบาด
ถ้าพวกคุณไม่ทำตัวอย่างให้ประชาชนเห็น ยังไปรวมตัวกันในห้องประชุมสภา แล้วจะให้เหตุผลอย่างไรหากประชาชนบอกว่างั้น ขอจัดงานประชุม สัมมนา จัดงานเลี้ยง จัดคอนเสิร์ต กันต่อไป
เพราะทีผู้แทนฯ ยังไปสุมหัวกันได้
ฝ่ายแค้นทำราวกับว่าถ้า “การเมือง” หยุดพักแล้วรัฐบาลจะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ
ตั้งท่าจะยื่นซักฟอกรัฐบาล
แต่ก็งอแงกลัวไม่ทัน เพราะสภาเลื่อนประชุม ๒ สัปดาห์
ฟังไปก็น่ารำคาญ ทั้งที่สภาปิดสมัยประชุม ๑ มีนาคม หักลบเวลาแล้ว ยังเหลืออีกเดือนกว่า อยากจะยื่นก็ยื่นตอนนี้ได้เลย
ถ้าไม่พร้อมแล้วจะให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ มันจะมากเกินไป
เห็นด่ากันปาวๆ ทุกวัน จะลากไส้ให้ได้ พ้น ๒ สัปดาห์นี้ก็เอาซะเลยสิ รออะไร
ครับ….สภาไทยควรจะประสีประสากับสถานการณ์โควิดอย่างจริงจัง
รับผิดชอบต่อประเทศให้มากกว่าพรรค หรือมวลชนของตัวเอง
ถ้าสะกดคำว่า “รับผิดชอบต่อประเทศ” ไม่ออก ลองดูความรับผิดชอบของสาวเชียงใหม่คนนี้
บางคนอาจหมั่นไส้ แต่อยากให้อ่านดีๆ นี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบมากกว่านักการเมืองหลายเท่าตัว
สาวเชียงใหม่ติดโควิด เธอโพสต์ไทม์ไลน์ของตัวเองผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “AP AP”
“….หนูขออนุญาตชี้แจงเพิ่มเติมค่ะ เนื่องจากเป็นผู้ที่ติดเชื้อโควิด-๑๙ จริงๆ ค่ะ
ไม่ได้ตอบใครหรือรับสายใครต้องขออภัยนะคะ
ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตปกติ กินข้าวลำอย่างเก่าเลย ไม่มีอาการใดๆ แสดงออกเลย
ใครที่หนูแจ้งไปไม่ถึง หรือยังไม่ได้ติดต่อไป สามารถไปตรวจหาเชื้อโควิดได้ฟรี ที่ รพ.ลานนา และ รพ.นครพิงค์ โดยแจ้งว่าคุณคือผู้ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
หนูต้องออกมาขอโทษผู้ใหญ่ พี่ๆ เพื่อน น้อง รวมไปถึงเจ้าของกิจการ ทุกๆ กิจการ ทุกพื้นที่ ทุกสถานที่ที่หนูได้ไปค่ะเพราะว่าตัวหนูเองไม่รู้จริงๆ หนูไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ จนถึงวันที่ ๓ รู้สึกไม่สบายก็ไปตรวจค่ะ และทีมแพทย์ยังไม่ได้ระบุค่ะว่าติดมาจากไหน
ไทม์ไลน์ ๑๔ วันของหนู มีละเอียดมากกว่าข่าวที่แถลงออกไปนะคะ ข้อมูลของหนูได้ย้อนไป ๑๔ วัน จนถึง ๑ เดือนค่ะ โดยการเข้าดูแชท ที่เคยคุยกับเพื่อน แม่ และแฟน ซึ่งหนูย้อนแชทไปอ่าน
หนูก็รู้แล้วว่าไปไหนทำอะไรบ้าง หนูจะบอกแม่และแฟนตลอดพร้อมภาพประกอบ และรูปภาพที่ถ่ายไว้ในมือถือซึ่งเป็นคนชอบถ่ายภาพอยู่แล้วค่ะ หนูใช้ภาพ และแชทตามที่บอกให้ปากคำกับทางกรมควบคุมโรคค่ะ
ยืนยันว่าเป็นความจริงทั้งหมดค่ะ สถานที่ที่หนูไปก็บอกทุกร้านค่ะ แต่ไม่ได้ลองชุดที่ร้านใดเลยค่ะ ถ้าใครต้องการเพิ่มเติมแบบละเอียดสามารถติดต่อกับกรมควบคุมโรคได้เลยค่ะ
หนูใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่ทราบข่าวว่ามีผลเป็นบวก นั่งคุยไทม์ไลน์ของหนูกับกรมควบคุมโรคค่ะ คุยผ่านโทรศัพท์ เลยไม่สามารถรับสายใครได้
วันที่ ๓ มกราคม รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ก่อนเข้าบ้านเลยแวะตรวจที่ รพ.ค่ะ ทีแรกแพทย์แจ้งว่าเป็นไข้เลือดออก ตัวหนูเองได้ตรวจหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ และโควิด-๑๙
วันที่ ๔ มกราคม นอนอยู่บ้านทั้งวัน จนเวลา ๑๖.๕๐ กรมควบคุมโรคโทรมาแจ้งว่าพบว่าผลเป็นบวกค่ะ (ซึ่งก็ยังไม่ได้เห็นเอกสารยืนยันนะคะ) ทีมแพทย์เข้ามารับที่บ้านค่ะและนำไปรักษาตัวต่อที่ รพ.นครพิงค์
ปกติหนูเป็นคนเที่ยวอยู่แล้วค่ะ ชอบเที่ยว ดื่ม สังสรรค์กับเพื่อน และบุคคลที่อยู่ใกล้ตัวหนูที่ไปเที่ยวด้วยกันหนูได้แจ้งครบทุกคนให้ไปตรวจแล้วค่ะ บางส่วนผลออกแล้ว ผลเป็นลบค่ะ
หนูมีเพื่อนหลายกลุ่มค่ะ ซึ่งตัวหนูเองได้แจ้งกับคนที่ใกล้ชิดกับหนูทุกคน และการบอกต่อให้
หนูมีอาชีพค้าขาย จริงค่ะ ทำกับที่บ้าน คนทำอาหารเป็นคุณพ่อและแม่ค่ะ ส่วนตัวหนูเองไม่ได้เป็นคนปรุงอาหารแต่อย่างใดค่ะ และที่ไม่มีตลาดเมืองใหม่หรือร้านขายของสดในไทม์ไลน์ เพราะหนูมีร้านประจำมาส่งของที่บ้านค่ะ และเคลียร์บิลเป็นรายอาทิตย์ๆ ไป แม่หนูจึงไม่เดินทางไปที่ตลาดเมืองใหม่ค่ะ ส่วนตัวหนูเองไปขายที่ตลาดค่ะตามที่แจ้งค่ะ ระหว่างที่ขายหนูสวมหน้ากากตลอดเวลาค่ะ
มีคนบอกว่าหนูทำงานเป็น PR/Entertain ใช่มั้ย เที่ยวขนาดนั้น เพราะไทม์ไลน์ของหนูมีแต่สถานบันเทิง ไม่ได้ทำงานประเภทนั้นค่ะ เพียงแค่หนูมีคนรู้จักเยอะแยะมากมาย เวลาไปเที่ยวก็เจอคนเยอะแยะ
ถามว่าทำไมในไทม์ไลน์ถึงไม่มีแฟนหนู แฟนหนูทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ เขาเป็นคนขยัน เก็บสะสมวันหยุดให้ได้นานที่สุดแล้วเขาถึงจะหยุด นับได้ก็ ๕๘ วันแล้วค่ะที่ไม่ได้เจอ เขาจึงไม่อยู่ในไทม์ไลน์ ส่วนคนที่บอกว่าหนูติดมาจากแฟนหนูไม่เป็นความจริงค่ะ
ส่วนการรักษาโรคโควิด-๑๙ เป็นไปตามกระบวนการของทีมแพทย์ค่ะ ได้รักษาตัวอยู่ในห้องความดันลบค่ะ อยู่คนเดียว ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้นอกจากจะต้องฉีดยาหรือ X-ray ทีมแพทย์จะสวมชุดแบบที่เราเคยเห็นค่ะ
หมอได้ชี้แจงว่าการที่เราติดเชื้อนั้น ไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้น หนูอาจจะติดจากเงิน จากพื้นที่บางจุดที่มีเชื้ออยู่ โดยทุกคนไม่สามารถรับเชื้อได้ทุกคน
บางคนรับเชื้อมาแพร่สู่เรา แต่เขาก็อาจจะไม่เป็นค่ะ แต่หนูอาจจะได้รับเชื้อมาแล้วเป็น เพียงเพราะหนูเองอาจจะเป็นช่วงที่ภูมิต้านทานต่ำพอดี หนูจึงได้รับเชื้อ
หนูยอมรับผิดค่ะ และหนูเองพูดความจริงทุกอย่างไปที่ไหนทำอะไรยังไงบ้าง และขอบคุณกำลังใจจากทุกคนค่ะ ขอบคุณจากใจจริงๆ ส่วนคนที่นำเรื่องไปพูดโดยที่ไม่รู้ความจริง ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้หนูได้รู้แล้ว ว่าใครเป็นยังไง โดยเฉพาะคนใกล้ตัวที่หนูและแม่ได้ซัพพอร์ต ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด เขาได้นำเรื่องของหนูไปพูดต่อโดยไม่เป็นความจริง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่รู้สึกแย่มากค่ะ
ป.ล. หนูเป็นโควิด-๑๙ ค่ะ ไม่ใช่โจรยิงกราด
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ…
ใครจะด่าว่าเธอแรด ก็อยากให้มองอีกมุม
เธอรับผิด และแสดงความรับผิดชอบ เขียนไทม์ไลน์ละเอียดยิบ บอกหมดว่า ไปไหน ทำอะไร กับใคร อย่างไร
ถ้าทุกคนที่ติดโควิด ให้ข้อมูลที่เป็นจริงแบบนี้ การสอบสวนโรคจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก
แล้วไปดูผู้แทนฯ ในสภา มีความรับผิดชอบแค่ไหน
บังเอิญว่ามีวิวาทะระหว่าง หมอสุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานชวน กับโฆษกพรรคก้าวไกล
“หมอสุกิจ” พยายามอธิบายว่า เหตุที่ต้องเลื่อนประชุมสภาไป ๒ สัปดาห์ เพราะไม่ต้องการให้สภาเป็นแหล่งระบาดโควิดแหล่งใหม่
ก็ลองนึกภาพซิครับ ถ้า สภา-ทำเนียบ ติดโควิดกันงอมแงม มันจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้
“หมอสุกิจ” ย้อนเหตุการณ์ว่า “อนุกรรมาธิการคณะหนึ่งปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจากจังหวัดระยองเข้าร่วมประชุม โดยที่ประธานอนุกรรมการชุดนั้นก็เป็นคนของพรรคก้าวไกล”
แทนที่ โฆษกพรรคก้าวไกล จะแสดงความรับผิดชอบ อย่างน้อยก็ขอโทษ ซึ่งก็คงไม่มีใครจะไปถือโทษ
แต่กลับไล่ให้ไปดูว่า เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิของสภามีพอหรือเปล่า ประสิทธิภาพแค่ไหน
อืมมม…ดูประสิทธิภาพตัวเองก่อนดีไหม
อายสาวเชียงใหม่เขานะ.